ทำความเข้าใจ ขี้เปียก คืออะไร และการดูแลอวัยวะเพศเด็กผู้ชาย

ขี้เปียก คืออะไร จะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพของลูกหรือเปล่า ดูจะเป็นหนึ่งในคำถามคาใจของคุณแม่มือใหม่หลายคน ดังนั้นวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมด้วยคำแนะนำในการดูแลอวัยวะเพศของลูกชายกันค่ะ

ขี้เปียก คืออะไร
ขี้เปียก คือเซลล์เก่าที่ลอกหลุดออกมา แล้วมารวมตัวอยู่ที่ใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ขี้เปียกมีลักษณะเป็นไขสีขาวๆ โดยทำหน้าที่ช่วยลดแรงเสียดสีระหว่างหนังหุ้มปลายและอวัยวะเพศ ซึ่งตามปกติแล้วถ้าคุณพ่อคุณแม่ดูแลและรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ก็จะไม่ทำให้เกิดปัญหาใดๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ละเลยเรื่องความสะอาด ก็ย่อมมีโอกาสกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย จนทำให้อวัยวะเพศของลูกเกิดการอักเสบและติดเชื้อโรคได้ในที่สุด

การทำความสะอาด อวัยวะเพศของลูก
รู้กันแล้วว่าขี้เปียก คืออะไร ทีนี้มาดูวิธีการทำความสะอาดอวัยวะเพศของลูกกันบ้าง โดยมีดังนี้

1.ในกรณีที่ลูกได้รับการขลิบอวัยวะเพศมาแล้ว
การขลิบนั้น มักเป็นที่นิยมทำกันในกลุ่มๆหนึ่ง เช่นเป็นไปตามประเพณีทางศาสนาที่เป็นข้อบังคับให้เด็กผู้ชายต้องได้รับการขลิบ โดยเป็นการตัดเอาหนังที่หุ้มปลายอวัยวะเพศออก นอกจากนี้อาจมีสาเหตุอื่นๆที่ทำให้จำเป็นต้องทำการขลิบ เช่นเด็กที่มีปัญหาหนังหุ้มปลายเปิดไม่เต็มที่ ซึ่งส่งผลทำให้ปัสสาวะได้ลำบาก เป็นต้น โดยการดูแลทารกที่ได้รับการขลิบมานั้น มีวิธีดังนี้

• เปลี่ยนแพมเพิสบ่อยๆ เมื่อแผลยังไม่แห้งดี คุณแม่ต้องหมั่นเปลี่ยนแพมเพิส เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของความชื้นและความสกปรก จากปัสสาวะและอุจจาระจนทำให้เกิดอาการระคายเคือง
• ล้างทำความสะอาด หลังการขับถ่ายของเสีย คุณแม่ต้องล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกครั้ง และซับให้แห้ง
• ใช้ขี้ผึ้ง หรือยาทาก่อนใส่แพมเพิส การทาขี้ผึ้งก็เพื่อช่วยลดอาการระคายเคืองจากการใส่ผ้าอ้อมอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

2.ในกรณีที่ลูกยังไม่เคยเข้ารับการขลิบอวัยวะเพศ
เมื่ออาบน้ำให้ล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศของลูกด้วยทุกครั้ง โดยรูดหนังปลายอวัยวะเพศให้ตึงเล็กน้อย แล้วล้างทำความสะอาดด้วยสบู่และน้ำเปล่าอย่างเบามือ ซึ่งจะช่วยล้างสิ่งที่อาจตกค้างอยู่บริเวณนั้น เช่น น้ำปัสสาวะหรือเศษอุจจาระ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้ต่อไป

คำแนะนำการดูแลอวัยวะเพศลูกชาย
เมื่อมีลูกชาย นอกจากต้องทำความเข้าใจกับขี้เปียก คืออะไรแล้ว คุณแม่ควรดูแลอวัยะเพศของลูกอย่างถูกวิธี ดังต่อไปนี้

1.ปัสสาวะให้หมด
เมื่อลูกปัสสาวะทุกครั้ง คุณแม่ควรรอให้ลูกปัสสาวะให้สุดก่อน เพื่อล้างทำความสะอาดได้อย่างหมดจด และไม่เกิดการหมักหมมของเชื้อโรค

2.เช็ดอุจจาระให้เกลี้ยง
ในกรณีที่ลูกอุจจาระ คุณแม่ต้องใช้สำลีแผ่นใหม่ เช็ดทำความสะอาดให้เกลี้ยง โดยเช็ดจากส่วนบนลงล่าง เน้นเช็ดบริเวณร่องก้นให้สะอาด และซับให้แห้ง เพื่อป้องกันความเปียกชื้นที่อาจเกิดขึ้น

3.หมั่นเปลี่ยนผ้าอ้อม
คุณแม่ควรหมั่นสังเกต เมื่อลูกปัสสาวะ ควรต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยๆ อย่าปล่อยจนชื้นแฉะ โดยเฉพาะเมื่อลูกอุจจาระควรเปลี่ยนผ้าอ้อมทันที และควรล้างทำความสะอาดบริเวณดังกล่าว พร้อมซับให้แห้งทุกครั้ง ก่อนสวมใส่ผ้าอ้อมผื่นใหม่

4.ทำความสะอาดอวัยวะเพศ
ขี้เปียก คือสิ่งหมักหมมอย่างหนึ่ง ดังนั้นเมื่อคุณแม่อาบน้ำให้ลูกทุกครั้ง นอกจากการอาบน้ำฟอกสบู่ตามร่างกายของลูกน้อยแล้ว ให้คุณแม่ล้างทำความสะอาดบริเวณใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศด้วยทุกครั้ง  เพราะบริเวณนั้นมักเป็นแหล่งสะสมของคราบสกปรกต่างๆ

5.ใช้น้ำสบู่อ่อนๆ
ถ้าคุณแม่รู้สึกว่าลูกสกปรกหรือเลอะเทอะมาก การล้างด้วยน้ำเปล่า อาจทำความสะอาดได้ไม่ดีพอ ดังนั้นคุณแม่สามารถใช้สบู่อ่อนสำหรับเด็ก ผสมน้ำแล้วล้างทำความสะอาดได้ แต่ไม่แนะนำการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรค เพราะน้ำยามีความรุนแรงและอาจทำให้ผิวลูกระคายเคืองได้

6.ไม่ใช้แป้ง
หลังอาบน้ำ แล้วควรซับให้แห้ง ไม่ควรใช้แป้งโรย เพราะอาจทำให้เกิดการสะสมและติดเชื้อ ควรใช้เพียงขี้ผึ้งหรือยาที่แพทย์แนะนำเพื่อป้องกันการระคายเคืองจากการใส่แพมเพิสเท่านั้น

7.ไม่ดึงแรง
คุณแม่ไม่ควรเผลอดึงปลายอวัยวะเพศของลูกแรง เพราะหวังว่าจะช่วยแยกบริเวณผิวหนังกับส่วนปลายของอวัยวะเพศลูก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้น หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศนี้จะรูดได้มากขึ้น เมื่อลูกเติบโตขึ้นเอง ดังนั้นเด็กที่มีปัญหาหนังหุ้มปลายอวัยวะเปิดไม่เต็มที่ คุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาจะดีกว่า

8.ให้ลูกดูดนมมากๆ
คุณแม่ควรให้ลูกได้ดูดนมอย่างเพียงพอ ซึ่งการได้รับน้ำนมอย่างเพียงพอจะทำให้ทารกเติบโตและแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังช่วยทำให้ปัสสาวะที่ออกมาเจือจางลงอีกด้วย

9.ใช้ผลิตภัณฑ์เด็ก
การเลือกน้ำยาซักผ้าทำความสะอาดเสื้อผ้าของทารกก็เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ เพราะทารกมีผิวที่บอบบาง อาจเกิดการระคายเคืองได้ง่าย โดยเฉพาะจุดซ่อนเร้น ดังนั้นคุณแม่ต้องพิถีพิถันในการเลือกใช้น้ำยาซักผ้า รวมทั้งการเลือกใช้ยาที่จะมาทาที่อวัยวะนั้นๆ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ก่อน

10.พบแพทย์
เมื่อดูแลความสะอาดได้ไม่ดีพอ จนส่งผลให้อวัยวะเพศของลูกมีอาการปวด แดงและคัน ควรพาลูกไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนว่ามีการติดเชื้อเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งแพทย์จะได้ทำการรักษาต่อไป

ในช่วงที่ลูกยังเป็นทารก การดูแลความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าปล่อยให้ลูกติดเชื้อ อาจลุกลามเป็นเรื่องใหญ่โตได้ ดังนั้นการที่คุณแม่รู้จักกับขี้เปียก คืออะไร รวมทั้งวิธีการทำความสะอาดอวัยวะเพศของลูก ก็จะช่วยให้การเลี้ยงทารกง่ายขึ้นได้