Milli ขอพักก่อนทุกดราม่า นาทีนี้ต้องรักตัวเองให้ดีที่สุด

Milli ขอพักก่อนทุกดราม่า นาทีนี้ต้องรักตัวเองให้ดีที่สุด

Milli ขอพักก่อนทุกดราม่า นาทีนี้ต้องรักตัวเองให้ดีที่สุด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่มีสมญาไหนจะเหมาะกับ MILLI แรปเปอร์หญิงที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ เท่ากับ “MILLI วันละล้าน” อีกแล้ว เพราะยอดวิวของเพลง พักก่อน (Prod.by NINO) เพลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการของเธอ มียอดผู้ชมเพิ่มขึ้นวันละล้านวิวจริงๆ

แน่นอนว่า เมื่อแสงของสปอตไลท์สาดเข้าสู่ตัวเธออย่างแรง ทำให้นอกจากจะมีทั้งเสียงชื่นชมอย่างหนาหู ย่อมนำมาซึ่งดราม่าหนาตาจนแน่นหน้าฟีดเช่นกัน จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าตัวที่จะต้องตั้งสติเพื่อตั้งรับกับทุกดอกไม้และก้อนอิฐที่ถาโถมเข้าสู่ชีวิตของสาวน้อยเจ้าของทัศนคติสุดเปรี้ยว ผู้ยังไม่ถึงวัยบรรลุนิติภาวะ และเพิ่งจบชั้นมัธยมศึกษามาหมาดๆ

“กดดันค่ะ” เธอตอบทันทีเมื่อเราถามถึงความรู้สึกของสถานะที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ “หนูได้ยินมาตลอดว่าเราไม่จำเป็นต้องแคร์คนทั้งโลก ที่ผ่านมาก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่พอเพลง พักก่อน เจอดราม่าเรื่องเนื้อร้องที่หลายคนตีความว่าหนูเหยียดผู้หญิงด้วยกันเอง เพราะเขาไม่เข้าใจประเด็นที่หนูต้องการจะสื่อจริงๆ หนูเลยตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนกันว่า แล้วต้องทำเพลงแบบไหนทุกคนถึงจะชอบ เครียดไปพักนึงเหมือนกัน จนพี่ๆ ในค่าย YUPP! บอกว่า ไม่ต้องไปแคร์ เราทำเพลงให้ตัวเองชอบในแบบที่ตัวเองต้องการก็พอ เราจะได้ไม่ต้องไปเสียใจทีหลังว่า รู้งี้เราน่าจะพูดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ เราต้องยืนหยัดความเป็นตัวเรา แล้วสักวันจะมีคนเข้าใจเราเอง” MILLI หรือ มินนี่ – ดนุภา คณาธีรกุล เล่าถึงความในใจในวันที่เธอตั้งหลักได้อย่างมั่นคงพอประมาณ

หลายคนคงสงสัยเหมือนเราว่า อะไรทำให้เด็กสาวคนนี้มีความสามารถรอบตัวอย่างเหลือล้น เสียงของเธอช่างมีเสน่ห์ เข้ากับสำเนียงฉะฉาน สอดรับกับการร้องแร็ปที่เต็มไปด้วยปฏิภาณไหวพริบ และไปด้วยกันได้ดีกับจังหวะจะโคนในการขยับร่างกายไปตามท่วงทำนองเพลงที่แต่งเองทุกคำ บอกเลยว่าเบื้องหลังส่วนใหญ่มาจากอิทธิพลของสตรีผู้อยู่รอบตัว

ย่า ยาย แม่ และพุ่มพวง ดวงจันทร์

“หนูได้รับสปีชีส์บ้างานมาจากย่า ยาย และแม่” มินนี่ลองวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้เธอเป็นเด็กบ้ากิจกรรม และกระหายในการสมัครประกวดความสามารถในหลายเวที “พ่อเล่าให้ฟังว่า ย่าหนูเก่งมาก ทำงานก่อสร้างทั้งวัน พอกลับถึงบ้านก็พับถุงขาย จนส่งลูกเรียนจบปริญญาตรี ส่วนยายของหนูก็เป็นทั้งครู เป็นทั้งแม่ค้าขายมะม่วง มาจนถึงแม่ที่แม้ตอนนี้จะป่วยเป็นโรค SLE (ภูมิแพ้ตัวเอง) แต่ก็ยังทำงานเป็นมัคคุเทศก์ เป็นครูสอนเด็กพิเศษ ขายเสื้อผ้ามือสอง ขายของออนไลน์ ฯลฯ แม่เป็นผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยานสูง และขวนขวายให้ตัวเองมีเงินมากกว่านี้ เพื่อที่บั้นปลายจะได้เสวยสุข หนูก็เลยชอบทำโน่นทำนี่มาตั้งแต่เด็ก เวลาพ่อกับแม่ไปเป็นไกด์นำทัวร์ หนูก็ไปเป็นสตาฟฟ์ช่วยแจกของ คอยบริการลูกค้าอีกแรง”

“ส่วนกิจกรรมต่างๆ ก็ทำมาตั้งแต่เด็ก เริ่มตั้งแต่เป็นตัวแทนประกวดเล่านิทานทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ประกวดอ่านทำนองเสนาะ แสดงละครเวที ประกวด The Voice, BNK, YG, JYP, มิสทีน ไทยแลนด์ ฯลฯ ซึ่งพ่อกับแม่สนับสนุนตลอด เขาบอกเสมอให้ลองทำดูสิ ไม่เสียหาย สุดท้ายความสำเร็จก็อยู่ที่ว่าเราพยายามมากหรือน้อย ไม่มีทางที่ความสำเร็จจะวิ่งมาหาเราเอง เราต้องพยายามจนกว่าจะประสบความสำเร็จ บางงานหนูแอบคิดว่าตัวเองน่าจะชนะ แต่พอไม่เข้ารอบ ก็เสียเซลฟ์นิดนึง แต่ก็รู้สึกว่า ไม่เป็นไร เราไม่ได้เก่งที่สุดในโลก มีคนที่เก่งกว่าเราอยู่แล้ว ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือ กลับไปพัฒนาตัวเองให้เก่งเท่าเขาหรือเก่งกว่าเขา เราถึงจะไปยืนอยู่ในจุดที่เขายืนได้ในวันข้างหน้า” มินนี่ตอบรัวๆ ด้วยความมั่นใจ

ที่ผ่านมาเธอมักให้สัมภาษณ์กับหลายสื่อว่า ศิลปินที่มีอิทธิพลต่อการเติบโตมาเป็นแร็ปเปอร์ของเธอ ได้แก่ Nicki Minaj และ Cardi B แต่ล่าสุดเธอเพิ่งเทใจให้ศิลปินลูกทุ่งระดับตำนานของไทยอย่าง พุ่มพวง ดวงจันทร์

“ด้วยความที่หนูทำผมหยิกฟูๆ ในเอ็มวีเพลง พักก่อน แล้วก็มีคนมาคอมเมนต์กันเยอะว่า เหมือนพุ่มพวงจังเลย พอหนูลองเสิร์ชข้อมูลดูก็พบว่า หนูกับแม่พุ่มมีการเพอร์ฟอร์มบนเวทีที่คล้ายกันมาก ยิ่งศึกษาประวัติของแม่พุ่มเพิ่มเติมยิ่งทึ่งถึงหนทางการเดินตามความฝันของเขาที่ไม่ง่ายเลย แล้วแต่ละทอปิคในเพลงของแม่พุ่มก็เฟี้ยวฟ้าวและมีความฮิปฮอปมาก กล้าหยิบยกประเด็นที่คนไม่กล้าพูดถึงในสมัยนั้นมาพูดในเพลง เช่น ฉันเปล่านะ เขามาเอง ฉันเปล่าชวนนะ เขามาเอง ในขณะที่สังคมสมัยนั้นยึดถือว่าผู้หญิงต้องเป็นกุลสตรี เรียบร้อย อย่าเข้าหาผู้ชายก่อน แต่แม่ไม่แคร์ แม่ปั๊วะ แม่ที่หนึ่ง แม่ก็บอกว่าแม่ไม่ได้ไปหาเขา เขามาหาแม่เอง แม่ก็ไม่รู้เรื่อง (ทำเสียงสอง) นั่นทำให้แม้จะจากโลกนี้ไปนานแล้ว แต่เพลงของพุ่มพวง ดวงจันทร์ยังคงเป็นอมตะอยู่ เขาคือตำนานตัวจริง ซึ่งหนูอยากเป็นตำนานแบบนี้บ้าง”

ด้วยรักและเคารพตัวเอง

แวดล้อมด้วยผู้ใหญ่และเพื่อนที่ดีคงไม่พอ ถ้ามินนี่ไม่รักตัวเอง เธอคงไม่สามารถพาตัวเองมาได้ไกลขนาดนี้ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าวัยรุ่นเป็นวัยว้าวุ่น ทั้งเรื่องการเรียน ความรัก หรือการถูกกลั่นแกล้งต่างๆ นานา ที่เราเองก็เห็นข่าวการบูลลี่ในสังคมอยู่เป็นประจำ

“การบอกให้ใครสักคนรักตัวเองสามารถพูดได้ง่ายมาก แต่ทำได้ยาก” มินนี่แสดงความคิดเห็นถึงคำว่ารักตัวเอง “และสถานการณ์ที่ทำได้ยากที่สุดก็คือ การเจอกับปัญหาเรื่องความรัก หลายคนโดนคนที่เขารักทำร้ายจิตใจ แต่กลับยังรักเขาอยู่ได้ โดยไม่รู้สึกรักตัวเองบ้างเลย หนูมักให้คำแนะนำเพื่อนเสมอว่า ถึงใครจะไม่รักมึง แต่มึงต้องรักตัวเอง หรือถ้ามึงไม่รักตัวเอง มึงอย่าลืมว่ากูรักมึงนะ อย่าทำอะไรโดยไม่คิด อย่าให้ใครมาทำร้ายตัวเรา และอย่าให้ตัวเราทำร้ายตัวเองด้วย จะไม่มีใครมาทำร้ายเราได้ ถ้าเรารักตัวเองมากพอ”

มินนี่ออกตัวว่ามักรับบทที่ปรึกษาให้กับเพื่อนๆ ในหลายเรื่อง แล้วเมื่อเธอเจอกับปัญหาหนักอกบ้าง เธอผ่านมันไปได้อย่างไร “ปัญหาหนักๆ ที่เคยเจอก็เป็นเรื่องความรักนี่แหละ หนูเองก็เคยรู้สึกว่าตัวเองแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ เขาถึงไม่เลือกเรา เขาถึงทำกับเราแบบนี้ เขาถึงต้องทิ้งเราไป แต่สุดท้ายแล้ว เราต้องคิดในมุมมองที่เซฟความรู้สึกตัวเองด้วยว่า เราไม่ได้แย่ แต่เขาแค่ไม่ดีพอที่จะอยู่กับเรา เราต้องไม่จมปลักอยู่กับทัศนคติลบว่าฉันแย่ หรือไม่คู่ควรกับใครแล้ว ไม่จริง ในโลกนี้ต้องมีอีกคนที่พร้อมจะเข้าใจเราในทุกๆ เรื่อง ซึ่งคนนั้นยังเดินมาไม่ถึงเรา เราต้องอย่าถอดใจ ซึ่งหนูหมายถึงในทุกๆ เรื่อง ไม่ใช่แค่ความรัก มันย่อมมีที่ทางที่เหมาะสมกับเราอยู่แล้ว แค่วันนั้นมันยังมาไม่ถึง อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการบอกว่าตัวเองไร้ค่าไปเสียก่อน เพราะทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง”

รักตัวเองอย่างเป็นรูปธรรม

ปรับทัศนคติภายในได้แล้ว การลุกขึ้นมารักตัวเองด้วยการแต่งเนื้อแต่งตัวให้สนุกในทุกๆ วัน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มินนี่บอกว่าใช้ได้ผลเสมอ เธอไม่เคยลังเลที่จะหยิบเสื้อเอวลอยมาใส่คู่กับกางเกงสามส่วน สวมแหวนของเล่นให้ครบทุกนิ้ว และคว้ารองเท้าผ้าใบ Converse Chuck Taylor All Star Low ที่มีกิมมิคเป็นหัวใจดวงเล็กๆ ประดับอยู่ ก็ถือเป็นการประกาศความรักตัวเองที่เจ๋งไม่เบา

“เมื่อก่อนหนูโดนล้อเรื่องสีผิวบ่อยมาก เพราะเกิดมาไม่ได้ผิวขาวแบบพิมพ์นิยมที่คนไทยชอบ ก็ธรรมชาติเลือกแล้วให้หนูเป็นแบบนี้ แล้วหนูก็ไม่โทษธรรมชาติด้วย หนูภูมิใจในผิวสีนี้ ไม่มีความคิดที่อยากจะฉีดกลูต้าให้ตัวเองขาวขึ้นเลย สีผิวแบบหนูนี่แหละ เจ๋งที่สุดแล้ว หนูยังพูดกับเพื่อนที่สีผิวสีน้ำผึ้งเหมือนกันบ่อยๆ ว่า มึงสวยมาก มึงปั๊วะที่สุดแล้ว เอาน้ำมันมาชโลมแล้วดูแลผิวนะ มึงคือปั๊วะ!” มินนี่ใส่จริตเน้นคำเพิ่มอรรถรสให้เรื่องเล่า ก่อนจะปิดท้ายเรื่องการให้คุณค่ากับตัวเองให้คนอื่นได้ลองเอาไปปรับใช้กันดู

“การจะบอกให้ใครสักคนให้คุณค่ากับตัวเอง ต้องขึ้นอยู่กับตัวเขาด้วยว่าจะคิดได้มากน้อยแค่ไหนว่า ตัวฉันมีคุณค่า ฉันปั๊วะ และฉันจะปังที่สุดในโลก แต่ถ้าคิดไม่ได้ก็คือ คิดไม่ได้ ก็ยังคงวิ่งตามหาคนที่จะมาให้คุณค่ากับเรา แต่ในเมื่อเราไม่เคยให้คุณค่าตัวเอง ก็ไม่มีทางเจอคนๆ นั้นหรอก”

(Advertorial)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook