Mew Laknara Wallpaper : Somthing Sweet

Mew Laknara Wallpaper : Somthing Sweet

Mew Laknara Wallpaper : Somthing Sweet
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถึงแม้จะเข้ามาในวงการตอนอายุยังน้อย แต่ตอนนี้ก็โตเป็นสาวสวยสะพรั่ง อีกทั้งยังมีฝีมือการแสดงที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ สำหรับนางเอกน้องใหม่ "มิว-ลักษณ์นารา เปี้ยทา" สาวตาโต แก้มป่อง

จากละครเรื่องแรก "วนาลี" แต่ก็มาแจ้งเกิดในบทเงือกสาวจาก รักนี้หัวใจมีครีบ จนวันนี้เธอได้กลายเป็นนักแสดงเต็มตัวในสังกัด เอ ศุภชัย ไปแล้ว ล่าสุดเธอกำลังมีผลงานละครเรื่องใหม่ "สาปพระเพ็ง" ประกบคู่กับ "โฬม-พัชฏะ" เป็นครั้งแรก และกำลังมีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตกับชื่อเก๋ๆ ที่ว่า "เกรียน ฟิคชั่น" มาให้ติดตามกันอีกด้วย

มิว ลักษณ์นารา  เปี้ยทามิว ลักษณ์นารา เปี้ยทา

เป็นสาว 2 บุคลิกในละครเรื่องใหม่ "สาปพระเพ็ง"
"ตอนนี้กำลังถ่ายละครเรื่อง สาปพระเพ็ง เป็นละครของอาตู่ นพพล ของค่ายเป่าจินจง เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับความรัก และคำสาปที่เกิดขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน พอกลับชาติมาเกิดก็มีเรื่องราวทั้งความรัก ความผูกพัน และความแค้นเกิดขึ้นอีกครั้ง มีการสืบสวนสอบสวนข้ามภพข้ามชาติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ออกแนวแฟนตาซี และดราม่าเยอะเหมือนกัน ในเรื่องมิวต้องเล่นเป็น 2 ตัวละคร ในภาคอดีต ชื่อ เจ้านางมรันมา เป็นผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวาน เป็นทาสที่ถูกกดขี่ข่มเหงและเป็นคนเก็บกดตลอดเวลา ส่วนในภาคปัจจุบัน ชื่อ รัดเกล้า เป็นคนที่สดใสร่าเริง ลุยๆ ห้าวๆ เป็นคนที่มีชีวิตอิสระ คาแรคเตอร์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เรื่องนี้ได้เล่นกับพี่โฬม พัชฏะครั้งแรก พี่เค้าน่ารัก เป็นพี่ชายที่แสนดี คอยสอนเรื่องการแสดง และคอยแกล้งๆ แหย่ๆ ให้เราไม่เครียดเวลาทำงาน ชอบเล่าเรื่องตลกให้ฟัง จนบางครั้งขำจนจำบทไม่ได้เลย (หัวเราะ) ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็เป็นกันเอง และเก่งมาก อาตู่ก็ใจดี ไม่ดุเลย เค้าจะสอนด้วยความห่วงใยและเอ็นดูเรามากกว่าค่ะ"

ครั้งแรกในชีวิตกับการแสดงภาพยนตร์
"ตอนนี้มีหนังวัยรุ่นเรื่อง เกรียน ฟิคชั่น ของพี่มะเดี่ยว (ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล) เป็นหนังเรื่องแรกของมิวเลย ต้องไปถ่ายทำที่ต่างจังหวัด ไปเรียนร้องเพลง และซ้อมละครเวทีด้วย เพราะต้องรับบทเป็นดาวโรงเรียน ต้องสวย เก่ง เพอร์เฟ็กต์ ทุกอย่างดูดีหมด เรื่องราวของกลุ่มเด็กผู้ชายที่ชอบทำอะไรเกรียนๆ แล้วโพสต์รูปลงเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมา ชื่อเว็บว่า เกรียน ฟิคชั่น สำหรับนักแสดงก็มีหลายคน มีพี่กิ๊บซี่ พี่โบ๊ท เดอะเยอร์ส และน้องๆ ที่ทางผู้กำกับเลือกมา ส่วนตัวรู้สึกดีใจมากที่มีโอกาสได้เล่น ตอนแรกที่รู้ว่าเป็นหนังของพี่มะเดี่ยวก็รับเลย เพราะเราเคยร่วมงานกันมาแล้วจากละครเรื่อง วนาลี พี่เค้าเป็นผู้กำกับเรื่องนั้น พี่มะเดี่ยวเป็นคนใจดีมาก พี่เค้าจะบอกว่าไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่แรกหรอก เราฟังแล้วก็รู้สึกมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น หวังอยู่เหมือนกันว่าหนังเรื่องนี้จะสนุก คนดูจะชอบค่ะ"

ไม่ว่าเป็นเด็กสังกัดใคร ถ้าวางตัวดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
"จริงๆ แล้วมิวเข้ามาในวงการโฆษณาก่อน ตอนนั้นอายุแค่ 4 ขวบก็ได้ถ่ายโฆษณามาเรื่อยๆ จนมาถึงโฆษณานมไทยเดนมาร์ก ได้เจอกับพี่เอ ศุภชัย พี่เอเป็นเหมือนครูคนหนึ่ง คอยดูแลเราตลอด อยากขอบคุณพี่เค้ามากที่ให้โอกาสเรามาทำงานตรงนี้ หลายๆ คนมองว่าถ้าเป็นเด็กพี่เอแล้ว เวลาทำอะไรก็จะง่ายขึ้น จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวกันหรอก พี่เอก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยส่งเสริม และทำให้เรามายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้ แต่ถ้าเราจะมีงาน หรือไม่มีงานต่อ มันก็ขึ้นอยู่กับฝีมือ ความมีระเบียบวินัย และความรับผิดชอบในการทำงานของเราด้วย ที่สำคัญถ้าเราวางตัวดี มีสัมมาคารวะ เวลาผู้ใหญ่เห็นแล้วเค้าก็จะชื่นชอบในตัวเรา ถึงแม้จะเป็นเด็กพี่เอ แต่ถ้าทำตัวไม่ดี เค้าก็คงไม่เอาเราหรอกค่ะ (ยิ้ม)"

เรียนรู้การแสดงจากรุ่นพี่ที่ชื่นชอบ
"มิวชอบงานแสดงมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนเรียนก็เป็นเด็กกิจกรรมคนหนึ่งที่กล้าแสดงออก เวลามีงานโรงเรียนจะเข้าร่วมตลอด พอวันหนึ่งได้มาเป็นนักแสดงเต็มตัว ก็รู้สึกว่าชอบ สนุกมาก มิวมีไอดอล คือ พี่แอน ทองประสม พี่หมิว ลลิตา มิวชอบวิธีการทำงาน วิธีคิด และนิสัยใจคอของพวกเค้า ทุกคนวางตัวได้ดีหมด และอีกคน คือ พี่ป๋อ ณัฐวุฒิ ตอนเด็กๆ เวลาเห็นพี่ป๋อในทีวี รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เท่ห์มาก พอมาเจอตัวจริง และได้ร่วมงานกัน แอบตื่นเต้น เกร็งมากเล่นละครไม่ได้เลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรากดดันตัวเอง ช่วงนั้นจะโดนดุบ่อยมาก เพราะไม่รู้ว่ามุมกล้องอยู่ตรงไหน ยืนบังพี่ป๋อตลอด ถึงขั้นกลับบ้านไปร้องไห้กับแม่บอกว่า ไม่อยากทำแล้ว รู้สึกท้อมาก แต่สุดท้ายก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี โชคดีมากที่มีพี่ป๋อคอยบอก คอยสอนการแสดงให้ พี่เค้าน่ารักมากค่ะ"

เฮฮาตามประสาเพื่อนสนิท แต่อารมณ์ติสต์ถ้าเจอคนแปลกหน้า
"หลายๆ คนบอกว่ามิวเป็นคนเงียบ และหน้าดุ ถ้าไม่ยิ้ม ไม่พูด ยิ่งดุเข้าไปใหญ่ เพราะคิดว่าเรากำลังโกรธ จริงๆ แล้วไม่มีอะไรเลย มิวแค่เป็นคนที่ถ้าไม่สนิทกับใครก็จะเงียบ ยิ่งเป็นคนแปลกหน้าด้วยแล้ว บางครั้งก็มีอารมณ์ติสต์ไปเลย แต่มิวจะพยายามสังเกต และฟังเค้าพูดเยอะๆ จะได้รู้ว่าเค้าเป็นคนยังไง สไตล์ไหน เราจะได้หาเรื่องคุยกับเค้าถูก บางทีถ้าพูดมากไป เค้าอาจจะรำคาญ มิวเลยใช้วิธีเงียบๆ นิ่งๆ ไว้ดีกว่า แต่ถ้าอยู่กับเพื่อน หรือคนที่สนิทกัน ก็จะกลายเป็นอีกคนหนึ่งเลย จะเม้าท์แตก บ้าๆ บอๆ สนุกสนาน เฮฮามาก (หัวเราะ)"

ชอบแฟชั่น แต่ไม่ตามเทรนด์
"มิวเป็นคนแต่งตัวได้หลายสไตล์มาก บางวันคิดจะแต่งตัวหวานๆ ก็ใส่กระโปรง ติดโบว์ซะจนหวานมาก (ลากเสียง) แต่นานๆ จะแต่งที เพราะเป็นคนไม่ค่อยระมัดระวัง ซุ่มซ่ามมาก เวลานั่งจะชอบแยกขาเหมือนผู้ชาย ส่วนใหญ่มิวจะชอบแนวทะมัดทะแมง ลุยๆ เท่ห์ๆ มากกว่า ใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น เสื้อยืดก็โอเคแล้ว หรือบางวันอยากชิลล์ ก็ไม่แต่งหน้า ไม่แต่งตัวอะไรเลย แต่ถ้าอยากสวยหน่อย ก็จัดเต็มนิดนึง มิวเป็นคนที่ชอบแฟชั่น แต่ไม่ตามเทรนด์ทุกอย่าง ช้อปปิ้งเก่งเหมือนกัน ไม่ลังเล และไม่ต่อราคาด้วย ตอนนี้กำลังอินกับการซื้อรองเท้ามาก บางทีเห็นแล้วสวย ทั้งๆ ที่ไม่รู้หรอกนะว่าซื้อมาแล้วจะใส่กับชุดอะไร แต่ก็ซื้อมาก่อน จนตอนนี้ไม่มีที่จะเก็บอยู่แล้ว คุณแม่ก็แอบบ่นเหมือนกันว่าซื้อมาทำไมเยอะแยะ (หัวเราะ)"

ครอบครัวสุขสันต์การทำอาหาร
"มิวจะใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ในช่วงวันหยุดจะหากิจกรรมทำร่วมกันตลอด หลังบ้านมิวจะมีสวนสาธารณะ สิ่งที่ทำร่วมกันบ่อยที่สุดในครอบครัว ก็คือ การขี่จักรยาน และพายเรือเล่น ถ้าวันไหนที่อยู่บ้าน ไม่อยากออกไปข้างนอก ก็ทำอาหารด้วยกัน มิวรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่มีคุณพ่อคุณแม่ทำอาหารเก่งทั้งคู่ แม่จะชอบทำอาหารสไตล์ยุโรป พวกสปาเก็ตตี้ พาสต้า สเต็ก ลาซานญ่า ส่วนพ่อจะทำอาหารไทย ทำได้ทั้งอาหารภาคเหนือ ยันภาคใต้เลย ส่วนมิวเองก็ทำเป็นบางอย่าง เช่น ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน แต่ถามว่าอร่อยมั้ย ขอคิดดูก่อนดีกว่า เพราะขนาดตัวเองยังกินไม่ได้เลย ตอนนี้พี่สาวก็เรียนเชฟอยู่ที่ดุสิตธานี ทุกคนไปทางอาหารหมด มิวก็เริ่มคิดว่าเรียนจบ ม.6 แล้วไปเรียนทำขนมดีมั้ย จะได้เป็นครอบครัวที่ครบเครื่องเรื่องอาหารคาวหวานเลย"

อดีตนักกีฬายิมนาสติก
"มิวเคยเป็นนักกีฬายิมนาสติกของเขตสมุทรปราการ เริ่มเล่นและแข่งขันมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จนถึงอายุ 15 ปี ก็หยุดเล่นไป เพราะต้องมาถ่ายละคร และเรียนหนักขึ้น ทำให้ไม่มีเวลาไปฝึกซ้อม ซึ่งจริงๆ ก็เคยคิดเหมือนกันว่าจะเอาดีทางด้านนี้ไปเลย แต่มิวเรียนช้ากว่าคนอื่น เพราะยิมนาสติกสามารถเรียนได้ตั้งแต่อายุ 6-7 มิวมองว่าวงการนี้มีการแข่งขันกันเยอะมาก เพราะในแต่ละปีจะมีนักยิมนาสติกเกิดใหม่ทุกๆ ปี อย่างมิวเข้าไป ก็เป็นรุ่นเยาวชนแล้ว เจอแต่คนเก่งๆ ที่เล่นจริงจังเพื่อไปเป็นทีมชาติ อยากแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งมิวก็เคยคิดนะว่าจะไปเป็นทีมชาติ แต่ต้องยอมรับว่ามาตรฐานตัวเองไม่ได้ขนาดนั้น ตอนนี้ถ้าให้กลับไปเล่นก็คงทำได้บางท่า แต่ถ้าให้ไปฉีกขา ทำท่ายากๆ ก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันว่ายังทำได้อยู่มั้ย (หัวเราะ)"

อย่าทำตัวเป็นคุณหนู แต่ให้เรียนรู้การใช้ชีวิต
"มิวมีคุณแม่เป็นต้นแบบในการใช้ชีวิต ถือเป็นไอดอลเลย เพราะคุณแม่จะทำอะไรด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็ก แม่จะสอนตลอดว่า เวลาไปอยู่ที่ไหน อย่าทำตัวเหมือนคุณหนู เพราะจะลำบากในตอนหลัง มิวจึงทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ซักผ้า ล้างจาน กวาดบ้าน ถูพื้นได้ตั้งแต่เด็กๆ เลย และอีกหนึ่งข้อที่แม่สอน คือ พยายามใช้ชีวิตให้เรียบง่าย ติดดิน อย่างเรื่องอาหารการกิน ก็อย่าเป็นคนเลือกมาก เวลาไปอยู่ถิ่นอื่น เมืองอื่น จะได้กินง่าย อยู่ง่าย สามารถปรับตัวเข้ากับเค้าได้ ยิ่งมาอยู่ในวงการนี้ เราต้องไม่ลืมตัว เพราะชีวิตคนในวงการ พอถึงจุดๆ หนึ่ง อาจจะลืมว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน บางคนก็ทำตัวเองให้อยู่เหนือกว่าคนอื่นตลอดเวลา ซึ่งการทำแบบนั้นไม่ดีเลย แม่บอกว่าถึงแม้เราจะมีปีก แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องกระพือปีกบินขึ้นไปบนฟ้าก็ได้ ให้เราหุบปีกอย่างสง่างาม และอยู่ข้างล่างเนี่ยแหละดีแล้ว (ยิ้ม)"

ไม่อยากมีแฟน ถ้ายังไม่มีเวลาดูแล
"ยังไม่มีแฟนเลย ตอนนี้เรียนกับทำงานอย่างเดียว ไม่ค่อยมีเวลาไปเจอ หรือคุยกับใคร มิวคิดว่าตัวเองยังเด็กอยู่ อยากเรียนให้จบ ม.6 ก่อน แล้วค่อยมาคิดเรื่องนี้ ถึงยังไงก็คงไม่สายหรอก ยังมีเวลาอีกเยอะ ถ้ามีแฟนตอนนี้ จะทำให้เสียการเรียนเปล่าๆ เพราะต้องมาคอยคิดพะวง กลัวว่าเค้าจะน้อยใจว่าเราไม่มีเวลาให้ เพราะมิวเป็นคนที่ใส่ใจคน ถ้ามีแฟน เราก็ต้องมีเวลาดูแลเทคแคร์กัน เคยฟังประสบการณ์จากเพื่อนๆ ว่าการไม่มีเวลาให้ ทำให้เลิกกันง่ายมาก เราจึงรู้สึกว่ายุ่งยากเกินไป อย่าเพิ่งมีเลยดีกว่า มิวชอบผู้ชายที่เป็นตัวของตัวเอง อยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเก๊กหล่อ ทำตัวตามสบาย ชิลล์ๆ ไม่ต้องเนี้ยบ หรือวางมาดตลอดเวลา ที่สำคัญขอให้ตัวสูงกว่ามิวด้วยนะ ส่วนนิสัยใจคอ ขอแค่เข้าใจในตัวเรา และงานที่เราทำก็พอ เมื่อก่อนมิวอาจจะคิดแค่ว่าความรักเป็นเรื่องเล่นๆ ถ้าทะเลาะกัน ก็เลิกกันไป แต่พอโตขึ้นเริ่มเข้าใจแล้วว่าความรักมีรายละเอียด และยิ่งใหญ่มากกว่านั้นค่ะ (ยิ้ม)"

อยากหุ่นสวย ต้องออกกำลังกาย และควบคุมอาหาร
"ช่วงไหนที่ทำงานหนัก มิวจะพยายามกินวิตามินซี กินผัก ผลไม้เยอะๆ เพราะเวลานอนน้อย ร่างกายเราจะอ่อนแอ และเป็นหวัดง่าย ยิ่งถ้าช่วงไหนที่เหนื่อยมากๆ มิวจะกินพวกเนื้อสัตว์ เพราะต้องเสริมสร้างโปรตีนให้กับร่างกายด้วย บางครั้งก็กินมื้อเย็นบ้าง ตื่นเช้ามาจะได้ไม่รู้สึกท้องว่างเกินไป เพราะบางวันต้องตื่นเช้ามาก เวลากินข้าวในกองถ่ายก็ต้องรีบๆ กิน เพราะต้องไปถ่ายละครต่อ ไม่ค่อยมีเวลาเต็มที่กับมื้อกลางวัน และมื้อเช้าเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะมีเวลาได้เลือกกินอาหารดีๆ ช่วงมื้อเย็นมากกว่า ปกติมิวเป็นคนกินเก่งมาก ถ้าหิวก็ไม่อด ถึงแม้จะอยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนักก็ตาม เพราะคิดว่ากินดีกว่าปล่อยให้ท้องว่าง มิวเป็นคนติดของหวาน เวลากินข้าวแล้วต้องมีของหวานตบท้าย ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกว่าไม่จบมื้อ บางครั้งขอเป็นน้ำหวานสักแก้วก็ยังดี แต่มิวก็ควบคุมปริมาณนะ ไม่ได้กินตามใจปากตลอด มิวเคยหนักสุด 50 กก. เวลาน้ำหนักเพิ่มขึ้น จะออกหน้าก่อนเลย เพราะปกติเป็นคนมีแก้มอยู่แล้ว แต่โชคดีที่เป็นคนระบบเผาผลาญดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราเป็นนักกีฬาด้วย แค่กระโดดเชือก ปั่นจักรยานนิดหน่อย น้ำหนักก็ลงแล้วค่ะ"

Profile's Mew
ส่วนสูง 170 ซม.
น้ำหนักปัจจุบัน 45 กก.
น้ำหนักมากสุด 50 กก.
น้ำหนักน้อยสุด 44 กก.

Menu To Slim
เช้า ข้าวสวย+ต้มยำกุ้ง/กะเพราหมูสับ
เที่ยง ก๋วยเตี๋ยวใส่ผักเยอะๆ
เย็น ส้มตำ/สลัดผัก

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ Mew Laknara Wallpaper : Somthing Sweet

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook