NCT DREAM Beyond the Dream Show Live เด็กดรีมกับการเติบโตก้าวกระโดดในคอนเสิร์ตออนไลน์

แม้จะเป็นคอนเสิร์ตแบบสตรีมมิ่งออนไลน์ในโปรเจกต์ Beyond Live ของ SM Entertainment และ NAVER V LIVE+ แต่เด็กดรีมที่เริ่มไม่เด็กแล้วอย่าง 6 หนุ่ม NCT DREAM ก็ยังสามารถทำการแสดงสดใน NCT DREAM Beyond the Dream Show ได้เต็มที่ราวกับคอนเสิร์ตไลฟ์สดจริงๆ สามารถส่งพลังถึงคนดู พร้อมแสงสีเสียงจัดเต็มเหมือนการแสดงของรุ่นพี่ได้เป็นอย่างดี รวมถึงช่วง Talk ที่สามารถคุยได้อย่างลื่นไหล และแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดีเกินคาด เป็นพัฒนาการที่เติบโตแบบก้าวกระโดดที่พวกเราควรจับตาดูไว้ไปอีกนานๆ

มาถึงคอนเสิร์ตที่ 3 ของโปรเจกต์ Beyond Live ในวันอาทิตย์ที่ 10 พ.ค. 63 เป็นเวทีของ NCT DREAM ยูนิตน้องเล็กสุดของ NCT ที่เป็นคอนเสิร์ตแรกหลังปล่อยมินิอัลบั้มใหม่ Reload กับโชว์ NCT DREAM Beyond the Dream Show ที่แฟนๆ จากทั่วทุกมุมโลกกว่า 107 ประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, จีน, แคนาดา, ฟิลิปปินส์, ออสเตรเลีย, เยอรมัน, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, สเปน ฯลฯ นั่งเฝ้าหน้าจอพร้อมติดเทรนด์อันดับ 1 บน Twitter แบบ Worldwide และในหลายประเทศ ทั้งประเทศไทย, อินโดนีเซีย, เปรู, ปารากวัย, เม็กซิโก, ชิลี ฯลฯ กระแสความนิยมของวงน้องเล็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

เวลา 12.50 น. เข้าแอปพลิเคชั่น V LIVE เจอกับหน้าจอแฟนเพลงผู้โชคดีทั้ง 200 คนที่ได้โชว์ใบหน้าขึ้นจอในฮอลล์คอนเสิร์ตเช่นเคย และเมื่อถึงเวลา 13.00 น. การแสดงก็เริ่มต้นขึ้นด้วย VCR เปิดตัว 6 สมาชิก เหรินจวิ้น แฮชาน เจโน่ แจมิน เฉินเล่อ และ จีซอง ที่เหมือนกับใน The Dream Show Tour เมื่อปีที่แล้ว และเริ่มต้นด้วยเพลงเรียกเอเนอจี้อย่าง “Go” ต่อด้วย “Drippin’” ก่อนจะพักพูดคุยทักทายกับแฟนเพลงนิดหน่อย แล้วต่อด้วยเพลงสนุกๆ อย่าง “We Go Up” และ “Stronger” การแสดงอันดุดันและเต็มไปด้วยพลังวัยรุ่นยังมีให้เห็นเหมือนเคย พร้อมกับกราฟิกบนจอ และพื้น LED ที่ยังคงทำได้ดีเหมือนที่ผ่านๆ มา

หลังจากจบ VCR ธีมเกมและกีฬาสีสันสดใส ก็มาถึงการแสดงในเพลง “Dunk Shot” ธีมบาสเก็ตบอลที่จอ LED ทั้งด้านหลัง ด้านข้าง และบนพื้นเนรมิตทุกตารางนิ้วบนเวทีให้กลายเป็นสนามบาส กราฟิกเซ็ตนี้สวยจนเราประทับใจมาก ต่อด้วย “Chewing Gum” เวอร์ชั่น hoverboard ที่ในเมืองไทยตอนทัวร์ The Dream Show ไม่ได้ดูกัน ถือเป็นอีกกิมมิกเล็กๆ ที่ทำให้คนดูอย่างเราตื่นเต้นที่ได้ชมสดๆ ในวันนี้

เข้าช่วงพูดคุยกับแฟนเพลงผ่านหน้าจอกันสดๆ น้องๆ ได้พูดคุยกับแฟนเพลงชาวเกาหลี และโปแลนด์ไป 2 คน เกิดเหตุขัดข้องกับคนที่สามที่ภาพบนหน้าจอนิ่งไป น้องๆ พยายามคุยถ่วงเวลาอย่างเนียนๆ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถพูดคุยกับแฟนคลับคนที่สามได้ น่าเสียดายแทนแฟนคลับมากๆ แต่ถึงอย่างนั้นน้องๆ ดรีม โดยเฉพาะแฮชาน ก็สามารถดำเนินช่วง Talk ไปได้อย่างราบรื่น ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ สำหรับเราเหมือนกันที่พวกเขาสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ดีกว่าที่คิด

กลับมาที่การแสดงสดเพลง “Don’t Need Your Love” ที่ได้เห็นแฮชานร้องเพลงแทน HRVY ได้อย่างมืออาชีพ ทั้งสำเนียงภาษาอังกฤษ และท่อนร้องต่างๆ ก่อนจะต่อกันที่เพลงสนุกๆ กับกราฟิกต้นไม้สวยๆ ใน “We Young” จากนั้นก็เป็น VCR เดิมกับ The Dream Show ที่ให้เห็นภาพของแต่ละคนในอีก 50 ปีข้างหน้า และเริ่มเข้าช่วงเพลงซึ้งๆ ร้องกันสดๆ อย่าง “Best Friend” และช่วงที่เฉินเล่อได้เดี่ยวเปียโนพร้อมกราฟิกพระจันทร์ดวงโตสะท้อนแสงบนพื้นน้ำทะเลขนาดใหญ่ยามค่ำคืน เป็นหนึ่งในกราฟิกบน LED ที่สวยที่สุดของโชว์นี้เลย

“Candle Light” ก็เป็นอีกหนึ่งเพลงซึ้งๆ ที่น้องๆ ต่างเดินมาจากทุกมุมของฮอลล์ บนเวที ห้องแต่งตัว จากที่นั่งคนดูในฮอลล์ที่มีอักษรแปะไว้ว่า “ซีจือนี่” (NCTZen ชื่อแฟนคลับเป็นภาษาเกาหลี) และมีกราฟิกกับ AR เป็นประกายดาวสวยๆวิบวับตลอดทั้งเพลง และเลื่อนมารวมกันเป็นคำว่า NCT DREAM ในตอนท้าย เป็นหนึ่งใน AR ที่สวยที่สุดของโชว์นี้เช่นกัน

เซอร์ไพรส์เล็กๆ จากน้องดรีม คือเพลงใหม่จากมินิอัลบั้ม Reload อย่างละครึ่งเพลง “Puzzle Piece” และ “7 Days” ที่ร้องได้ดีสมการรอคอย ก่อนที่จะไปทำภารกิจผ่าน interactive game ที่ส่งต่อภารกิจโดยพี่ๆ NCT 127 อย่าง มาร์ค จองอู และโดยอง ที่เข้ามาร่วมพูดคุย และอธิบายเกมให้น้องดรีมกับแฟนคลับได้ร่วมสนุกกัน ให้เลือกเพลงที่เหมาะกับการไปปิกนิกกับแฟนเพลง ระหว่าง “Puzzle Piece” และ “7 Days” โดยให้สมาชิกในวงเลือกคำตอบก่อน แล้วให้แฟนคลับเลือกตอบเพลงที่ชอบด้วยการโชว์แท่งไฟสำหรับเพลง “Puzzle Piece” หรือเลือกตอบเพลง “7 Days” ด้วยการโชว์กระดาษเปล่า ผลออกมาคือแฟนเพลงโชว์กระดาษเปล่ามากกว่า คนแพ้คือเจโน่ (ที่เฉินเล่อแอบเปลี่ยนคำตอบในตอนสุดท้าย) แต่ก็ได้แฮชานมาร่วมรับการลงโทษด้วย เป็นภาพถ่ายตลกๆ ที่ทั้งคู่จะปล่อยให้ได้ชมกันใน social network ของวงในภายหลัง

ก่อนจะจบโชว์สุดท้าย มี VCR พิเศษที่รวบรวมคลิปตั้งแต่เพลงแรกสมัยที่ทุกคนอายุ 15-18 ปี จาก “Chewing Gum” ถึง “Ridin’” เพลงล่าสุด ตัดภาพสลับวัยเด็กกับภาพในปัจจุบัน แน่นอนว่าแฟนๆ ที่ตามเด็กดรีมมาตั้งแต่แรกคงต้องมีซึ้งจนหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำตากันบ้าง การเดินทางของน้องดรีมตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเติบโตของเขาอย่างชัดเจนมาตลอด ทั้งเอ็นดูทั้งทึ่งกับความสามารถของเด็กๆ กลุ่มนี้ จนกระทั่งในที่สุดวันนี้พวกเขาก็พิสูจน์ความสามารถของตัวเองในฐานะศิลปินที่มีฝีมือไม่แพ้ศิลปินรุ่นพี่ ทั้งร้อง เล่น เต้น เอนเตอร์เทนต่างๆ ก่อนจะจากกันไปด้วย “Ridin’”, “Quiet Down” และ “BOOM” และมีช่วง Talk หลังจบคอนเสิร์ตที่ตอบคำถามแฟนๆ กันต่ออีกเล็กน้อย

สมาชิก NCT DREAM ยังได้เผยความรู้สึกประทับใจผ่านการแสดงครั้งนี้ว่า “ผมก็สงสัยนะว่าคอนเสิร์ตออนไลน์มันจะเป็นแบบไหนกันนะ แต่พอได้มาเห็นแฟนๆ ทุกคนผ่านการพูดคุยกันได้แบบนี้แล้ว มันก็คือความรู้สึกเดียวกับตอนที่เล่นคอนเสิร์ตแบบออฟไลน์เลยครับ พวกเราได้ยินเสียงเชียร์ของแฟนๆ อย่างชัดเจน เหมือนว่าเราได้อยู่ด้วยกันจริงๆ ครับ” พร้อมกันนี้ จีซอง ยังได้พูดเสริมเพื่อขอบคุณแฟน ๆ อีกว่า “แท่งไฟในจอมิเตอร์เหมือนเป็นแสงสว่างเลยครับ ผมมีความสุขมาก เพราะเหมือนเราได้ร่วมสร้างเวทีนี้ขึ้นมาด้วยกันกับแฟนๆ ทุกคนครับ ขอบคุณนะครับที่ช่วยสร้างเวทีอันยอดเยี่ยมด้วยกัน”

ขอย้ำอีกครั้งว่าน้องดรีมเป็นยูนิตอายุน้อยที่สุดของ NCT อายุเฉลี่ยปัจจุบันก็อยู่ที่ 19-21 ปีเท่านั้น แต่สำหรับการแสดงคอนเสิร์ตสตรีมมิ่งสดที่มาพร้อมเทคโนโลยีมากมายที่มีเหตุขัดข้องให้ต้องแก้ไขกันเฉพาะหน้าแบบนี้ ถือว่าน้องดรีมทำได้ดีเลยทีเดียว ช่วงสัญญาณที่พูดคุยกับพี่ๆ ในวง NCT 127 ขาดๆ หายๆ ก็นึกว่าจะแย่แล้ว แต่ก็ยังเอาสถานการณ์อยู่ ช่วงเล่นเกมที่ดูเหมือนจะยาก แต่ก็ยังทำได้ดีไม่รู้สึกแห้งหรือติดขัดอะไรมากนัก หรือจะเป็นช่วง Talk ระหว่างโชว์และหลังคอนเสิร์ตจบก็พูดคุยกันได้ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เราเห็นว่าน้องดรีมทำได้ดีเทียบเท่าหรืออาจจะดีกว่าวงรุ่นพี่อย่าง SuperM หรือ WayV ด้วยซ้ำ ขอปรบมือให้กับสกิลเอนเตอร์เทนนี้จริงๆ และต้องขอยกเครดิตให้กับแฮชานเยอะๆ เลยด้วย เพราะแฮชานค่อนข้างจะเป็นลีดเดอร์ในการดำเนินรายการในวันนี้อยู่พอสมควร (แต่สมาชิกคนอื่นๆ ก็พูดคุยเป็นธรรมชาติได้ดีเช่นกัน)

การแสดงของน้องๆ ที่เราไม่อยากจะเรียกว่าน้องเท่าไร เพราะมีพลังเท่าไรก็ใส่มาหมด ไม่ค่อยเห็นแววกังวลมากนัก รู้สึกว่าน้องๆ ทำการบ้านมาได้ดี อาจจะได้ชมการแสดงก่อนหน้านี้ของพี่ๆ ด้วย เลยได้เรียนรู้ว่าช่วงไหนควรทำ หรือพูดอะไร ช่วงที่ร้องสดในเพลงช้าก็ทำได้ดีไม่ค่อยมีพลาดเช่นกัน

คอนเสิร์ต NCT DREAM Beyond the Dream Show เป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่ให้ความรู้สึกว่าไม่เน้น AR เหมือนกับของ WayV คือภาพ AR สวยๆ โผล่มาให้เห็นค่อนข้างน้อย ที่สวยๆ จนจำได้มีแค่รูปรถทั้งคันโผล่มาในเพลง “Ridin’” และประกายดาวเต็มท้องฟ้าในเพลง “Candle Light” นอกนั้นเป็นโลโก้วง NCT Dream เฉยๆ และไม่น่าตื่นเต้นอะไร และสิ่งที่ลดทอนความตื่นเต้นของเราคือการที่มันเป็น The Dream Show ทำให้ VCR เกือบทั้งหมดมาจาก The Dream Show คอนเสิร์ตที่เราดูไปเมื่อปีที่แล้ว ไม่ค่อยรู้สึกถึงความแปลกใหม่ (คล้ายๆ กับตอนดูคอนเสิร์ตของ WayV เช่นกัน ที่เป็น VCR ในแฟนมีตติ้งบางส่วน) แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยดู The Dream Show ก็น่าจะตื่นเต้นได้เต็มพิกัด และสิ่งที่น่าเสียดายสำหรับเราคือการมาของเพลงในอัลบั้มใหม่ ทำให้เพลงเก่าบางเพลงถูกตัดออกไป เช่นเพลงโปรดของเราอย่าง “My First and Last”, “Firefiles”, “1, 2, 3”, “Walk You Home”, “Beautiful Time”, “Trigger the Fever” หรือจะ “119” ถ้าเพลงเก่ายังอยู่ครบ แล้วเพิ่มเพลงใหม่เข้ามา ก็น่าจะดีกว่านี้อีกนิด แต่ด้วยเวลาอาจจะทำไม่ได้ แม้ว่าจริงๆ แล้วโชว์นี้จะร้องเพียง 15 เพลงเท่านั้น (คอนเสิร์ต The Dream Show ร้องทั้งหมด 22 เพลง แถมเพลง “Puzzle Piece” และ “7 Days” ร้องอย่างละครึ่งเพลงเองด้วย) 

ถึงอย่างนั้น NCT DREAM Beyond the Dream Show ก็ยังมอบความสุข และความสนุกให้กับแฟนๆ ได้อย่างเต็มที่เหมือนที่คาดหวังเอาไว้เช่นเคย และเรายืนยันคำเดิมว่าเป็นการแสดงเต็มรูปแบบทั้งแสง สี เสียง รูปแบบการเพอร์ฟอร์มานซ์ที่มีทั้งเพลงหนัก เบา มีช่วงร้องสด พูดคุย เล่นเกม เอนเตอร์เทน ที่ทุกส่วนเด็กๆ ทำได้ดีเกินเด็กอายุ 20 ปีมากๆ เราจึงเชื่อว่าในอีกไม่นาน NCT DREAM จะเป็นกลุ่มไอดอลที่น่าจับตามองในวงการเพลง K-POP ด้วยความสามารถรอบด้านที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดชนิดที่แฟนเพลงก็รับไม่ทันขนาดนี้ เชื่อว่าจะเป็นวงที่เราจะเรียกน้องไม่ได้ในอีกไม่ช้า

ติดตามคอนเสิร์ตสุดท้ายของซีรีส์ Beyond Live กับ NCT 127 Beyond the Origin ในวันที่ 17 พ.ค. 63 นี้ ที่ Sanook Music มีรีวิวแบบจัดเต็มมาฝากกันอีกเช่นเคยแน่นอน