การกระจายการลงทุน

การกระจายการลงทุน

การกระจายการลงทุน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

             การกระจายการลงทุน

Photo from www.dms.it.mut.ac.th
Photo from www.dms.it.mut.ac.th

ข่าวการฆ่าตัวตายของนักลงทุนในตลาดหุ้น จากความเครียดที่ประสบผลขาดทุนอย่างมาก นับเป็นอุทาหรณ์เตือนใจนักลงทุนท่านอื่นๆ ให้ลงทุนอย่างระมัดระวัง ต้องศึกษาวิเคราะห์หุ้นแต่ละตัวที่จะลงทุนเป็นอย่างดี และควรจะกระจายการลงทุนในหลายๆอุตสาหกรรม ดังโบราณเขาว่า ไม่ควรเอาไข่ใส่ในตระกร้าใบเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ควรจะมีการทำ ASSET ALLOCATION (การกระจายการลงทุน) ให้ดี โดยจัดแบ่งสรรปันส่วนเงินลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท นอกจากหุ้นแล้วยังมีอสังหาริมทรัพย์ ทองคำ ตราสารหนี้ ถ้ามีเงินลงทุนมาก ก็อาจจะกระจายการลงทุนในหุ้น อสังหาริมทรัพย์ และตราสารหนี้ต่างประเทศด้วยยิ่งดี เพราะว่าบางช่วงเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตต่ำ โดยเฉพาะช่วงหลังๆนี้ NEW NORMAL ของการเติบโต GDP บ้านเรา โอกาสที่จะเห็น 4% นี้ยากมาก โดย GDP ของไทยเราอยู่อันดับโหล่ๆของ ASEAN  เลยทีเดียว ดูเหมือนเราจะกลายเป็นคนป่วยของ ASEAN จริงๆ ดังนั้นการกระจายความเสี่ยงไปลงทุนต่างประเทศ โดยเลือกตลาดหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูง แต่สิ่งหนึ่งที่พึงระวังก็คือ มีโอกาสขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเวลาแลกกลับมาเป็นเงินบาท อาจจะเหลือกำไรไม่มากก็ได้ ถ้าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่เราไปลงทุนในสินทรัพย์ของประเทศนั้นๆ

เรากลับมาดู กลุ่มอื่นๆที่ทำให้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตกลงมาถึง 14% กันดูว่า นอกจากกลุ่มพลังงานที่พูดไปเมื่อบทความที่แล้ว ยังมีกลุ่มธนาคารเมื่อสิ้นปี 2557 ปิดที่ 595.17 แล้วลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 400.37 เท่ากับดิ่งลงไป 194.80 คิดเป็น 32.73% ลงหนักกว่ากลุ่มพลังงานเสียอีก เพราะว่ากลุ่มพลังงานลงไปแค่ 29.05% ทั้งๆที่ราคาน้ำมันลดกระหน่ำซะขนาดนั้นก็ตาม ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าปีที่ผ่านมา NPL ของกลุ่มธนาคารสูงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัท สหวิริยาสตีล จำกัด (SSI)  ซึ่งถูกจัดชั้นเป็นหนี้ประเภท NPL ไปเรียบร้อยทำให้เจ้าหนี้อย่าง ไทยพาณิชย์ กรุงไทย และ TISCO มีหนี้ NPL สูงขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่ากระทั่ง กสิกรที่ไม่ได้ปล่อยกู้ให้กับ SSI ก็ยังมีหนี้ NPL สูงขึ้นมาติดอันดับ TOP 3 เสียด้วย  น่าจะเป็นเพราะว่าภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้ลูกหนี้มีรายได้ไม่พอที่จะส่งหนี้ให้กับสถาบันการเงิน ก็อย่างที่เรารู้กันว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยปัจจุบันย่ำเข้าไปกว่า 80% สูงเป็นอันดับ 2 ของ ASEAN เป็นรองก็เพียง มาเลเซีย เท่านั้น ยิ่งปีที่ผ่านมา ราคาพืชผลทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ ภาคส่งออกติดลบ การบริโภคภายในประเทศไม่ค่อยดี ภาคที่ยังพอเติบโตได้ดีก็คือ ภาคการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม สายการบิน สนามบิน ล้วนแต่ได้รับอานิสงค์จากราคาน้ำมันที่ลดลงมาอย่างมาก และปริมาณนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุด

วันก่อนผมได้ไปเดินที่ DUTY FREE SHOP ปรากฎว่า ประมาณ 90 กว่า% เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เหลือเป็นคนไทย และ ชาวเอเชียชาติอื่นๆ ไม่เห็นชาวตะวันตกแม้แต่คนเดียวเลย นี่ถ้าเมื่อไหร่ นักท่องเที่ยวจีนไม่เข้ามาเที่ยวเมืองไทย DUTY FREE เหล่านี้คงต้องเลิกกิจการเป็นแน่ ภาคบริการที่ยังดีอยู่ก็คือโรงพยาบาล จากงบการเงินที่ประกาศออกมา ยังแสดงให้เห็นการเติบโตของธุรกิจนี้

กิติชัย เตชะงามเลิศ

ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai

Twitter     : http://twitter.com/value_talk

Instagram : Gid_Kitichai

Blog         : http://kitichai1.blogspot.com และ http://money.sanook.com/kitichai/

You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9

Google+  : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert

Linkedin   : https://www.linkedin.com/in/homeproperty

Pinterest   : http://www.pinterest.com/kitichai/

หรือ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B8 ในคอลัมน์ “เขียนอย่างที่คิด by Gid” และหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์  “จับช่องลงทุน”  นิตยสาร Condo Guide ทุกเดือน และ คนรวยหุัน,  Me(Market Evolution) ทุกไตรมาส. หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่  http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty

ติดตาม Sanook! Money

domain tech info

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook