บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะหุ้น 29/12/52

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะหุ้น 29/12/52

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 29/12/52กลยุทธ์การลงทุน สศค. คาดเศรษฐกิจปี 2553 โต 3.5% หากเบิกจ่ายไทยเข้มแข็ง 80% และแก้มาบตาพุดสำเร็จ ราคาน้ำตาลสร้าง New High ขณะที่ Nymex ขึ้นไปที่ 78.91 เหรียญฯ ดีต่อ KSL และ PTTEP คาด ครม. ผ่านกรอบการทำ EIA และ HIA วันนี้ ขณะที่อีก 181 โครงการ เตรียมส่งฟ้อง ไม่มีปัจจัยลบแทรก PTTEP, KSL และหุ้นปันผลอย่าง ADVANC และ SC เด่น สศค. คาดเศรษฐกิจปี 2553 โต 3.5% หากเบิกจ่ายไทยเข้มแข็ง 80% และแก้ปัญหามาบตาพุดสำเร็จ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2552 ที่ ติดลบ 2.8% ส่วนปี 2553 คาดเติบโต 3.5% ทั้งนี้อยู่ภายใต้สมมุติฐานสำคัญว่า การเบิกจ่ายงบลงทุนโครงการไทยเข้มแข็งที่ 80% และต้องสามารถแก้ไขปัญหามาบตาพุดได้สำเร็จ ตัวเลขประมาณการยของ สศค. ถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิจัยที่คาดว่าปี 2553 จะมีการเติบโตในอัตรา 3.0% ซึ่งจากการตรวจสอบสมมุติฐานในการจัดทำประมาณการแล้ว พบว่าจุดแตกต่างสำคัญมาจาก 3 ส่วนหลักคือ การขยายตัวของงบลงทุนภาครัฐ ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าจะเติบโต 5.6% ขณะที่ สศค. คาดว่าเติบโต 7.4% ด้านการลงทุนภาคเอกชนฝ่ายวิจัยคาดเติบโต 5% ส่วน สศค. อยู่ที่ 8% และประการสุดท้ายคือการคาดการณ์เรื่องการเติบโตของภาคการส่งออก ซึ่ง สศค. คาด 8% ขณะที่ฝ่ายวิจัยคาด 4.3% ฝ่ายวิจัยยังคงยึดแนวทางการจัดทำประมาณการที่อนุรักษ์นิยมต่อไป อย่างไรก็ตามภาพใหญ่ในส่วนของแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2553 ยังมีความเห็นที่เป็นไปในทางสอดคล้องกันกล่าวคือ แรงขับเคลื่อนสำคัญจะอยู่ที่การเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐบาล และการใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภคของครัวเรือน ซึ่งหากเป็นไปตามคาด เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่ม รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งทึ่โดดเด่นในปัจจุบันฝ่ายวิจัยเห็นว่าเป็นบริษัทรับเหมาขนาดกลางเช่น SYNTEC, SEAFCO, TTCL , กลุ่มวัสดุก่อสร้าง คือ TASCO, SSI, กลุ่มค้าปลีก BIGC, MAKRO เห็นได้ว่าตัวเลือกการลงทุนที่ดียังมีอีกมาก เพียงแต่ส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง – เล็ก ซึ่งอาจไม่มีอิทธิพลต่อ SET Index มากนักราคาน้ำตาลสร้าง New High ขณะที่ Nymex ขึ้นไปที่ 78.91 เหรียญฯ ดีต่อ KSL และ PTTEP ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญปรับตัวเพิ่มขึ้น เริ่มจากราคาน้ำตาล ซึ่งล่าสุดปรับขึ้นจาก 605 เหรียญฯ/ตัน มาสร้าง New High ที่ 612 เหรียญฯ/ตัน ทั้งนี้เป็นผลมาจากภาวะน้ำท่วมในพื้นที่แหล่งผลิตอันดับ 1 และ 2 ของโลกได้แก่ ที่ บราซิล และอินเดียตามลำดับ ทำให้ถูกคาดหมายว่าผลผลิตอาจต่ำกว่าปกติ การปรับตัวขึ้นมาดังกล่าวน่าจะส่งผลดีอย่างเต็มที่ต่อหุ้น KSL โดยปี 2553 (งวดบัญชีสิ้นสุด 31 ต.ค.) น่าจะเห็นการเติบโตของผลประกอบการในอัตราที่สูงถึง 45% YoY ทั้งนี้จากทั้งราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น และผลผลิตอ้อยในประเทศที่เพิ่มขึ้น ฝ่ายวิจัยกำหนด Fair Value ที่ 16.46 บาท แนะนำ ซื้อ ในส่วนของราคาน้ำมันพบว่า NYMEX ปรับเพิ่มขึ้นมาทื่ 78.91 เหรียญฯ/บาร์เรล ซึ่งเกิดจากแรงหนุน 2 ประการคือ ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นตามฤดูกาล และ การเริ่มอ่อนค่าลงของ US Dollar ประเมินว่าในระยะสั้น ราคาน้ำมันดิบ NYMEX มีโอกาสขึ้นไปทดสอบ High เดิม ที่บริเวณ 80 เหรียญฯ PTTEP น่าจะเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าวมากที่สุด ซึ่งราคาหุ้นก็ได้ตอบสนองในเชิงบวกมาแล้วระยะหนี่ง อย่างไรก็ตามราคาหุ้นปัจจุบันยังคงต่ำกว่า Fair Value ณ สิ้นปี 2553 ซึ่งฝ่ายวิจัยกำหนดไว้ที่ 181 บาทอยู่ค่อนข้างมาก นักลงทุนที่สามารถถือหุ้นลงทุนระยะยาวได้สามารถทยอยสะสมหุ้นเพื่อการลงทุนคาด ครม. ผ่านกรอบการทำ EIA และ HIA วันนี้ ขณะที่อีก 181 โครงการ เตรียมส่งฟ้อง ในวันนี้ ครม. จะมีการพิจารณาเรื่องกรอบการจัดทำรายงาน EIA และ HIA เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนดในรัฐธรรมนูญมาตรา 67 ซึ่งจากการตรวจสอบกระแสที่ออกมาจากสื่อต่างๆ เห็นว่ากรอบการทำงานดังกล่าวได้รับการตอบรับจากผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากการที่ได้ผ่านการกลั่นกรองมาจากคณะกรรมการร่วม 4 ฝ่าย ดังนั้นจึงคาดว่า ครม. น่าจะอนุมัติกรอบการทำงานดังกล่าว และดำเนินการประกาศเป็นกฎกระทรวง ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป อย่างไรก็ตามประด็นดังกล่าวไม่น่าจะมีผลต่อราคาหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากราคาหุ้นส่วนใหญ่ได้ตอบรับในทางบวกไปแล้ว ประเด็นจากนี้ไปยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ต้องติดตามคือการเคลื่อนไหวของ สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่เตรียมยื่นฟ้อง 181 โครงการ ต่อศาลปกครองในช่วงต้นปี 2553 อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผลกระทบจะไม่รุนแรงเหมือน กรณีมาบตาพุด เนื่องจากมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนอกตลาดฯ มากกว่า ขณะที่บริษัทจดทะเบียนที่อาจได้รับผลกระทบเพิ่มเติมเป็นบริษัทขนาดกลาง-เล็กเป็นส่วนใหญ่ เช่น AMATA, FMT, KSL, NNCL, ROJNA, SCCC, TCB และ TFD เป็นต้นไม่มีปัจจัยลบแทรก PTTEP, KSL และหุ้นปันผลอย่าง ADVANC และ SC โดดเด่น จากการประเมินสถานการณ์โดยภาพรวม ฝ่ายวิจัยเห็นว่าตลาดหุ้นยังอยู่ในภาวะที่ไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆ เข้ามาแทรก ทำให้การเคลื่อนไหวในวันนี้ยังน่าจะอยู่ในทิศทางเดิม คือการปรับเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศสนับสนุน คาดว่าในช่วง 2 วันทำการสุดท้าย SET Index มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่บริเวณ 735–740 จุด สำหรับหุ้นเด่นที่ฝ่ายวิจัยคัดเลือกมาในวันนี้ ประกอบด้วย PTTEP และ KSL โดยทั้ง 2 บริษัท ได้รับแรงขับเคลื่อนจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ราคหุ้นตอบรับในทางที่ดี นอกจากนี้ยังมีหุ้นปันผลที่น่าสนใจอีก 2 บริษัทได้แก่ ADVANC และ SC โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SC น่าจะเห็นการเติบโตของผลประกอบการที่โดดเด่นทั้งในงวด 4Q52 และปี 2553 ส่วน Dividend Yield  อยู่ที่ประมาณ 7% ต่อปี จ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง               

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook