Market Talks - บล.เอเซีย พลัส

Market Talks - บล.เอเซีย พลัส

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลยุทธ์การลงทุน          Dollar Index ยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ และอาจทะลุแนวต้าน 76 จุด ได้ในช่วงถัดไป กดดันสินค้าโภคภัณฑ์ และตลาดหุ้นมีแนวโน้มปรับฐานต่อ คาด SET ปรับฐานลงสู่ระดับ 1,040 – 1,050 จุด ยังแนะนำให้ปรับพอร์ตพร้อมถือเงินสดเพิ่ม เพื่อรอเข้าลงทุนรอบใหม่ ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร MAJOR(FV@B19.00) หลังกำไรดีกว่าคาด และนักวิเคราะห์กลุ่มบันเทิง ได้ปรับประมาณการและมูลค่าพื้นฐานเพิ่มขึ้น(อ่านรายละเอียดใน Equity Talks วันนี้)             SET Index             1,084.96เปลี่ยนแปลง (จุด)           -1.31มูลค่าซื้อขาย (ล้านบาท)   28,738.04 ยอดซื้อ-ขายสุทธิ นักลงทุนแต่ละประเภท (ล้านบาท)นักลงทุนต่างชาติ         -2,004.78บัญชีบริษัทหลักทรัพย์          247.81นักลงทุนสถาบันในประเทศ    -981.80นักลงทุนรายย่อย          2,738.77 หุ้นยังผันพวน ตราบที่ Dollar Index มีทิศทางแกว่งขึ้น โดยเป้าหมายถัดไปคือทะลุ 76 จุด            การรายงานข้อมูลอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP growth) ของเยอรมัน และ ฝรั่งเศส  ในงวด 1Q54  ดีกว่านักวิเคราะห์คาด  กล่าวคือ GDP growth ของเยอรมัน อยู่ที่ 4.9%YoY ถือว่าปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ  4%YoY  ในงวด 4Q53   และ นับเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงสุดเป็นประวัติการ  ทั้งนี้การเติบโตดังกล่าวเป็นการเติบโตจากการใช้จ่ายของการบริโภคภาคครัวเรือนเป็นหลัก  ตามมาด้วยฝรั่งเศส เติบโต 2.2%YoY ถือว่าปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ   1.4%YoY  ในงวด 4Q53     อย่างไรก็ตามถือว่าเยอรมัน และ  ฝรั่งเศส เป็นเพียงไม่กี่ประเทศในสหภาพยุโรป ที่มีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และ ไม่มีปัญหาทางด้านหนี้สาธารณะ และ GDP growth ของ 2 ประเทศรวมกันมากกว่า ครึ่งหนึ่งของ GDP ของสหรัฐภาพยุโรป ขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่มีปัญหา เช่น สเปน ยังรายงานการเติบโตทางเศรษฐกิจตามนักวิเคราะห์คาด คือเติบโต 0.8%YoY(สูงสุดนับตั้งแต่เกิดปัญหาวิกฤตซับไพร์มกลางปี 2551) ส่วน อิตาลี และกรีซ การเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงแย่กว่าคาด คือเติบโตเพียง 1%YoY (ตลาดคาดโต 1.3%) และติดลบ 4.8% ตามลำดับ ดังนั้นการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรที่ดีของกลุ่มประเทศขนาดใหญ่อาจจะส่ง sentiment เชิงบวกต่อค่าเงินสกุลยูโรให้ฟื้นตัวช่วงสั้นได้  แต่อย่างไรก็ตามท่ามกลางข่าวดี  ยังมีข่าวร้ายโดยเฉพาะปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะในสหภาพยุโรป ที่เกิดจากกลุ่ม GIIPS ก็ยังมีอยู่ที่ และเชื่อว่ายังเป็นปัจจัยถ่วงดุลให้ค่าเงินยูโร อ่อนตัวต่อเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์ ด้วยเหตุผลนี้อาจจะทำให้โอกาสที่   Dollar Index จะทะลุ 76 จุด อาจจะถูกเลื่อนออกไป หลังขึ้นทดสอบแนวต้านดังกล่าวในวันจันทร์ที่ผ่านมา และอ่อนตัวลงมาทรงตัวที่ 75.33 จุด ประกอบกับสัปดาห์นี้ตลาดน่าจะให้ความสนใจต่อผลการประชุมของคณะรัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรป ซึ่งจะมีบทบาทต่อ  การแก้ไขปัญหาการคลังของประเทศที่มีปัญหาหนี้สาธารณะ   หลายปัจจัยกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และ สร้างแรงกดดันต่อเนื่องมายัง SET Index          นอกจากประเด็นการแข็งค่าขึ้นของ Dollar Index จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นแล้ว ความกังวลต่อความต้องการใช้น้ำมันดิบในสหรัฐฯ ก็กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังสหรัฐฯ รายงานดัชนีชี้นำที่อ่อนตัวลง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง ในเดือนเม.ย. พบว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านร่วงลง 10.6% สู่ 5.23 แสนยูนิต จาก 5.85 แสนยูนิต(เดือนมี.ค.) อ่อนตัวกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.68 แสนยูนิต และการอนุญาตก่อสร้างลดลง 4.0% สู่ 5.51 แสนยูนิต จาก 5.74 แสนยูนิต(ในเดือนมี.ค.) ลดลงมากกว่าตลาดคาดเช่นกัน ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐในเดือนเม.ย ลดลง 0.4% สวนทางกับนักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผลสำรวจนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ คาดว่าสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสิ้นสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อาตจะเพิ่มขึ้นในทุกประเภท กล่าวคือ คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล เช่นเดียวกับสต็อกน้ำมันสำเร็จรูป(น้ำมันกลั่น)ที่น่าจะเพิ่มราว 7 แสนบาร์เรล โดยคาดว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันเบนซินราว 800,000 บาร์เรล ปัจจัยดังกล่าวกดดันให้ราคาน้ำมันดิบดูไบ ยังคงอ่อนตัวที่แนวรับในกรอบ 102-105 เหรียญฯต่อบาร์เรล และน่าจะเป็นปัจจัยกดดันให้หุ้นในกลุ่มปิโตรเลียมยังคงมีทิศทางอ่อนตัวตลอดสัปดาห์นี้ องค์ประกอบดังกล่าวน่าจะสร้างแรงกดดันต่อ SET Index ต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ แนะนำให้นักลงทุนสลับไปลงทุนในหุ้นที่ประกาศผลประกอบการสูงกว่าคาดอย่างเช่น MAJOR , TVO และ MAKRO 19 พ.ค.54 เปิดรับสมัครระบบบัญชีรายชื่อ + นปช.ชุมนุม ราชประสงค์          ถึงแม้จะมีเพียง 3 วันทำการ สำหรับการซื้อขายในวันนี้ แต่สำหรับเหตุการณ์ทางการเมืองมีอยู่ 2 ประเด็นหลักที่ต้องติดตาม เริ่มจากการเปิดรับสมัคร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อในวันที่ 19  – 23 พ.ค.2554 ซึ่งถือเป็นการเดินหน้ากระบวนการเลือกตั้งอย่างเป็นรูปธรรม โดยรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขปี 2554 กำหนดให้ ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อมีจำนวนทั้งสิ้น 125 คน จุดที่น่าสนใจได้แก่การระบุรายละเอียดของผู้สมัครบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคเพื่อไทย ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัว คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ SC) ให้เป็นผู้สมัครหมายเลข 1 ในบัญชีรายชื่อ เพื่อเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งประเด็นดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้เก็งกำไรในหุ้น SC มาระยะหนึ่งแล้ว ประเด็นที่ 2 ที่ต้องติดตามได้แก่ การจัดชุมนุมของ นปช. ที่ราชประสงค์เพื่อรำลึกครบรอบ 1   ปีของเหตุการณ์การขอคืนพื้นที่ ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าเหตุการณ์การชุมนุมน่าจะดำเนินไปด้วยความสงบเนื่องจากเข้าสู่ช่วงของการเลือกตั้ง อีกทั้งแกนนำที่สำคัญหลายท่านอาจไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัย สำหรับการกำหนดกลยุทธ์การเลือกหุ้นลงทุนอันเนื่องมาจากสถานการณ์การเมือง ฝ่ายวิจัยเห็นว่านักลงทุนพิจารณามูลค่าปัจจัยพื้นฐาน (Fair Value) ของหุ้นแต่ละบริษัทประกอบไปด้วย เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน เนื่องจากประเด็นเก็งกำไรในหุ้นการเมืองเป็นเพียงปัจจัยที่เข้ามามีอิทธิพลระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานถือว่ามีความเสถียร และมีผลต่อผลตอบการลงทุนในระยะยาว ติดตามคำสั่งศาลปกครอง ในกรณีที่ DTAC ฟ้องเรื่องการทำสัญญาระหว่าง CAT กับ TRUE          วันนี้ศาลปกครองจะนัดฟังคำสั่ง ในคดีที่ DTAC ฟ้อง เพื่อให้มีการพิจารณาถึงความถูกต้องตามกฎหมายของสัญญาระหว่าง กสท.โทรคมนาคม ที่ได้มีการลงนามสัญญาหลายฉบับกับกลุ่ม TRUE เพื่อร่วมลงทุนการให้บริการสื่อสารระบบ CDMD และ HSPA ในวันที่ 27 ม.ค.2554 เนื่องจากภาครัฐไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อเป็นการยืนยันว่าการดำเนินทางธุรกิจดังกล่าวมีความสอดคล้องถูกต้องตามกฎหมาย และส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ก็คือ คำสั่งของศาลฯ ว่าจะมีการคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ หากศาลไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก็จะทำให้การให้บริการตามสัญญาระหว่าง TRUE กับ CAT ยังคงดำเนินการไปตามเดิม แต่หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ก็จะทำให้สัญญาดังกล่าวไม่มีผลผูกพันธ์คู่สัญญาชั่วคราวจนกว่าศาลฯ จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งคำสั่งดังกล่าวอาจกระทบต่อฐานลูกค้าเดิมของ HUTCH (กลุ่ม TRUE เข้าไปซื้อกิจการแล้ว) โดยหากไม่สามารถใช้บริการได้ก็อาจต้องมีการย้ายโครงข่ายเข้าไปใช้บริการของ TRUE, ADVANC หรือ DTAC ประเด็นดังกล่าวน่าจะมีผลกระทบต่อราคาหุ้นเฉพาะอย่างยิ่ง TRUE นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามไม่ว่าคำสั่งของศาลฯ จะออกมาเป็นอย่างไร คู่ความก็มีสิทธิ์ที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลไปยังศาลปกครองสูงสุดได้ Fund Flow ยังอยุ่ในช่วงไหลออกตามคาด กดดันตลาดหุ้นภูมิภาคปรับฐาน           นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิติดต่อกัน  4 วัน ในตลาดภูมิภาค โดยวานนี้จากการรายงานข้อมูลโดย Bloomberg ของ 3 ตลาดที่เปิดทำการพบว่า มียอดขายสุทธิรวมกันสุทธิ 415.83 ล้านเหรียญฯ โดยเป็นการขายสุทธิในทุกตลาด ตลาดที่มียอดขายสุทธิสูงสุดได้แก่ตลาดไต้หวันมียอดขายสุทธิ 216.55 ล้านเหรียญฯ เป็นการขายสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ตามด้วยตลาดเกาหลีใต้ที่มียอดขายสุทธิ 195.01 ล้านเหรียญฯ เป็นการสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เช่นกัน และสุดท้ายคือตลาดฟิลิปินส์ที่มียอดขายสุทธิ 5.4 ล้านเหรียญฯ หลังจากมีสลับซื้อสุทธิในช่วง 2 วันก่อนหน้า ส่วนตลาดหุ้นไทยพบว่าวันศุกร์ที่แล้วมียอดขายสุทธิ 66.21 ล้านเหรียญฯ เป็นการขายสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า Fund Flow น่าจะอยู่ในช่วงของการไหลออก จากแรงขายทำกำไรระยะสั้น หลังราคาหุ้นส่วนใหญ่ตอบรับผลประกอบการงวด 1Q54 ไปแล้ว  ขณะที่ตลาดสารหนี้ไทยพบว่าศุกร์ที่ผ่านมามียอดซื้อสุทธิอีก 5,929.82 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นที่ 4  เนื่องจากคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง รวม 0.5% สู่ 3.25% ในช่วง 1H54 นี้ นักวิเคราะห์:  ภรณี ทองเย็น, CISA  เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146            เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม  เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132            กรภัทร วรเชษฐ์   ผู้ช่วยนักวิเคราะห์            โดย บมจ. หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประจำวันที่ 18 พฤษภาคม 2554

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook