นางธัญลักษณ์ ครามะคำ ผู้อำนวยการสำนักการคลัง กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกทม. ว่า ที่ผ่านมากองทุนฯจะได้รับเงิน3 เปอร์เซ็นต์จากงบประมาณประจำปีของ กทม. เพื่อใช้ในการจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญ ให้กับข้าราชการกทม. ที่เกษียณอายุ โดยปีงบประมาณ 2557 กองทุนฯ ได้รับเงินจาก กทม. จำนวน 1,950 ล้านบาท ซึ่งกองุทนฯ จะมีเงินสะสมมาทุกปี แต่เมื่อ 2 – 3 ปีที่ผ่านมากองทุนฯ เริ่มประสบปัญหาจากการที่จะต้องจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญให้กับข้าราชการที่เข้ารับราชการก่อนปี 35 เพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์จากเงินเดือน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่นให้มีเงินเพิ่มจากเงินบำนาญ ซึ่งเริ่มจ่ายมาตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. 54 อีกทั้งยังต้องจ่ายเพิ่มให้กับข้าราชการครู กทม. ด้วย ซึ่งปกติแล้วเงินบำเหน็จบำนาญของข้าราชการครูกทม. จะได้รับจากรัฐบาล 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ในส่วนของ 25 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนที่ต้องจ่ายเพิ่มนั้น กทม.ไม่ได้รับจากรัฐบาล เนื่องจากระเบียบดังกล่าวเกิดขึ้นจากกฎหมายของกทม. ทำให้กองทุนฯ มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น
นางธัญลักษณ์ กล่าวว่าทั้งนี้ ปัจจุบันเงินในกองทุนฯ เหลือเพียงประมาณ 556 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญให้กับข้าราชการกทม. ที่ต้องจ่ายเดือนละประมาณ 220 – 240 ล้านบาท กองบำเหน็จบำนาญ สำนักการคลังจึงต้องเร่งแก้ไขปัญหา โดยเบื้องต้นได้มีการยืมเงินสะสมของกทม. จำนวน 900 ล้านบาท ซึ่งล่าสุด สภากทม. ได้เห็นชอบแล้ว อย่างไรก็ตาม กทม.อยู่ระหว่างหาวิธีแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยอาจจะต้องแก้ระเบียบของกทม. เพื่อให้สามารถจัดสรรเงินเข้ากองทุนฯ ได้มากขึ้น สำหรับการตั้งงบประมาณประจำปี 2558 นั้น คงจะตั้งไว้เท่ากับงบประมาณประจำปี 2557 คือ 65,000 ล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี