ชานมไข่มุก…กับทุกข์ที่คาดไม่ถึง

ชานมไข่มุก…กับทุกข์ที่คาดไม่ถึง

ชานมไข่มุก…กับทุกข์ที่คาดไม่ถึง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ชานมไข่มุก” เป็นเครื่องดื่มสุดฮิตอย่างหนึ่งของคนทุกเพศทุกวัย มีขายแพร่หลายตั้งแต่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ จนกระทั่งริมสองฝั่งถนน เป็นเครื่องดื่มเย็น มีหลากรสชาติให้เลือกสรร ทั้งกาแฟและชารสผลไม้ต่างๆ นอกจากหอมหวานยัง “เคี้ยว” ได้เพลินและสนุกปาก ราคาตั้งแต่ 20 บาทจนถึงหลายร้อยบาท “ผู้บริโภค” บางรายนิยมดื่มวันละแก้ว บางรายหลายแก้วต่อวัน จนลืมคำนึงถึง “ภัยร้าย” ที่แฝงตัวมา นั่นคือ “โรคอ้วนง่าย” และ “แก่เร็ว”

เนื่องจากส่วนผสมหลักของชามุก ประกอบด้วยชา ครีมเทียม น้ำตาลทราย นมข้นหวาน ไข่มุก และผงเครื่องดื่มสำเร็จรูปที่แต่งกลิ่น อาทิ กลิ่นแอปเปิ้ล ส้ม องุ่น ลิ้นจี่ และอื่นๆ จึงเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและไขมันสูงซึ่งสมองของคนเรานั้น หากถูกกระตุ้นด้วยความหวาน มัน เค็ม จะชอบใจ และเข้าใจว่าอาหาร
นั้นอร่อย เมื่อเกิดความอร่อยก็ยิ่งทำให้อยากจะหามารับประทานบ่อยๆ ยิ่งถ้ามี “กาเฟอีน” ผสมอยู่ ก็ยิ่งทำให้สมองติดใจได้ง่ายขึ้นไปอีก

เรียกได้ว่าความหวาน-มัน และกาเฟอีนในชานมไข่มุก “เล่นกล” หลอกให้สมองติดใจ ยิ่งมีการโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มสุขภาพ ก็ยิ่งอันตรายสำหรับคนที่ต้องการ “ลดน้ำหนัก” เพราะเมื่อเกิด “ความเชื่อ” ที่ผิดๆ ก็ส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยเลือกดื่มชานมไข่มุกแทนการรับประทานอาหาร เนื่องจากคิดว่าจะช่วยลดน้ำหนักได้

ทั้งที่แท้จริงแล้ว การรับประทาน “เกาเหลา” ทั้งชาม ยังอ้วนน้อยกว่าการกินชานมไข่มุก 1 แก้วด้วยซ้ำไป เนื่องจากปริมาณแคลอรี่ในชานมไข่มุกแต่ละแก้วแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ 200 กิโลแคลอรี่ ถึง 400 กิโลแคลอรี่ แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นคือปริมาณน้ำตาล ที่มีตั้งแต่ 8 ช้อนชาต่อแก้ว ไปจนถึง 11 ช้อนชาต่อแก้ว

ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ในหนึ่งวันเราไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชาสำหรับผู้หญิง และ 9 ช้อนชาสำหรับผู้ชาย อีกทั้งไขมันอิ่มตัวจากนมที่ใส่รวมอยู่ก็มีปริมาณไม่น้อย บางสูตรใช้ “ครีมเทียม” ซึ่งมี “ไขมันทรานส์” ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพยิ่งกว่าไขมันชนิดอื่น นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด “โรคหลอดเลือดหัวใจ” ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งอีกด้วย

ส่วน “เม็ดไข่มุก” ที่ผู้บริโภคหลายคนต่างเพลิดเพลินกับการ “เคี้ยว” ด้วยความรู้สึกหนึบๆ หนับๆ ก็คือ “แป้ง” เพราะทำจาก “มันสำปะหลัง” นำมาต้มกับ “น้ำตาล” ให้ “แคลอรี่” แตกต่างกันไปแต่ละสูตร ตั้งแต่ 2-4 กิโลแคลอรี่ต่อเม็ด อีกทั้งยังไม่มีคุณค่าทางอาหาร ไม่ว่าวิตามิน แร่ธาตุ หรือสารต้านอนุมูลอิสระใดๆ เลย

สรุปก็คือ เครื่องดื่มยอดฮิตชนิดนี้เป็นสูตรสำเร็จที่ไม่ก่อให้เกิดมรรคผลอย่างอื่น นอกจากผลลัพธ์ 3 ประการคือ อ้วน แก่ และเสพติด!!! รู้อย่างนี้แล้ว ถ้ายังอยากเสียเงินเสียทองเพื่อหาโรคภัยไข้เจ็บมาใสตัวก็ตามใจ!!!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook