เย็นกายสบายกระเป๋า กับ เทคนิคการประหยัดค่าไฟเครื่องปรับอากาศ

เย็นกายสบายกระเป๋า กับ เทคนิคการประหยัดค่าไฟเครื่องปรับอากาศ

เย็นกายสบายกระเป๋า กับ เทคนิคการประหยัดค่าไฟเครื่องปรับอากาศ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รู้กันดีว่าประเทศไทยนั้นเป็นเมืองร้อนมหาโหด โดยเฉพาะในหน้าร้อนด้วยแล้วแทบจะย้ายไปอาศัยนอนในตู้เย็นเลยถ้าทำได้ หรือ แม้แต่ในฤดูอื่นๆ ก็มิได้ลดองศาลงความร้อนแรงลงซักเท่าไหร่ และนับวันความร้อนจะมากขึ้นๆ ทุกๆ ปีประดุจดั่งว่า เรากำลังวิ่งเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นและมากขึ้นด้วยเหตุนี้ทำให้เรากับเครื่องปรับอากาศเป็นสิ่งที่ห่างกันแทบไม่ได้ เพราะมันคือแหล่งความเย็นแหล่งเดียวที่จะช่วยให้เรามีชีวิตอยู่รอดผ่านไปในแต่ละวันได้โดยไม่แห้งตายกลายเป็นปลาตากแห้ง เมื่อความเพราะความจำเป็นมากขนาดนั้นเลยทำให้ในแต่ละเดือนเราต้องเสียค่าไฟฟ้าให้เจ้าเครื่องปรับอากาศสุดที่รักไปไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วจะมีวิธีการไหนบ้างที่จะทำให้เราเย็นสบายทั้งกายและสตางค์ในกระเป๋าในแต่ละเดือน ลองมาดูกัน

1.ทำให้บ้านมีช่องเปิดเยอะที่สุด อันนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุตั้งแต่สร้างบ้าน(ในกรณีที่เรากำลังจะสร้างบ้านหรือปรับปรุงบ้านนะครับ) การทำแบบบ้านให้มีช่องเปิดเยอะๆก็เพื่อให้มีช่องรับลมธรรมชาติจากภายนอกพัดผ่านสู่ภายในบ้าน เพื่อลดอุณหภูมิภายในบ้านให้ต่ำอยู่เสมอ จนในบางฤดูเราอาจไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศเลยด้วยซ้ำ และในกรณีที่เราต้องเปิดเครื่องปรับอากาศก็จะทำให้เครื่องทำงานไม่หนักจนเกินไป เพื่อปรับเปลี่ยนอุณหภูมิภายในห้องให้ได้ตามอุณหภูมิที่เราต้องการ อีกทั้งยังทำให้บรรยากาศภายในบ้านไม่อับชื้น

2.ไม่จัดวางห้องที่ต้องใช้งานมากในแต่ละวันไว้ในทิศตะวันตก ห้องที่ใช้งานมากๆในแต่ละวันก็ยกตัวอย่างเช่น ห้องนอนที่ต้องอยู่กับมัน 6-8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย , ห้องนั่งเล่นที่เราจะใช้เวลาหลังเลิกงานและดูทีวี หรือทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว ลองคิดดูนะครับถ้าเราเอาห้องนอนไว้ทิศตะวันตกที่ผนังต้องโดนแดดที่ร้อนแรงสาดส่องตลอดบ่าย พอตกกลางคืนเมื่อเราต้องใช้งาน ความร้อนสะสมในผนังจะถ่ายเทออกมาในห้องอย่างมิได้นัดหมายกัน ทำให้ห้องนอนของเราร้อนอบอ้าวนอนไม่สบายและยังเป็นการเพิ่มภาระในการกำจัดความร้อนส่วนเกินเหล่านั้นออกไปโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

3.ปลูกต้นไม้ใหญ่ในทิศที่แดดส่องมาโดยตรง โดยปกติแล้วแสงแดดเมืองไทยจะสาดส่องจากทิศตะวันออกมาทิศตะวันตกโดยอ้อมไปทางใต้ จึงทำให้ทิศตะวันตกและทิศใต้เป็นทิศที่จะโดนแสงแดดแบบจัดเต็มตลอดปี หากยิ่งหน้าร้อนยิ่งทวีความร้อนจนแทบจะอยู่ไม่ได้เลยทีเดียว แน่นอนว่าเราต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศที่ทำงานเต็มกำลังอยู่เกือบตลอดเวลา และกินค่าไฟฟ้ากันอย่างเอร็ดอร่อย แต่หากเราสามารถหาต้นไม้ใหญ่มาปลูกบริเวณนี้ได้ก็จะช่วยลดความร้อนแรงของแสงแดดลงมาได้ ทำให้ภายในห้องไม่ร้อนเกินไปนั่นเอง

4.ลองขุดบ่อน้ำในบริเวณบ้าน โดยธรรมชาติเมื่อน้ำโดนแสงแดดแผดเผาก็จะระเหยเป็นไอน้ำ และเมื่อมีลมพัดก็จะพัดพาไอน้ำเหล่านั้นเข้ามาทำให้อุณหภูมิโดยรอบบริเวณลดลงจนอยู่ในภาวะน่าสบายได้  แต่หากต้องการขุดแค่บ่อปลาที่ลึกเพียง 30-50 ซม.ก็พอช่วยได้ครับ แต่น้อยมากเพราะอุณหภูมิน้ำกับอากาศแตกต่างกันไม่มากพอที่จะทำให้สบาย ระดับความลึกที่จะทำให้น้ำมีอุณหภูมิที่เย็นสบายคือที่ระดับ 1.50 เมตร ครับและความลึกระดับนี้จะทำให้อุณหภูมิน้ำอยู่ที่ประมาณ 28 องศา เป็นอุณหภูมิที่จะทำให้รอบๆบริเวณสบายไม่ร้อน

5.ใช้กระจกสะท้อนความร้อนและรังสี UV  ปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตกระจกมีความทันสมัย สามารถทำกระจกกันความร้อน สะท้อนความร้อนและรังสี UV ได้หลายระดับให้เลือก แม้ราคาจะแพงกว่ากระจกทั่วไปแต่ในระยะยาวก็ถือว่าคุ้มค่า เราจึงควรเลือกกระจกแบบนี้มาติดตั้งในบ้านของเราแทนกระจกใสธรรมดา ก็จะช่วยให้เราลดการสิ้นเปลืองพลังงานจากเครื่องปรับอากาศได้มากทีเดียว ส่วนในอาคารที่ไม่สามารถเปลี่ยนกระจกได้ก็สามารถเพิ่มฟิล์มกันแดด ซึ่งก็มีหลากหลายเกรดหลายยี่ห้อให้เลือก ก็จะทำให้อุณหภูมิห้องเย็นขึ้นไม่ต่างจากกระจกสะท้อนความร้อนและ UV มากนัก

อารียา โคโม่อารียา โคโม่

6.ผ้าม่านทึบแสง อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดการทำงานของแอร์ คือการติดผ้าม่านที่มีการทึบแสงสูง นั่นคือแทบไม่มีแสงส่องเข้ามาได้เลยหรืออาจจะเข้ามาได้เพียงแค่ 5-10% ก็เพียงพอแล้ว หรืออาจใช้ผ้าม่านที่มีสารเคลือบสะท้อนความร้อนและสาร UV ด้านนอกก็ช่วยได้

7.เลือกเครื่องปรับอากาศแบบระบบ Inverter การทำงานของเครื่องปรับอากาศแบบนี้จะต่างจากแบบเดิมๆคือ เครื่องแบบเดิมเมื่ออุณหภูมิถึงจุดที่ตั้งไว้ มอเตอร์ก็จะตัดอัตโนมัติและจะทำงานอีกครั้งเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นทำให้สูญเสียไฟฟ้าในการเปิด-ปิดระบบเยอะกว่าระบบ Inverter ที่จะไม่ตัดระบบมอเตอร์แต่เมื่ออุณหภูมิถึงระดับที่ตั้งไว้ มอเตอร์แอร์จะลดการทำงานลงมาแต่ไม่ปิด ซึ่งวิธีการนี้เราสามารถลดค่าไฟได้ถึง 20-30% ทีเดียวครับ นอกจากนี้ระบบจะทำให้แอร์เย็นเร็วกว่าระบบทั่วไป แต่เสียงเงียบกว่า ทั้งยังช่วยลดปัญหากลิ่นอับจากลมแอร์ได้ดีขึ้นทีเดียว

8.เลือกขนาด BTU ของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับห้อง โดยปกติเวลาเราไปเลือกซื้อแอร์เรามักจะไปกันแบบ ไม่มีข้อมูลอะไรมากนักแค่ไปแล้วบอกว่าห้องขนาดเท่าไหร่ พนักงานขายก็จะจัดการหาให้หมด ซึ่งมันก็ง่ายดีครับ แต่คงง่ายและได้ผลมากที่สุด ถ้าเรามีความรู้ในเรื่องนี้อยู่บ้าง การคิดหาค่า BTU ของเครื่องปรับอากาศปกติแล้วเราจะต้องปรับให้เหมาะกับทิศและเวลาการรับแดดของห้องๆ นั้นด้วย เช่นห้องขนาด 12 ตารางเมตร ปกติใช้เครื่องปรับอากาศแค่ 9000 BTU ก็เพียงพอ แต่ถ้าห้องนี้โดนแดดตลอดบ่ายเราจะต้องเผื่อไปอีก 30 % เพื่อไม่ให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักเกินไปทำให้ต้องเสียค่าไฟฟ้าไปโดยใช่เหตุครับ และอีกอย่างค่าพวกนี้จะคิดที่ความสูงฝ้าเพดานประมาณ 2.40 เมตรเท่านั้น แต่ถ้าบ้านเรามีฝ้าเพดานสูง 4 เมตร เราก็จำเป็นต้องคิดเผื่อด้วยเช่นกันครับ เรามาลองค่าการคำนวณพื้นฐานกันแล้วลองเอาไปปรับกับหน้างานจริงครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook