รู้จักโรค "เกล็ดเลือดต่ำ" สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/he/0/ud/5/25515/platelet.jpgรู้จักโรค "เกล็ดเลือดต่ำ" สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

    รู้จักโรค "เกล็ดเลือดต่ำ" สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

    2023-02-04T23:13:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ลองจินตนาการดูว่า หากลูกของคุณไม่สามารถเล่นในสนามเด็กเล่นกับเพื่อนได้เหมือนปกติ ไม่ว่าจะเป็นการขี่จักรยาน เล่นกีฬา หรือแม้กระทั่งการทำกิจกรรมทั่วไปของเด็กๆ  ที่มีความเสี่ยงต่อการกระทบกระแทก แม้เพียงเล็กน้อย อาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกมากจนกังวลว่าอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้  คุณจะรู้สึกอย่างไร?  หรือบางครั้งเมื่อคนอื่นเห็นรอยจ้ำเลือดและรอยฟกช้ำบนตัวของลูกคุณ คุณอาจถูกเข้าใจผิดว่ารอยช้ำเกิดจากกระทำการรุนแรงกับเด็ก

    โรคเกล็ดเลือดต่ำ คืออะไร?

    โรคเกล็ดเลือดต่ำจากภูมิคุ้มกันทำลายเกล็ดเลือด หรือ Immune thrombocytopenia (ITP) คือภาวะที่คนไข้มีเกล็ดเลือดลดลง เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันทำลายเกล็ดเลือด ส่งผลทำให้เลือดไม่สามารถแข็งตัวได้ จึงเกิดอาการเลือดออกได้

    สาเหตุของโรคเกล็ดเลือดต่ำ

    ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงนงนุช สิระชัยนันท์ สาขาโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “โรค ITP ปัจจุบันเชื่อว่าเกิดจากการที่ร่างกายติดเชื้อไวรัส จึงสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อทำลายเชื้อ แต่ส่งผลในการทำลายเกล็ดเลือดของตนเองด้วย สาเหตุอื่นที่พบได้โดยเฉพาะในคนที่เป็นเกล็ดเลือดต่ำแบบเรื้อรัง ได้แก่ โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) การติดเชื้อไวรัสเอดส์ หรือไวรัสตับอักเสบ เป็นต้น โรคนี้พบได้ทุกช่วงอายุ โดยมีอุบัติการณ์ราว 2-6 คนต่อประชากร 100,000 คนต่อปี ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีเกล็ดเลือดต่ำกว่า 50,000 ต่อ ไมโครลิตร อาการเลือดออกมักสัมพันธ์กับปริมาณเกล็ดเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกล็ดเลือดต่ำกว่า 10,000 ต่อ ไมโครลิตร จะมีโอกาสเลือดออกรุนแรงได้”

    อาการของโรคเกล็ดเลือดต่ำ

    • มักมีเลือดออกตามผิวหนัง หรือตามเยื่อบุต่างๆ เช่น เลือดกำเดา หรือเลือดออกตามทางเดินอาหาร

    • บางรายอาจจะพบอาการ วิตกกังวล ซึมเศร้า และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตถ้าเกล็ดเลือดต่ำเป็นระยะยาวนาน

    การรักษาโรคเกล็ดเลือดต่ำ

    ผู้ป่วยหลายคนเข้าใจว่าโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มากกว่าร้อยละ 80 ของผู้ป่วยโรคภาวะเกล็ดเลือดต่ำชนิด ITP ในเด็ก และร้อยละ 60-70 ในผู้ใหญ่ สามารถรักษาให้หายขาดได้ อันเป็นผลมาจากการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอในกรณีที่เกล็ดเลือดต่ำ และมีอาการเลือดออก นอกจากนี้ การดูแลตัวเอง การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย พักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างพอดี พบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพดีขึ้น

    การปฏิบัติตัวในช่วงที่มีเกล็ดเลือดต่ำ

    1. การออกกำลังกายอย่างพอดี: ผู้ป่วยที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำควรเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างหักโหม และมีความเสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนร่างกาย จึงแนะนำให้ออกกำลังกายด้วยการเดิน วิ่งเหยาะๆ หรือ ว่ายน้ำ เป็นต้น
    2. เลือกรับประทานที่มีประโยชน์และปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย: อาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ ที่มีเกลือแร่และวิตามิน และโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ไก่ เป็นต้น
    3. พักผ่อนให้เพียงพอ: วันละประมาณ 8 ชั่วโมง
    4. สังเกตความเปลี่ยนแปลง: ได้แก่อาการเลือดออกที่ผิดปกติ หรืออาการอ่อนเพลียซึ่งอาจเกิดจากการสูญเสียเลือด
    5. แจ้งให้แพทย์ทราบ: หากผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้าพบทันตแพทย์หรือพบแพทย์ท่านอื่นๆ เพื่อความปลอดภัยควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้าว่าตนมีโรคประจำตัวทุกครั้ง

    สุดท้ายนี้ กำลังใจจากครอบครัวและการมีส่วนร่วมของคนในครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ป่วยไม่ควรท้อแท้หรือหมดกำลังใจ แต่ควรที่จะเรียนรู้ ด้วยการหมั่นศึกษาและดำเนินชีวิตในแนวทางที่เหมาะสม เช่นนี้ผู้ป่วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำก็จะสามารถใช้ชีวิตให้มีความสุขและมีคุณภาพได้โดยไม่ยาก

    ขอขอบคุณ

    ข้อมูล :ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงนงนุช สิระชัยนันท์ สาขาโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

    ภาพ :iStock