อันตรายของ "ไข้เลือดออกในเด็ก" ช่วงหน้าฝน-เปิดเทอม
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/he/0/ud/4/24113/dengue.jpgอันตรายของ "ไข้เลือดออกในเด็ก" ช่วงหน้าฝน-เปิดเทอม

    อันตรายของ "ไข้เลือดออกในเด็ก" ช่วงหน้าฝน-เปิดเทอม

    2020-07-17T12:00:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ช่วงหน้าร้อนเข้าหน้าฝน โรคที่มักระบาดกันอยู่บ่อยๆ ทุกปีคงหนีไม่พ้น ไข้เลือดออก เพราะหากเราไม่ระมัดระวังถูกยุงลายกัด ที่แพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วในช่วงอากาศร้อนชื้น อาจทำให้เป็นโรคไข้เลือดออกกันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไข้เลือดออกในเด็กที่มีโอกาสเสียชีวิตจากโรคนี้มากกว่าผู้ใหญ่

    ไข้เลือดออกในเด็ก เสี่ยงเสียชีวิตสูงกว่าผู้ใหญ่

    นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ด้วยสภาพอากาศค่อนข้างร้อนชื้นประเทศไทย จะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสเดงกี บวกกับมีฝนตกและมีความเสี่ยงสูงขึ้นทำให้เกิดแหล่งน้ำขังได้ในหลายพื้นที่ ทำให้ลูกน้ำยุงลายมีปริมาณมาก และเจริญเติบโตได้ดี โอกาสที่จะแพร่ระบาดก็เพิ่มมากขึ้นกลุ่มอายุที่พบเป็นโรคดังกล่าวมากคือ กลุ่มเด็กอายุระหว่าง 10-14 ปี ในขณะที่กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเสียชีวิตสูงเมื่อป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก คือ กลุ่มเด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี

    วิธีป้องกันโรคไข้เลือดออกในเด็ก

    นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวว่า

    การป้องกันโรคไข้เลือดออกสามารถทำได้ 3 ขั้นตอน เปรียบเสมือนเป็นการสร้างเกราะภูมิคุ้มกันถึง 3 ชั้น

    เกราะคุ้มกันชั้นที่ 1 การป้องกันตัวเองและบุตรหลานไม่ให้ยุงกัด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ทายากันยุง ติดมุ้งลวด นอนในมุ้ง 

    เกราะคุ้มกันชั้นที่ 2 คือ การช่วยกันกำจัดทำลายแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย ปิดฝาอุปกรณ์เก็บกักน้ำ เช่น โอ่ง ไม่ให้ยุงลายวางไข่

    เกราะคุ้มกันชั้นที่ 3 คือการไปพบแพทย์เมื่อป่วยเป็นไข้ ควรติดตามอาการ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 

    เกราะคุ้มกันเสริมแนะนำให้ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกในเด็กอายุตั้งแต่ 9 ปี จนถึงผู้ใหญ่อายุ 45 ปี ที่เคยป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกแล้วเท่านั้น