นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยพบผู้ป่วยเป็นนิ่วในไตเป็นจำนวนมาก สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย และเพศชายโอกาสเสี่ยงเป็นนิ่วในไตมากกว่าเพศหญิงมากถึง 3 เท่า โดยนิ่วในไตเป็นก้อนผลึกขนาดเล็ก เกิดจากสารตกค้างต่าง ๆ ที่ขับออกมาทางปัสสาวะไม่หมด โดยเฉพาะแคลเซียมทำให้เกิดนิ่วมากที่สุด ซึ่งปัสสาวะจะมีสารบางชนิดที่ช่วยป้องกันการตกตะกอน แต่มีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้ระบบกลไกไม่ทำงานจึงเกิดการตกตะกอนของสาร อีกทั้งผู้ป่วยบางรายอาจมีความเสี่ยงจากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ โรคเมตาบอลิก และการใช้ยารักษาโรคบางชนิด เช่น โรคเกาต์ ไทรอยด์ที่ทำงานมากกว่าปกติ เบาหวาน โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง หรืออาหารเสริมบางชนิด รวมถึงพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เกลือ น้ำตาล หรือการดื่มน้ำน้อย ทำให้ร่างกายสูญเสียเหงื่อ จึงทำให้การขับถ่ายของเสียทางปัสสาวะ มีความเข้มข้นสูงขึ้น และทำให้ตกตะกอนของสารในที่สุด
นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก้อนนิ่วในไตแบ่งออกได้ตามสารหลัก 4 ชนิด ได้แก่
ทั้งนี้ผู้ป่วยนิ่วในไตควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพตนเอง ควรดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ และเป็นการลดความเข้มข้นของปัสสาวะ งดดื่มน้ำเต้าหู โซดา ชา เบียร์ กาแฟ หากมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ทันที