7 สาเหตุ "ฟันเหลือง" และวิธีแก้ปัญหาด้วยการ "ฟอกสีฟัน"
-
การแปรงฟันให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวัน หลีกเลี่ยงอาหารเครื่องดื่มที่มีสี เลิกสูบหรี่ และ ตรวจสุขภาพฟันร่วมกับขูดหินปูนปีละ 2 ครั้ง เป็นวิธีการป้องกันฟันมีสีคล้ำที่ทุกคนสามารถทำได้
-
เทคโนโลยีฟอกสีฟัน White speed Technology : Advanced LED เป็นวิธีที่มีความปลอดภัย สามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้ 3-8 ระดับ ด้วยการรักษาเพียง 1 ครั้ง
-
หากมีปัญหาฟันไม่ขาว การพบทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจฟันและค้นหาสาเหตุที่แท้จริงจะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างปลอดภัยและตรงจุด
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีฟันที่ขาวสวย นอกจากจะเพิ่มความมั่นใจให้กับรอยยิ้มแล้ว ฟันที่เรียงสวยและขาวใสยังเป็นส่วนสำคัญของใบหน้า ช่วยให้ผู้ยิ้มดูน่ามองและสร้างเสริมบุคลิกภาพในการพูดคุย
สาเหตุฟันเหลือง
ทพ. ธัญญ์นิธิ ฐิติโชติอริยกุล แพทย์ชำนาญการด้านทันตกรรมรากฟันเทียม รพ. สมิติเวช สุขุมวิท ให้ข้อมูลถึงสาเหตุของอาการฟันเหลืองเอาไว้ ดังนี้
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีสีเป็นประจำ เช่น ชา กาแฟ รวมถึงการอมลูกอมหรือยาอมบางชนิด
- การสูบบุหรี่ ร่วมกับการแปรงฟันไม่สะอาดพอ ทำให้คราบอาหาร แบคทีเรีย และหินปูน เกาะติดสะสมตามซอกฟัน กระทั่งเห็นเป็นสีเหลือง น้ำตาล หรือดำ สามารถรักษาด้วยการขูดหินปูน
- ฟันผุ ซึ่งมักพบว่ามีสีเหลืองเข้ม หรือสีน้ำตาล โดยเฉพาะฟันที่อยู่ด้านหน้าทำให้มองเห็นได้ชัดเจน ควรรักษาด้วยการอุดฟัน
- ฟันตาย ทำให้ฟันมีสี ทึบ ไม่โปร่งเหมือนฟันที่มีชีวิตอยู่ โดยฟันตายหมายถึง ฟันที่ไม่มีประสาทฟันและเลือดมาหล่อเลี้ยง เกิดขึ้นกับฟันที่ผุมาก ๆ และทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน จนฟันผุลุกลามถึงโพรงประสาทฟัน ทั้งนี้ยังอาจเกิดจากอุบัติเหตุ หรือถูกกระแทกอย่างแรง จนมีการฉีกขาดของเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงฟัน หากทิ้งไว้โดยไม่มีการดึงประสาทฟันออก ฟันจะยิ่งมีสีคล้ำมากขึ้น วิธีรักษาคือ หลังรักษารากฟันแล้วทันตแพทย์สามารถใส่น้ำยาฟอกสีฟันภายในตัวฟันเพื่อฟอกสีให้ขาวขึ้นได้ แต่ในกรณีฟันสีคล้ำมากอาจต้องรักษาด้วยการทำครอบฟัน
- ฟันมีสีผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด เนื่องจากเป็นโรคหรือการได้รับยาบางชนิดมากเกินไป เช่น ยาเตตราไซคลีน ซึ่ง ส่งผลต่อสีของฟัน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการสร้างฟันน้ำนม ในเด็กอายุ 3-9 เดือน และฟันแท้ในเด็กอายุ 3-12 ปี ทำให้ฟันแทบทุกซี่มีสีค่อนข้างเหลือง หรือมีแถบสีเทาดำเห็นชัดเจน
- การได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป จนมีจุดสีน้ำตาลปนขาวบนฟัน ที่เรียกว่า ฟันตกกระ ซึ่งไม่สามารถทำให้ฟันขาวโดยการฟอกสีฟันได้ ควรทำครอบฟันหรือวีเนียร์
- อายุ เมื่ออายุมากขึ้น เคลือบฟันจะบางลง จนมองเห็นสีเหลืองหรือน้ำตาลของเนื้อฟันชัดมากขึ้น
วิธีทำให้ฟันขาว
ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ทำให้การฟอกสีฟัน เป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย และปลอดภัย ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
- ฟอกสีฟันที่คลินิกหรือโรงพยาบาลโดยทันตแพทย์ (In-office Bleaching)
- ฟอกสีฟันที่บ้าน (At Home Bleaching)
- การซื้อผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาดมาใช้เอง (Over-the-counter Products)
ผลข้างเคียงจากการฟอกสีฟัน
การฟอกสีฟันอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ดังนี้
- เสียวฟัน สามารถเกิดได้กับการฟอกสีฟันทุกชนิด แต่อาการดังกล่าวจะหายไปเองภายใน 2-5 วัน หลังการฟอกสีฟันทุกครั้งควรงดรับประทานอาหารที่ร้อนหรือเย็นมาก ๆ นอกจากนี้หากมีอาการเสียวฟันมากให้หยุดการฟอกสีฟัน 2-3 วัน ร่วมกับใช้ยาสีฟันช่วยลดอาการเสียวฟัน ซึ่งมีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรต หรือ ฟลูออไรด์
- แสบเหงือกหรือเนื้อเยื่อในช่องปาก มักพบในกรณีที่ซื้อผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันมาใช้เอง เนื่องจากถาดฟอกสีฟันไม่พอดี ทำให้น้ำยาฟอกสีฟันสัมผัสกับเนื้อเยื่อในช่องปาก ซึ่งต่างจากถาดพิมพ์ปากที่ได้จากทันตแพทย์โดยตรงจะมีความแนบมากกว่า ทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยกว่ามาก
การดูแลหลังฟอกสีฟัน
เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน ควรแปรงฟันให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวัน หลีกเลี่ยงอาหารเครื่องดื่มที่มีสี เลิกสูบหรี่ และ ตรวจสุขภาพฟันร่วมกับขูดหินปูนปีละ 2 ครั้ง
แม้การฟอกสีฟันจะทำได้ง่ายและปลอดภัย อีกทั้งยังสามารถทำได้เองที่บ้านโดยปรึกษาทันตแพทย์ หรือกระทั่งเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เอง อย่างไรก็ตามการพบทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจฟันและค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของฟันที่ไม่ขาวสวยเป็นการดูแลรักษาฟันให้ขาวสะอาดอย่างได้ผลและถูกวิธี มีผลกระทบข้างเคียงน้อย รวมถึงลดปัญหาช่องปากที่อาจตามมา
ปัจจุบันมีการฟอกสีฟันที่ทันสมัย ด้วยเทคโนโลยีฟอกสีฟัน White speed Technology : Advanced LED เป็นวิธีที่มีความปลอดภัย สามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้ 3-8 ระดับ ด้วยการรักษาเพียง 1 ครั้ง โดยระยะเวลารักษาอยู่ที่ 30-60 นาที