กรดไหลย้อน อาการ และสาเหตุเกิดจากอะไร วิธีรักษาให้หาย

กรดไหลย้อน อาการ และสาเหตุเกิดจากอะไร วิธีรักษาให้หาย

กรดไหลย้อน อาการ และสาเหตุเกิดจากอะไร วิธีรักษาให้หาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โรคกรดไหลย้อน ในทางการแพทย์ เรียกว่า Gastroesophageal Reflux Disease หรือ GERD เป็นโรคที่พบได้ทุกเพศทุกวัย แม้แต่เด็ก ๆ ก็สามารถเป็นโรคนี้ได้ จัดเป็นโรคทางเดินอาหารชนิดหนึ่ง กรดไหลย้อนเป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารทำให้เกิดอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก เรอเปรี้ยวบ่อย ๆ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

สาเหตุของโรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อนนั้นเรียกได้ว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง อย่างการรับประทานอาหารเสร็จแล้วนอนทันที การทานอาหารมันๆ หรือการทานเยอะเกินไป จนทำให้เกิดความผิดปกติของหูรูดส่วนปลายหลอดอาหาร หรือความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหาร กรดจากกระเพาะอาหารจึงไหลย้อนขึ้นมาสู่หลอดอาหารได้มากขึ้นนั่นเอง

อาการของโรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อนนั้นมีหลายอาการที่แสดงออกมาทั้งแบบเด่นชัดและแบบซ่อนเร้น อาการที่ชัดเจนของโรคนี้ คือ

  • อาการแสบร้อนกลางอก
  • จุกเสียดแน่นท้อง บริเวณลิ้นปี่
  • มีอาการเรอเปรี้ยวบ่อยๆ
  • มีอาหารย้อนขึ้นมาในปาก และคอ

แต่ก็มีไม่น้อยที่มาพบแพทย์ด้วยอาการที่ไม่ชัดเจน หลายๆ อาการที่แตกต่างกันไป เช่น

  • เจ็บหน้าอก
  • ไอเรื้อรัง
  • ไซนัสอักเสบ
  • กล่องเสียงอักเสบ
  • หรือหูอักเสบ

ซึ่งอาจทำให้แพทย์ตรวจไม่พบสาเหตุที่ชัดเจนของโรค อาจต้องทำการตรวจโดยแพทย์จากหลายสาขา จนพบสาเหตุที่แท้จริง

ปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงต่อโรคกรดไหลย้อน

  1. ความผิดปกติของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ซึ่งหูรูดของหลอดอาหารเริ่มเสื่อมสภาพ น้ำย่อยและอาหารในกระเพาะจึงไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหารทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก ซึ่งมักถูกกระตุ้นได้ง่ายจากการรับประทานยาบางชนิด ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่

  2. ความผิดปกติในการบีบตัวของหลอดอาหาร ส่งผลให้หลอดอาหารบีบตัวไล่น้ำย่อยที่ย้อนขึ้นมาได้น้อยลง ทำให้น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารค้างอยู่ในหลอดอาหารนานขึ้น

  3. กระเพาะอาหารบีบตัวน้อยลง จนไม่สามารถนำอาหารที่ย่อยแล้วลงสู่ลำไส้ได้หมด อาหารจึงค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเป็นเวลานาน เกิดแรงดันในกระเพาะอาหารจนไปดันให้หูรูดเปิดออก อาหารและน้ำย่อยจึงย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร

  4. ปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ
    - บุหรี่ การสูบบุหรี่ส่งผลให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากขึ้น รวมถึงกระเพาะอาหารบีบตัวน้อยลง จึงทำให้น้ำย่อยและอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหาร
    - ความเครียดยังส่งผลให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากเกินไป จนเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคกรดไหลย้อน
    - การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด ส่งผลให้หูรูดหลอดอาหารคลายตัว โดยเฉพาะอาหารไขมันสูง คาเฟอีน แอลกอฮอล์ และเปปเปอร์มินต์
    - การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรดสูง เช่น ส้ม  มะนาว  รวมถึงอาหารรสจัด  ทำให้หูรูดเกิดการระคายเคืองได้
    - การรับประทานยาบางชนิด อาจไปกระตุ้นให้เกิดภาวะกรดไหลย้อน โดยผลข้างเคียงของยาจะส่งผลแตกต่างกันในแต่ละบุคคล หากสงสัยควรปรึกษาแพทย์  ไม่ควรหยุดยาหรือซื้อยามารับประทานเอง
    - ความอ้วน เนื่องจากคนอ้วนมีความดันในช่องท้องมากกว่าคนทั่วไป  ทำให้เกิดความดันในกระเพาะอาหารสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงโรคกรดไหลย้อนเพิ่มขึ้น
    - การตั้งครรภ์ เมื่อครรภ์ใหญ่ขึ้นความดันในกระเพาะก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย คุณแม่ตั้งครรภ์จึงมีเสี่ยงต่อการเป็นกรดไหลย้อนมากขึ้น

 

วิธีรักษาโรคกรดไหลย้อน

เบื้องต้นการรักษาโรคกรดไหลย้อน แพทย์จะทำการซักประวัติ เพื่อดูว่าคนไข้มีปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้างที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อน ถ้าวินิจฉัยแล้วว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน เบื้องต้นแพทย์ก็จะให้คำแนะนำในเรื่องของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ร่วมกับการให้ยาลดกรด การปรับพฤติกรรมที่แพทย์มักแนะนำคือการปรับเรื่องของปริมาณของอาหารที่รับประทานและชนิดของอาหาร การงดรับประทานอาหารก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง พยายามลดการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยลดอาการได้เป็นอย่างดี

อันตรายของโรคกรดไหลย้อนหากไม่รักษา

หากเป็นโรคกรดไหลย้อนแล้วปล่อยเนิ่นนานจนเป็นเรื้อรัง ก็จะส่งผลให้หลอดอาหารมีแผล หรือหลอดอาหารตีบ ทำให้กลืนติด กลืนลำบาก หรือบางคนร้ายแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งที่หลอดอาหารเลยก็ได้ เพราะหลอดอาหารส่วนปลายมีการสัมผัสกับกรดมากเกินไป ทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นมะเร็งในที่สุด

กรณีมีอาการกรดไหลย้อน แล้วซื้อยารับประทานเอง

จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องผิด หากจะซื้อยามารับประทานเอง แต่จะให้ดีควรมาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัดว่าเป็นโรคใด แม้ว่าเราจะสังเกตอาการแล้วพบว่าเรามีอาการใกล้เคียงกับกรดไหลย้อน แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเราจะเป็นโรคนี้เสมอไปก็ได้ ดังนั้น การซื้อยาลดกรดมารับประทานแม้จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดี แต่ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้องเสมอไป เพราะยาต่างๆ ถ้ารับประทานนานๆ หรือบ่อยๆ ก็คงไม่ส่งผลดีต่อร่างกายแน่นอน

การตรวจรักษาเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อน

ผู้ป่วยที่มีอาการจำเพาะเจาะจงกับกรดไหลย้อน เช่น แสบร้อนกลางหน้าอก เรอเปรี้ยวในระยะแรกอาจไม่ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษ ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาลดกรดคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยที่หากมีการตอบสนองต่อการรักษาดี ก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคกรดไหลย้อน

แต่หากผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น การตรวจขั้นตอนต่อไปที่แนะนำ คือ การส่องกล้องระบบทางเดินอาหารส่วนบนเพื่อดูว่ามีโรคอื่นซ่อนอยู่หรือไม่ ในกรณีที่ต้องการผลการวินิจฉัยที่แน่นอนเพื่อวางแผนการรักษาในขั้นตอนถัดไป แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจวัดกรดในหลอดอาหาร 24 ชั่วโมงเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook