ดื่มน้ำน้อย เสี่ยง “นิ่วในไต”
การดื่มน้ำน้อย อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงโรคนิ่วในไต และโรคอื่น ๆ ในระบบทางเดินปัสสาวะได้ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ หรืออย่างน้อยประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน เพื่อสุขภาพที่ดี
นิ่วในไต เกิดจากอะไร ?
สาเหตุของโรคนิ่วในไตอาจเกิดขึ้นได้หลายปัจจัย แต่หนึ่งในสาเหตุที่พบได้บ่อย คือ การดื่มน้ำน้อยเกินไป ทำให้เกิดการตกตะกอนของแร่ธาตุชนิดต่าง ๆ โดยอาจไปตกอยู่ในบริเวณอวัยวะต่าง ๆ ในระบบทางเดินปัสสาวะ ตลอดจนอวัยวะอื่น ๆ ที่พบได้บ่อย เช่น นิ่วในไต นิ่วในถุงน้ำดี นิ่วทอนซิล
>> 6 โรคร้ายถามหา ถ้า “ดื่มน้ำน้อย”
อันตรายของนิ่วในไต
เมื่อก่อนนิ่วเข้าไปอุดตันในบริเวณใดบริเวณหนึ่งของไต อาจทำให้อวัยวะนั้น ๆ อักเสบขึ้นได้ และหามีอาการอักเสบมาก ๆ อาจเกิดไตวายได้เช่นกัน
ดื่มน้ำน้อย สาเหตุนิ่วในไต ?
การดื่มน้ำน้อย อาจทำให้มีความเสี่ยงที่แร่ธาตุจะตกตะกอนกลายเป็นก้อนนิ่วได้มากกว่าคนที่ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ผู้ที่บริโภคอาหารที่อาจมีสารก่อนิ่ว เช่น การรับประทานอาหารที่มีแคลเซี่ยม ออกซาเลต ฟอสเฟต และกรดยูริกสูง รวมถึงการรับประทานโปรตีน น้ำตาล และเกลือสูงเกินไป ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดก้อนิ่วในไต หรือในอวัยวะอื่น ๆ ได้เช่นกัน
อาการของโรคนิ่วในไต
หากเกิดนิ่วที่บริเวณใด มักมีอาการผิดปกติที่อวัยวะนั้น ๆ เช่น ปวดท้อง ปวดหลัง ปัสสาวะขัด ปัสสาวะเป็นเลือด บางครั้งอาจจะมีลักษณะของปัสสาวะที่มีก้อนนิ่วหลุดออกมาด้วยเหมือนเศษทรายเล็ก ๆ สำหรับนิ่วในไต อาจพบอาการปวดท้อง ปวดหลัง หรือเกิดโรคแทรกซ้อนจากนิ่วได้ เช่น กรวยไตอักเสบจากการติดเชื้อ ท่อไต หรือท่อปัสสาวะอุดตันจากนิ่ว อุดตันนาน ๆ เข้าจะทำให้เกิดไตวายได้
วิธีลดความเสี่ยงโรคนิ่วในไต
การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวัน จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคนิ่วในไตได้ รวมไปถึงการระมัดระวังไม่รับประทานอาหารที่อาจมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดนิ่วได้เมื่อรับประทานมาก ๆ เช่น โปรตีน เกลือ น้ำตาล แคลเซียม ออกซาเลต ฟอสเฟต กรดยูริก เป็นต้น
จะรู้ได้อย่างไรว่าเราดื่มน้ำเปล่าเพียงพอแล้วหรือไม่ ?
โดยทั่วไปเราสามารถกะปริมาณน้ำดื่มคร่าว ๆ ได้ว่าควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้วต่อวัน อย่างไรก็ตามจากอายุ และวิถีชีวิตของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน เช่น คนที่ออกกำลังกาย สูญเสียเหงื่อ อาจต้องการดื่มน้ำมากกว่าคนทั่วไป ดังนั้นการจะดูว่าเราดื่มน้ำเพียงพอแล้วหรือยัง สามารถสังเกตจากสีของปัสสาวะได้ว่ามีสีออกไปทางเหลืองเข้มหรือไม่ มีกลิ่นฉุนมากเกินไปหรือเปล่า ถ้าใช่ ควรดื่มน้ำให้มากขึ้นจนกว่าจะพบว่าสีของปัสสาวะใสขึ้น กลิ่นฉุนน้อยลง
