ฝุ่นละออง PM 2.5 ทำให้ “เลือดกำเดาไหล” ได้หรือไม่?

ฝุ่นละออง PM 2.5 ทำให้ “เลือดกำเดาไหล” ได้หรือไม่?

ฝุ่นละออง PM 2.5 ทำให้ “เลือดกำเดาไหล” ได้หรือไม่?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อาจจะเคยเห็นโพสต์ในโลกออนไลน์กันมาบ้าง สำหรับอาการเลือดกำเดาไหล หรือ เลือดออกจมูก ในช่วงที่เรากำลังผจญพิษฝุ่นละออง PM 2.5 กันอยู่ แค่ฝุ่นแค่นี้ทำให้เราถึงกับเลือดกำเดาไหลได้จริงๆ หรือว่าเป็นเรื่องที่คนแตกตื่นกันไปเอง ลองมาดูข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขกันดีกว่า

ฝุ่นละออง PM 2.5 ทำให้มี “เลือดกำเดา” ได้หรือไม่?

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า อาการเลือดกำเดาไหล และเยื่อบุตาอักเสบมีเลือดออกในตาเพราะฝุ่นละออง สามารถเกิดขึ้นได้จริง แต่ไม่ได้เกิดขึ้นกับบุคคลทั่วไป โดยอาจเกิดได้กับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด

ที่ผ่านมามีการศึกษาในต่างประเทศที่ยืนยันว่ามีอุบัติการณ์ของโรคทางเดินหายใจจากฝุ่นละออง PM 2.5 เพิ่มขึ้นจริง ทั้งภูมิแพ้จมูกอักเสบกำเริบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ หอบหืดกำเริบ โรคถุงลมโป่งพองกำเริบเฉียบพลัน

ดังนั้น ในช่วงที่มีปัญหามลพิษผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีความไวต่อการเกิดโรค (Hypersensitive) เมื่อสัมผัสกับฝุ่นก็จะไปกระตุ้นให้โรคกำเริบได้ ส่งผลให้เกิดการอักเสบมากขึ้น และทำให้เลือดฝอยบริเวณจมูกมีการอักเสบแตกง่าย จนกลายเป็นเลือกออกจมูก หรือเลือดกำเดาไหลได้นั่นเอง

วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันเลือดกำเดาไหลในหน้าฝุ่น

อาการเลือดกำเดาไหลและเลือดออกในเยื่อบุตา ยังมีเหตุอีกหลายปัจจัยที่ไม่ได้มาจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพียงอย่างเดียว แต่เราควรดูแลตัวเองให้ดี โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงควรดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ดังนี้

  1. รับประทานยาที่รักษาโรคประจำตัวอย่างเคร่งครัด

  2. หลีกเลี่ยงกิจกรรมในที่กลางแจ้ง

  3. ใส่หน้ากาก N95 เมื่อต้องออกไปอยู่ในที่กลางแจ้ง และรีบกลับเข้าในอาคารทันทีเมื่อเสร็จธุระ

  4. เตรียมยาฉุกเฉิน เช่น ยาพ่นขยายหลอดลม ไว้ติดตัวตลอดเวลา

  5. หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook