ผลข้างเคียงของยาต้านไวรัส "เอชไอวี" แต่ละชนิด และวิธีการรับมือ

ผลข้างเคียงของยาต้านไวรัส "เอชไอวี" แต่ละชนิด และวิธีการรับมือ

ผลข้างเคียงของยาต้านไวรัส "เอชไอวี" แต่ละชนิด และวิธีการรับมือ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โรคเอดส์ (AIDS) นั้นเกิดจากเชื้อไวรัส HIV (human immunodeficiency virus) ซึ่งทำลายระบบป้องกันของร่างกาย ยาต้านไวรัส (antiretroviral drugs) สำหรับเชื้อเอชไอวีนั้นมีอยู่ 6 กลุ่ม ซึ่งมีผลต่อระดับขั้นต่างๆ ของวงจรเชื้อเอชไอวีที่แตกต่างกัน ยาพวกนี้ส่วนใหญ่ทำให้เกิดผลข้างเคียงของระบบร่างกายและภายนอกมากมาย ต่อไปนี้คือผลข้างเคียงที่พบกันบ่อยที่สุด และบางวิธีในการรับมือกับผลข้างเคียงเหล่านี้

เบื่ออาหาร

เกิดจาก ยาอะบาคาเวียร์ (Abacavir)

วิธีรับมือ คุณควรจะรับประทานอาหารในปริมาณน้อยๆ หลายมื้อต่อวัน แทนที่จะรับประทานเป็นมื้อใหญ่ 3 มื้อ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ดื่มเครื่องดื่มเสริมสารอาหาร เพื่อให้แน่ว่าคุณได้รับวิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน เช่น รับประทานสารกระตุ้นให้อยากรับประทานอาหาร ดื่มน้ำผลไม้แทนการดื่มน้ำเปล่า

 

การเปลี่ยนแปลงของการกระจายไขมันในร่างกาย (lipodystrophy)

เกิดจาก การใช้ยากลุ่มเอ็นอาร์ทีไอ (NRTI) และ ยาในกลุ่มยาต้านไวรัส protease inhibitor

วิธีรับมือ เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องออกกำลังกาย เพื่อลดน้ำหนักในบริเวณที่มีไขมันสะสม เช่น หน้าท้อง ยิ่งไปกว่านั้นคุณยังควรฉีด polylactic acid (เช่น New Fill®, Sculptra®) บนใบหน้าของคุณ หากคุณสูญเสียไขมันบริเวณนี้ นอกจากนี้คุณยังสามารถดูดไขมันจากบริเวณที่มีไขมันสะสมออกไปได้ สอบถามคุณหมอเพื่อลองใช้ยาที่เรียกว่าเทซาโมเลลีน (tesamorelin) เช่น เอกริฟตา (Egrifta®) ซึ่งช่วยลดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องสำหรับผู้ที่ใช้ยารักษาเชื้อเอชไอวี

 

ท้องร่วง

เกิดจาก ยาต้านไวรัสกลุ่ม protease inhibitors และยาอื่นๆ

วิธีรับมือ คุณควรรับประทานอาหารมัน เลี่ยน เผ็ด และอาหารที่ทำจากนมให้น้อยลง แล้วรับประทานเส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ (เช่น ผักดิบ ซีเรียลธัญพืช ถั่ว) นอกจากนี้คุณยังสามารถรับประทานยาแก้ท้องเสียที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เช่น โลเพอราไมด์ (loperamide) อย่าง อิโมเดียม (Imodium®) หรือ ไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีน (diphenoxylate) และ อโตรฟีน (atropine) อย่างเช่นโลโมทิล (Lomotil®)

 

เหนื่อยล้า

เกิดจาก ยาหลายประเภท

วิธีรับมือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันจะช่วยให้พลังงานแก่คุณ และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ นอกจากนี้คุณยังควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเท่าที่คุณจะทำได้

 

คอเลสเตอรอลและไขมันไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดสูง

เกิดจาก ยาต้านไวรัสกลุ่ม protease inhibitors และยาอื่นๆ

วิธีรับมือ คุณควรหยุดสูบบุหรี่ และออกกำลังกายให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังควรลดปริมาณของไขมันในอาหาร (ปรึกษากับนักโภชนาการถึงวิธีการปรับอาหารการกินอย่างปลอดภัย) ด้วยการรับประทานปลาและอาหารอื่นๆ ที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง แนะนำให้ตรวจเลือดกับคุณหมอเพื่อวัดระดับของคอเลสเตอรอลและไขมันไตรกลีเซอไรด์ และอาจรับประทานยาสแตติน (Statin) หรือยาลดไขมัน (lipid-lowering medicines) อื่นๆ หากจำเป็น

 

อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า และวิตกกังวล

เกิดจาก ยาเอฟฟาไวเร็นซ์ (Efavirenz)

วิธีรับมือ คุณควรเปลี่ยนจำนวนครั้งในการรับประทานยา หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ และเข้ารับการบำบัดหรือใช้ยาต้านภาวะซึมเศร้า

 

คลื่นไส้ อาเจียน

เกิดจาก ยาเกือบทุกชนิดทำให้เกิดผลข้างเคียงนี้

วิธีรับมือ คุณควรรับประมาณอาหารในปริมาณน้อยหลายครั้งต่อวัน แทนการรับประทานเป็นมื้อใหญ่ 3 มื้อ และรับประทานอาหารรสจืด เช่น ข้าวเปล่าและแครกเกอร์ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มันและเผ็ด และอย่าลืมรับประทานยาแก้คลื่นไส้อาเจียน เพื่อควบคุมอาการคลื่นไส้

 

ผดผื่น

เกิดจาก ยาเนวิราปีน (nevirapine) และยาอื่นๆ

วิธีรับมือ สิ่งสำคัญคือการรักษาความชุ่มชื่นที่ผิวของคุณ และหลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน ใช้สบู่และผงซักฟอกที่อ่อนโยนและไม่ทำให้ระคายเคือง ควรสวมเสื้อผ้าที่ถ่ายเทอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย ปรึกษากับหมอว่าคุณสามารถใช้ยาต้านฮิสตามีนได้หรือไม่

 

นอนไม่หลับ

เกิดจาก ยาเอฟฟาไวเร็นซ์ (Efavirenz) และยาอื่นๆ

วิธีรับมือ คุณควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับให้เป็นเวลา และหลีกเลี่ยงการงีบหลับระหว่างวัน แนะนำให้คุณจัดห้องนอนให้สบายเหมาะแก่การนอนหลับ ผ่อนคลายให้เต็มที่ก่อนเวลานอน ด้วยการอาบน้ำอุ่นหรือทำกิจกรรมที่ทำให้สงบ และหลีกเลี่ยงการรับประทานคาเฟอีนหรือสารกระตุ้นใดๆ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเวลานอน นอกจากนี้อาจจะปรึกษาเรื่องการใช้ยานอนหลับจากคุณหมอ หากยังคงมีปัญหาต่อไป

 

ผลข้างเคียงอื่นๆ

  • ปฏิกิริยาแพ้ยาอะบาคาเวียร์ (มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน และผลข้างเคียงอื่นๆ จากการใช้ยาอะบาคาเวียร์)

  • เลือดออก

  • สูญเสียกระดูก

  • โรคหัวใจ

  • ระดับน้ำตาลในเลือดสูงและโรคเบาหวาน

  • มีระดับของกรดแลกติกในเลือดสูง หรือภาวะเลือดเป็นกรด

  • ไต ตับ หรือตับอ่อน เกิดความเสียหาย

  • มีอาการชา ปวดแสบปวดร้อน หรือปวดที่มือหรือเท้า จากปัญหาที่ระบบประสาท

 

โรคเอดส์นั้นเกิดจากเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งทำลายระบบป้องกันของร่างกาย ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี หรือผู้ที่คิดว่ามีความเสี่ยงจะติดเชื้อ สมควรจะได้รับความเห็นอกเห็นใจและการสนับสนุน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook