
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. หลายคนน่าจะได้เห็นคลิปวิดีโอที่แชร์กันว่อนในโซเชียล เป็นภาพเหตุการณ์น่าหวาดเสียวที่ขบวนรถตำรวจกำลังเร่งนำส่งอวัยวะเพื่อต่อชีวิตผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลศิริราช แต่แล้วก็มีรถแท็กซี่คันหนึ่งพุ่งออกมาจากแยกไฟแดงในจังหวะไฟเหลือง เข้ามาชนรถในขบวนอย่างจัง คลิปนี้ทำให้เกิดคำถามตัวโตๆ ขึ้นมาทันทีว่า "ในสถานการณ์แบบนี้ ใครผิด? แล้วพี่แท็กซี่จะโดนข้อหาอะไรบ้าง?" วันนี้ Sanook Auto จะพาคุณมารู้เรื่องกฏหมายนี้กัน
เชื่อว่าทุกคนไปไหนมาไหนก็รีบ การขับรถที่เจอไฟเหลืองที่ไว้เตรียมหยุดบางคนบอก ฝ่าไปเลยแป๊ปเดียว!!! แต่จริงๆ แล้วมีเรื่องที่เจ้าใจผิด เพราะไฟเหลืองดังกล่าวมีความหมายว่า "ให้ผู้ขับขี่เตรียมพร้อมที่จะหยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด" เพราะระยะเวลาแค่ 3 วินาที การเร่งไปอาจจะทำให้เกิดอันตรายกับฝั่งที่จะได้รับไฟเขียวได้! การฝ่าไปเนี่ยถือว่าผิดกฏจราจรแน่นอน

การฝ่าไฟเหลืองปกติก็มีความผิดกฏหมายอยู่แล้ว และยิ่งประเด็นนี้ ขบวนรถดังกล่าวไม่ใช่รถธรรมดา แต่เป็น "รถฉุกเฉิน" ที่กำลังปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนเพื่อต่อชีวิตคน ซึ่งมีทั้งรถตำรวจนำและมีสัญญาณไฟวับวาบและเสียงไซเรนดังมาแต่ไกล ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 76 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เมื่อผู้ขับขี่เห็นรถฉุกเฉินหรือได้ยินเสียงไซเรน จะต้องปฏิบัติ ดังนี้
การที่รถแท็กซี่ไม่หยุดและยังพุ่งเข้าใส่ขบวน ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายข้อนี้อย่างชัดเจน มีโทษปรับตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งความผิดนี้ร้ายแรงกว่าแค่การฝ่าไฟแดงธรรมดามาก เพราะมันหมายถึงการขัดขวางภารกิจช่วยชีวิตคน ทั้งนี้แท็กซี่ดังกล่าวก็จะผิดกฏหมายแบบสรุปรวมดังนี้

เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ชั้นดีสำหรับพวกเราทุกคนที่ใช้รถใช้ถนนครับ เสียงไซเรนที่เราได้ยิน ไม่ใช่แค่เสียงรบกวน แต่มันคือเสียงของ "การแข่งขันกับเวลา" ที่มีชีวิตของใครบางคนเป็นเดิมพัน และรวมถึงการเห็นไฟเหลืองแล้วฝ่าออกไป สิ่งที่เราควรจะทำทันทีมีดังนี้
เพราะบนท้องถนน แค่เสี้ยววินาทีที่คุณสละให้ทาง อาจมีความหมายเท่ากับ "ทั้งชีวิต" ของใครอีกคนครับ ขับรถด้วยความใส่ใจและมีน้ำใจต่อคนอื่น และสุดท้ายไฟเหลืองเห็นแล้วอย่าฝ่าจะดีที่สุด