วิธีรับมือฉุกเฉิน หากรถยางระเบิด แก้ทันคุณรอดแน่นอน

วิธีรับมือฉุกเฉิน หากรถยางระเบิด แก้ทันคุณรอดแน่นอน

วิธีรับมือฉุกเฉิน หากรถยางระเบิด แก้ทันคุณรอดแน่นอน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากเหตุการณ์ฺอุบัติเหตุใหญ่รอบล่าสุดในต่างประเทศ ได้คร่าชีวิตของนักกีฬาฟุตบอลดังจนเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่นั้น นักวิจารณ์ด้านรถได้ออกมาคาดการณ์ว่าอาจจะจากเรื่องของการขับรถเร็วหรือ ยางระเบิด ทำให้ไม่สามารถควบคุมรถจนเกิดเหตุการณ์เศร้าเกิดขึ้น วันนี้ Sanook Auto จะมาถอดบทเรียนเกี่ยวกับ ยางรถ ระเบิดถึงสาเหตุและวิธีรับมือ พร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย

ทำไมยางรถถึงระเบิดได้

 gettyimages-156784654-170667a

สำหรัวเหตุที่ยางรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์จะระเบิดได้นั้น ขอแบ่งเป็นสาเหตุใหญ่ๆ ดังนี้

1. ปัญหาจากสภาพของยางโดยตรง

  • ลมยางไม่เหมาะสม: ถือเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ

    • ลมยางอ่อนเกินไป: เมื่อลมยางอ่อน แก้มยางจะมีการบิดตัวและยืดหยุ่นมากกว่าปกติขณะรถวิ่ง ทำให้เกิดการเสียดสีและสร้างความร้อนสะสมที่แก้มยางและโครงสร้างยางภายในอย่างรวดเร็ว เมื่อความร้อนสูงถึงจุดหนึ่ง เนื้อยางจะเสื่อมสภาพและฉีกขาดได้

    • ลมยางแข็งเกินไป: แม้จะพบได้ไม่บ่อยเท่าลมยางอ่อน แต่การเติมลมยางที่แข็งเกินไปจะทำให้หน้ายางสัมผัสพื้นถนนได้ไม่เต็มที่ ลดความสามารถในการยึดเกาะถนน และเมื่อรถตกหลุมหรือกระแทกอย่างรุนแรง ยางที่แข็งกระด้างจะไม่สามารถซับแรงกระแทกได้ดีพอ ทำให้โครงสร้างภายในเสียหายและอาจระเบิดได้

  • ยางเก่าหรือเสื่อมสภาพ: ปกติยางรถยนต์มีอายุการใช้งาน โดยทั่วไปแนะนำให้เปลี่ยนทุกๆ 3-5 ปี หรือเมื่อระยะทางครบ 50,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดถึงก่อน) แม้ดอกยางจะยังดูดีอยู่ก็ตาม เพราะเนื้อยางจะเริ่มแข็งกระด้างและสูญเสียความยืดหยุ่นไปตามกาลเวลา ทำให้มีรอยแตกลายงาที่มองไม่เห็น และโครงสร้างภายในเปราะบางลง เสี่ยงต่อการระเบิดได้ง่าย

  • ยางมีความเสียหาย: รอยบาดแผล, รอยบวม, หรือการถูกของมีคมทิ่มตำ สามารถทำลายโครงสร้างภายในของยางได้ แม้จะเป็นเพียงรูรั่วซึมเล็กน้อย แต่เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วสูง ความร้อนและแรงดันที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้แผลเล็กๆ นั้นขยายตัวและฉีกขาดจนระเบิดได้

2. ปัญหาจากพฤติกรรมการใช้งาน

  • บรรทุกน้ำหนักเกิน: ยางแต่ละเส้นมีพิกัดการรับน้ำหนักสูงสุดกำหนดไว้ การบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ามาตรฐานจะสร้างแรงกดมหาศาลให้กับยาง ทำให้ยางแบนลงและเกิดความร้อนสะสมสูงเช่นเดียวกับภาวะลมยางอ่อน

  • ขับรถด้วยความเร็วสูงต่อเนื่อง: การขับรถเร็วเป็นเวลานานๆ ทำให้ยางต้องเสียดสีกับพื้นถนนอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง เกิดเป็นความร้อนสะสมมหาศาล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้ยางเสื่อมสภาพและเพิ่มความเสี่ยงในการระเบิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากลมยางอ่อนอยู่แล้ว

  • การเบรกกะทันหันบ่อยครั้ง: การเบรกอย่างรุนแรงทำให้เกิดความร้อนสูงที่จานเบรก ซึ่งความร้อนนี้สามารถส่งผ่านไปยังกระทะล้อและยางได้โดยตรง การทำเช่นนี้บ่อยๆ จะทำให้ยางร้อนจัดและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

 zuperace

3. ปัจจัยภายนอก

และยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดเหตุ

  • การตกหลุมหรือกระแทกอย่างรุนแรง: การขับรถตกหลุมอย่างแรง หรือขับไปกระแทกกับขอบทาง, ก้อนหิน อาจทำให้โครงสร้างผ้าใบและเส้นลวดภายในยางฉีกขาดได้ทันที แม้ภายนอกจะไม่ปรากฏร่องรอยเสียหายชัดเจน แต่ความเสียหายภายในนี้จะกลายเป็นจุดอ่อนที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

  • อากาศร้อนจัด: สภาพอากาศที่ร้อนจัด โดยเฉพาะในฤดูร้อนของประเทศไทย จะทำให้อุณหภูมิบนพื้นถนนสูงมาก ซึ่งส่งผลให้ยางมีความร้อนสะสมสูงขึ้นไปอีก และเพิ่มความเสี่ยงในการระเบิด

  • รวมถึงสิ่งของที่ตกบนพื้นที่มีคมก็อาจจะทำให้ยางแตกและระเบิดได้เช่นกัน

 

วิธีรับมือเมื่อรถยางระเบิดขณะขับขี่

เมื่อยางรถยนต์ระเบิด ผู้ขับขี่จะรู้สึกได้ถึงอาการผิดปกติของรถในทันที สิ่งสำคัญที่สุดคือการตั้งสติและปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ตั้งสติและจับพวงมาลัยให้มั่น: เมื่อยางระเบิด รถจะเสียการทรงตัวและมีแนวโน้มที่จะถูกดึงไปทางด้านที่ยางระเบิดอย่างรุนแรง ให้ใช้มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยให้แน่นและมั่นคง พยายามประคองรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถเดิมให้ได้มากที่สุด อย่ากระชากหรือหักพวงมาลัยกะทันหัน

  2. ยกเท้าออกจากคันเร่งช้าๆ เพื่อให้ความเร็วของรถลดลงเองตามธรรมชาติ การลดความเร็วกะทันหันอาจทำให้รถเสียการควบคุมมากขึ้น หริอรถบ้างคันสามารถใช้ Engine Break ได้ก็ควรจะใช้

  3. ข้อควรระวังที่สำคัญที่สุดคือ ห้าม เหยียบเบรกอย่างรุนแรงหรือกะทันหันเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถเสียหลักและอาจพลิกคว่ำได้ ให้ใช้วิธีแตะเบรกเบาๆ และย้ำๆ เป็นจังหวะเพื่อชะลอความเร็ว

  4. อย่าดึงเบรคมือเพราะการดึงเบรกมือในขณะที่รถยังมีความเร็วสูงจะทำให้ล้อล็อกและรถหมุนอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งอันตรายอย่างยิ่ง

  5. มองหาที่ปลอดภัยและให้สัญญาณ: เมื่อควบคุมรถได้และมีความเร็วลดลงในระดับที่ปลอดภัยแล้ว ให้มองหากระจกมองข้างและกระจกหลังเพื่อประเมินสถานการณ์รอบตัว จากนั้นเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อขอทางและนำรถเข้าจอดในบริเวณที่ปลอดภัย เช่น ไหล่ทาง หรือพื้นที่ว่างริมถนน

  6. ลดเกียร์ (สำหรับเกียร์ธรรมดา) หากขับรถเกียร์ธรรมดา เมื่อความเร็วลดลงแล้ว สามารถลดเกียร์ลงมาเป็นเกียร์ต่ำเพื่อช่วยชะลอความเร็วของรถได้

เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วควรทำอย่างไร?

หลังจากนำรถเข้าจอดในที่ปลอดภัยได้สำเร็จแล้ว ให้ปฏิบัติดังนี้:

  • เปิดไฟฉุกเฉิน: เพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้รถคันอื่นที่สัญจรไปมาทราบและเพิ่มความระมัดระวัง

  • ดับเครื่องยนต์และใส่เบรกมือ: เพื่อป้องกันรถเคลื่อนที่

  • ประเมินสถานการณ์: ลงจากรถด้วยความระมัดระวัง (ควรลงทางด้านที่ปลอดภัยจากกระแสรถ) และสำรวจความเสียหาย หากสามารถเปลี่ยนยางอะไหล่เองได้และมีอุปกรณ์ครบถ้วน ให้ดำเนินการด้วยความปลอดภัย แต่หากไม่แน่ใจหรือไม่สามารถทำได้ ควรติดต่อขอความช่วยเหลือจากบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน บริษัทประกันภัย หรือช่างผู้ชำนาญ

 

แนวทางการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงยางระเบิด

การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข การดูแลรักษายางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดยางระเบิดได้อย่างมีนัยสำคัญ:

  • ตรวจเช็กลมยางเป็นประจำ: ควรตรวจวัดแรงดันลมยางอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และก่อนการเดินทางไกลทุกครั้ง โดยเติมลมยางให้ได้ตามค่ามาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำ ซึ่งโดยทั่วไปจะระบุไว้ที่แผ่นป้ายบริเวณเสากลางของประตูฝั่งคนขับ การมีลมยางที่อ่อนหรือแข็งเกินไปล้วนเป็นสาเหตุของยางระเบิดได้

  • สังเกตสภาพยางรถยนต์: ตรวจสอบสภาพโดยรวมของยางอย่างสม่ำเสมอ มองหาร่องรอยความเสียหาย เช่น รอยบาด บวม แตก หรือมีวัตถุแปลกปลอมทิ่มตำ หากพบความผิดปกติควรรีบปรึกษาช่างผู้ชำนาญ

  • ไม่บรรทุกน้ำหนักเกิน: การบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่รถและยางจะรับไหว จะสร้างแรงกดดันและความร้อนให้กับยางมากเกินไป เพิ่มความเสี่ยงต่อการระเบิด

  • สลับยางและตั้งศูนย์ถ่วงล้อ: ควรทำการสลับยางตามระยะที่กำหนด (โดยทั่วไปทุกๆ 10,000 กิโลเมตร) เพื่อให้ยางทุกเส้นมีการสึกหรอที่สม่ำเสมอ พร้อมทั้งตรวจสอบและตั้งศูนย์ถ่วงล้อเพื่อให้การขับขี่สมดุล

  • หลีกเลี่ยงการขับขี่ด้วยความเร็วสูงต่อเนื่อง: การขับรถด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานานทำให้เกิดความร้อนสะสมในยางสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ

  • เลือกใช้ยางที่มีคุณภาพและเหมาะสม: เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนยาง ควรเลือกใช้ยางที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและเหมาะสมกับประเภทการใช้งานของรถ

การเตรียมพร้อมและมีความรู้ในการรับมือกับเหตุการณ์รถยางระเบิด จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัยและลดความรุนแรงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และทั้งนี้ก็ขอแสดงความเสียกับนักกีฬาที่จากไปเพราะอุบัติเหตุท่านนี้ด้วยครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล