รถเสียบนทางด่วน จอดรถอย่างไรจึงจะรอดจากโดนชนท้าย

รถเสียบนทางด่วน จอดรถอย่างไรจึงจะรอดจากโดนชนท้าย

รถเสียบนทางด่วน จอดรถอย่างไรจึงจะรอดจากโดนชนท้าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     หากรถเสียบนทางด่วนหรือทางหลวงที่ใช้ความเร็วสูง เรามีวิธีอย่างไรบ้างที่จะป้องกันไม่ให้ตัวเองตกเป็นเป้านิ่งจากผู้ขับรถประมาท

     ในกรณีมีความจำเป็นต้องหยุดรถบนทางด่วน หรือทางหลวงที่มักใช้ความเร็วสูง ไม่ว่าจะกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือรถเสีย เรามีวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนมาแนะนำ ดังนี้

1.จอดชิดขอบทางด้านซ้ายให้มากที่สุด

     ในกรณีมีเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถขับรถต่อไปได้อีก ควรนำรถชิดขอบทางด้านซ้ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดความเสี่ยงการถูกชนท้าย พร้อมทั้งเปิดไฟฉุกเฉิน พึงระลึกไว้เสมอว่าแม้แต่ไหล่ทางก็ไม่ปลอดภัย หากเป็นไปได้ควรนำรถออกจากถนนไปเลยจะดีที่สุด เพื่อป้องกันรถบรรทุกใหญ่หรือรถที่แซงซ้ายโดยประมาท

 104

2.ล็อครถให้เรียบร้อย และหาที่พักปลอดภัย

     หากสามารถแก้ไขอาการเสียของรถได้ ควรรีบทำโดยเร็วที่สุด แต่หากจำเป็นต้องรอช่างหรือรถยก ควรลงจากรถ หยิบของใช้ที่จำเป็นไปด้วย ล็อคประตูรถให้เรียบร้อย แล้วหลบอยู่ในที่ปลอดภัยห่างจากถนน หากขอบทางมีแบริเออร์กั้น ควรหลบอยู่หลังแอริเออร์ รอจนกว่าจะมีผู้ให้ความช่วยเหลือ

3.หากไม่มีที่พักปลอดภัย ควรนั่งในรถและคาดเข็มขัดนิรภัย

     ในกรณีที่ไม่สามารถลงจากรถเพื่อหาที่ปลอดภัยได้ ควรนั่งภายในรถและคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อรอความช่วยเหลือ กรณีใช้ทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (EXAT) ติดต่อได้ที่ Call Center 1543 กรณีใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ ติดต่อได้ที่ กองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง Call Center 1586 กด 7

4.อุปกรณ์ฉุกเฉินที่ควรมีติดรถ

     เพื่อความไม่ประมาทและลดโอกาสเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจากการจอดรถบนเส้นทาง ควรมีอุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถ ได้แก่

 101

  • ป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสง ซึ่งส่วนมากจะติดตั้งมาให้กับรถยุโรป แต่หากไม่มี สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามห้างขายวัสดุก่อสร้าง หรือของตกแต่งบ้าน เมื่อใช้งานควรตั้งไว้ด้านหลังของรถ ห่างจากตัวรถประมาณ 30 เมตร

103

  • ไฟฉาย เผื่อกรณีเหตุเกิดในเวลากลางคืน สามารถใช้เป็นไฟส่องสว่างเตือนรถที่วิ่งมาได้ นอกเหนือจากไฟกระพริบของตัวรถเพียงอย่างเดียว

100

  • เสื้อกั๊กสะท้อนแสง จะช่วยให้ผู้ขับขี่อื่น มองเห็นตัวคนได้ชัดเจนขึ้นทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ซึ่งหลายประเทศในยุโรป เช่น เยอรมนี และเบลเยี่ยม กำหนดไว้ในกฎหมายว่า รถทุกคันจะต้องมีเสื้อกั๊กสะท้อนแสงไว้ภายในตัวรถ และต้องนำมาใช้งานหากจำเป็นต้องลงจากรถในกรณีรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ โดยกฎหมายของเบลเยี่ยมระบุว่าหากผู้ขับขี่ไม่พกเสื้อสะท้อนแสงไว้ภายในรถ จะมีโทษปรับตั้งแต่ 50 - 1,300 ยูโร หรือราว 1,900 - 50,000 บาท

     แม้ว่าขั้นตอนเหล่านี้จะไม่ได้การันตี 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับเรา แต่ถึงอย่างไรก็ควรเซฟตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงให้มากที่สุดนะครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook