เมื่อตับอักเสบจาก "ยา"
ตับ เป็นอวัยวะสีน้ำตาลแดงเหมือนคอนโดมิเนียมแปดหลังเรียงตัวกันเป็นรูปสามเหลี่ยมมีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม หรือประมาณ 10% ของน้ำหนักตัว แบ่งง่ายๆคือตับซีกซ้าย ตับซีกขวา โดยตับซีกขวาครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 80% ของตับทั้งหมด
ตับวางตัวอยู่ในช่องอกด้านขวาโดยมีกระดูกซี่โครงเป็นกำแพงปกป้องตับ ตับเป็นอวัยวะที่มีค่าไม่น้อยกว่าหัวใจหรือสมอง ตับทำหน้าที่สร้างสารอาหาร (โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต) สร้างน้ำดี สร้างภูมิต้านทาน นอกเหนือจากนั้นตับยังมีหน้าที่ทำลายพิษทั้งหลายที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น ยา สารเคมี แอลกอฮอล์ ดังนั้นภาวะใดๆ ก็ตามที่ทำให้ตับอักเสบก็ย่อมทำให้หน้าที่ดังกล่าวเบื้องต้นบกพร่องหรือทำไม่ได้
ตับอักเสบ หมายถึง โรคที่เกิดจากเซลล์ของตับมีอาการอักเสบหรือบาดเจ็บ หรือถูกทำลายจนส่งผลให้การทำงานของตับผิดปกติ ซึ่งเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ สำหรับในประเทศไทยที่พบบ่อย คือ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบการดื่มแอลกอฮอล์ ยาและสารพิษ อาหารเสริม สมุนไพร
ยาในท้องตลาดไม่ต่ำกว่า 1,000 ชนิด สามารถทำให้ตับอักเสบได้ ในต่างประเทศนั้น มากกว่าครึ่งตับวายเฉียบพลันเกิดจากยา และสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพาราเซตามอล
สาเหตุของตับอักเสบจากยาที่พบบ่อย
- ยาปฏิชีวนะ ยารักษาวัณโรค ยาต้านเชื้อรา
- ยาบรรเทาอาการ เช่น พาราเซตามอล
- สมุนไพร
- อาหารเสริม และไวตามิน
ผลเสียที่เกิดจากตับอักเสบ
- ตับอักเสบเฉียบพลัน
- ตับวาย
- ตับอักเสบเรื้อรัง
- ตับแข็ง
จากรายงานในต่างประเทศพบว่าผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคตับอักเสบจากยาจนต้องนอนโรงพยาบาลมีประมาณ 0.1-3% และมีคนตายจากยาเนื่องจากตับวายเฉียบพลันประมาณ 10%
เคล็ดลับง่ายๆ ในการทานยาให้ปลอดภัยจากตับอักเสบ คือการทานยาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ทานยามากเกินความจำเป็น และใครที่ต้องทานยาเป็นประจำเนื่องจากโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัว และทานยาตามเวลา ในขนาดที่ระบุบนซองอย่างเคร่งครัด
อ่านต่อ >>