อันตราย! นอนหลับไม่สนิท เสี่ยง "เบาหวาน"
ด้วยหน้าที่การงาน หรือการใช้ชีวิตของใครหลายคน ทำให้มองข้ามการพักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องของการ “นอนหลับ” ที่เป็นเรื่องสำคัญที่หลายคนมองข้าม นอนไม่เพียงพอ นอนหลับๆ ตื่นๆ เรื่องเล็กๆ เหล่านี้ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะรุนแรงได้ในอนาคต ทั้งสภาพร่างกายที่ทรุดโทรม สุขภาพสมองเสื่อม สุขภาพจิตแย่ และยังเป็นสาเหตุของสารพัดโรค รวมไปถึงโรคที่ไม่มีใครอยากเป็นอย่างโรค "เบาหวาน" อีกด้วย
รายละเอียดเป็นอย่างไร ทำไมถึงมาเกี่ยวข้องกับโรคนี้ได้ ไปดูคำตอบจาก Dr.Aki - หมออาคิ กันค่ะ
___________________
“การนอนหลับ” เป็นกิจกรรมที่สำคัญของร่างกาย เรารู้กันอยู่แล้วว่า ถ้านอนหลับไม่เพียงพออย่างเรื้อรังนอกจากร่างกายจะเมื่อยล้าอ่อนเพลียแล้ว การทำงานของสมองจะแย่ลงมีผลก่อภาวะสมองเสื่อมเร็วขึ้นอีกด้วย แต่เมื่อไม่นานมานี้มีงานวิจัยทางการแพทย์บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ของ “การนอนหลับ” กับ “โรคเบาหวาน”
การนอนหลับอย่างไม่มีคุณภาพทำให้เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานมากขึ้น ผู้ที่นอนหลับไม่มีคุณภาพหรือเรียกง่ายๆ ว่าหลับไม่ลึกอย่างเรื้อรัง จะทำให้การจัดการน้ำตาลของเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกายแย่ลง อีกทั้งระดับฮอร์โมนสเตียรอยด์ธรรมชาติในร่างกายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานได้มากขึ้น หรือ ถ้าเป็นเบาหวานอยู่แล้วก็จะแย่ลงนั่นเอง
การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นอย่างไร? การนอนหลับที่มีคุณภาพคือ มีการหลับลึกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถตรวจได้จากการวัดคลื่นสมอง ในเวลาที่หลับลึกจะพบว่ามีคลื่นสมองชนิด “เดลต้า” เกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อเวลาที่นอนหลับ ถ้ายิ่งพบว่ามีคลื่นเดลต้ามากเท่าไรคุณภาพการนอนก็ยิ่งดีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปเราไม่สามารถตรวจวัดคลื่นสมองได้เนื่องจากต้องใช้เครื่องตรวจวัดคลื่นสมอง เราสังเกตได้อย่างง่ายๆว่าการนอนหลับมีคุณภาพ คือ ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่น ไม่ง่วงนอนระหว่างวัน
ท่ากายบริหารที่ช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพยิ่งขึ้น (แนะนำโดยนักวิจัยจากNational Center of Neurology and Psychiatry, Japan) ทำได้ดังนี้ นั่งบนเก้าอี้แล้วหลับตา กำมือแน่นแล้วงอศอกเกร็งไว้ พร้อมกับยกขาสองข้างเกร็งไว้ ทำค้างไว้ 5 วินาที แล้วปล่อยคลายแขนขาลำตัวทุกอย่าง 30 วินาที (ดังภาพประกอบ) แล้วทำซ้ำท่าดังกล่าวครบ 3 รอบ แนะนำให้ทำท่ากายบริหารแบบนี้ก่อนนอน และควรทำนอกห้องนอน จนเมื่อเราง่วงนอนแล้วจึงค่อยเข้าห้องนอนนะครับ
Credit-information: Tasali E et al., Proc Natl Acad Sci U S A. 2008