5 สัญญาณอันตราย คุณอาจแพ้ “แลคโตส” ในนม

5 สัญญาณอันตราย คุณอาจแพ้ “แลคโตส” ในนม

5 สัญญาณอันตราย คุณอาจแพ้ “แลคโตส” ในนม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้ว่าหลายคนจะทราบว่า “นม” มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบขับถ่ายอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องถ่ายเหลวทุกครั้งที่ดื่มนม เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณอันตรายบ่งชี้ว่าร่างกายของคุณแพ้ “แลตโตส” ในนมได้

แลคโตส คืออะไร?

แลคโตส คือ น้ำตาลชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่ ที่ประกอบไปด้วยน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวทั้งสองชนิดรวมกัน คือ น้ำตาลกลูโคส และน้ำตาลกาแลคโตส

น้ำตาลแลคโตส เป็นน้ำตาลที่พบได้ในน้ำนมของสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น นมวัว นมแพะ และนมจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ รวมไปถึงนมแม่ และอาหาร หรือขนมที่มีนมเหล่านี้เป็นส่วนประกอบด้วย เช่น คุกกี้ เค้ก เบเกอรี่ต่างๆ เป็นต้น

 

อาการแพ้น้ำตาลแลคโตส

ในบางรายอาจมีอาการแพ้น้ำตาลแลคโตส หรือเรียกอีกอย่างวะ “ภาวะไม่ทนต่อการย่อยแลคโตส” หรือ “ภาวะการย่อยแลคโตสผิดปกติ” โดยหลังดื่มนมจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเข้าไปในร่างกาย เพราะในบางคนมีร่างกายที่ไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสได้ โดยสาเหตุมาจากความผิดปกติของลำไส้เล็กที่ไม่สามารถผลิตเอนไซม์แลตเตสที่ใช้ย่อยน้ำตาลแลคโตสโดยเฉพาะได้เพียงพอ จึงทำให้น้ำตาลแลคโตสที่เป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่ไม่ได้ถูกย่อยให้แยกออกมาเป็นน้ำตาลโมโลกุลเดี่ยว (กลูโคส และกาแลคโตส) จนน้ำตาลแลคโตสที่ไม่สามารถดูดซึมในร่างกายได้ส่งผ่านต่อไปที่ลำไส้ใหญ่ และเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่เข้าย่อยแลคโตส จนเกิดเป็นแก๊ส และของเหลวในลำไส้ จนทำให้มีอาการผิดปกติต่างๆ เกิดขึ้น

 

5 สัญญาณอันตราย คุณอาจแพ้ “แลคโตส” ในนม

  1. แน่นท้อง ท้องอืด

  2. ปวดท้อง

  3. ผายลมบ่อย

  4. คลื่นไส้ อาเจียน

  5. ท้องเสีย ถ่ายเหลว

 

ใครแพ้แลคโตสได้บ้าง?

ไม่ว่าคุณจะเพศอะไร อายุเท่าไร เชื้อชาติอะไร คุณก็อาจแพ้แลคโตสได้

 

แพ้ “แลคโตส” ในนม แต่อยากดื่มนม ทำอย่างไร?

เนื่องจากน้ำตาลแลคโตสมีอยู่ในเฉพาะนมที่มาจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ดังนั้นคนที่มีอาการแพ้แลคโตสอาจเลี่ยงไปดื่มนมที่ทำจากถั่วแทน เช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ เป็นต้น

แต่ข่าวดีคือ นอกจากสมัยนี้เราจะมีนมวัวชนิด free-lactose หรือไม่มีน้ำตาลแลคโตสออกมาวางจำหน่ายมากขึ้น หาซื้อได้สะดวกมากขึ้นแล้ว อาการแพ้แลคโตสยังสามารถดีขึ้นได้ด้วยการ “ฝึก” ให้ร่างกายเคยชินกับแลคโตสมากขึ้นทีละนิดๆ โดยการสังเกตอาการของตัวเองที่เกิดขึ้นหลังดื่มนม (เพียงเล็กน้อย) ว่ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นเมื่อไร อย่างไร เช่น มีอาการปวดท้องหลังดื่มนมในขณะที่ท้องว่างในตอนเช้า หรือท้องเสียทุกครั้งเมื่อดื่มนมเกิน 1 แก้ว จากนั้นค่อยๆ ลองปรับเปลี่ยนวิธีดื่ม และปริมาณในการดื่มให้เหมาะสม เช่น อาจหลีกเลี่ยงการดื่มในขณะท้องว่าง เลือกดื่มนมหลังทานอาหารเช้า หรือระหว่างมื้ออาหารเช้า โดยใช้วิธีค่อยๆ จิบทีละนิด จากครึ่งแก้ว เป็น 1 แก้ว เมื่อไรที่เริ่มมีอาการผิดปกติให้หยุดดื่ม แล้วลองลดปริมาณลงในครั้งถัดไป เป็นต้น วิธีนี้อาจสามารถทำให้ร่างกายๆ ปรับตัวให้ชินมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่แพ้แลคโตสอาจมีความเสี่ยงได้รับแคลเซียม หรือวิตามินดีไม่เพียงพอ (เพราะดื่มนมแล้วมีอาการแพ้) จึงควรดื่มนมจากถั่ว หรือหาวิธีทดแทนแคลเซียมที่ขาดหายไปจากการดื่มนมให้ได้ เช่น อาจทานวิตามินเสริม หรือทานอาหารอื่นๆ ที่มีแคลเซียมสูง เช่น ปลาเล็กปลาน้อยทอด เป็นต้น หากไม่แน่ใจว่าร่างกายของตัวเองไม่สามารถย่อยแลคโตสได้เองจริงๆ หรือไม่ ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์ และขอคำแนะนำเพิ่มเติมอย่างละเอียดจะดีกว่า

>> จริงหรือไม่? คนไทย “ดื่มนมวัว” เสี่ยง “มะเร็ง”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook