ศิลปะการบอกปฏิเสธ

ศิลปะการบอกปฏิเสธ

ศิลปะการบอกปฏิเสธ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สภาพแวดล้อมในการทำงานที่เลวร้ายที่สุดคือ การมีประเด็นปัญหาที่ไม่ได้แก้ไข เพราะไม่มีใครที่กล้าพอที่จะพูดออกมาตรงๆ การบอกปฏิเสธจึงถือเป็นการสร้างสรรค์ที่สำคัญอย่างหนึ่ง แต่ต้องทำอย่างมีศิลปะ ต่อไปนี้คือแนวทางบางประการของการบอกปฏิเสธอย่างมีศิลปะ

  • บอกทันที ถ้าคุณกำลังจะบอกปฏิเสธ บอกมันออกมาทันที ยิ่งใครบางคนคิดว่าเธอจะได้คำตอบรับนานเท่าไหร่ คำปฏิเสธก็จะยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเท่านั้น  
  • ปฏิเสธไอเดีย ไม่ใช่บุคคล นี่อาจเป็นเรื่องง่ายๆ เพียงแค่การใช้คำอื่นแทนคำว่า “คุณ” เช่น “ฉันไม่คิดว่าวิธีการนี้จะดีเท่ากับอีกวิธีหนึ่ง” แทนจะพูดว่า “ฉันไม่คิดว่าไอเดียของคุณจะได้ผลนะ”  
  • เรียนรู้วิธีการพูด ทุกองค์กรมีวัฒนธรรมของตัวเอง และการพูดคำว่า “ไม่” ก็ย่อมต่างกัน ในบริษัทใหม่ๆ สิ่งสำคัญคือความรวดเร็ว ฉะนั้น อะไรก็ตามที่เร็วที่สุด--รวมทั้งความตรงไปตรงมาที่อาจหยาบคายในที่อื่น--จะถือว่าดีที่สุด คุณสามารถบอกว่า “ไม่ ฉันไม่ชอบไอเดียนี้” และจะไม่มีใครตีโพยตีพายเกินกว่าเหตุ แต่ในองค์กรการกุศล ซึ่งงานส่วนใหญ่ทำโดยอาสาสมัครที่ต้องรู้สึกประทับใจจึงจะทำงานต่อไปได้เรื่อยๆ คำปฏิเสธควรจะบอกอย่างอ้อมๆ “ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณชอบไอเดียนี้ แต่นี่คือวิธีการที่ฉันอยากจะทำ” ซึ่งก็หมายความว่า “ฉันเกลียดไอเดียนี้ แต่ไม่อยากให้คุณหงุดหงิด” ยิ่งคุณพูดได้ใกล้เคียงกับวัฒนธรรมของแต่ละองค์กรมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งง่ายขึ้นมากเท่านั้นที่คนอื่นจะฟังคุณ  
  • เรียนรู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุด บางครั้งเมื่อเราบอกว่าไม่ เรามักจะตามด้วยคำอธิบายที่มากมายจนเกินไป ด้วยความหวังว่าจะช่วยให้คนอื่นไม่หงุดหงิด แต่ความจริงก็คือคนเราไม่อยากได้ยินคำว่าไม่ ไม่ว่าคุณจะอธิบายยังไงก็ตาม ก็ไม่อาจทำให้มันจบลงไปได้ บ่อยครั้งสิ่งที่ดีที่สุดทีคุณทำได้ก็คือการบอกว่า “เสียใจนะคะ แต่ฉันคิดว่าไอเดียนี้คงไม่ได้ผลหรอก” แล้วก็ก้าวต่อไปยังเรื่องอื่น--ราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ซึ่งโอกาสที่เป็นไปได้ก็คือ มันจะไม่กลายเป็นเช่นนั้น

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook