แปซิฟิก สมรภูมิเดนตาย สหายร่วมรบ

แปซิฟิก สมรภูมิเดนตาย สหายร่วมรบ

แปซิฟิก สมรภูมิเดนตาย สหายร่วมรบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

แปซิฟิก สมรภูมิเดนตาย สหายร่วมรบ
(With The Old Breed)

บันทึก ความทรงจำชิ้นเยี่ยมของยูจีน บี. สเล็ดจ์ นาวิกโยธินผู้ผ่านการทำศึกตั้งแต่สมาภูมิเปลีลิวจนถึงโอกินาวาที่ขึ้นชื่อ ว่าโหดหินที่สุดในภาคพื้นแปซิฟิก
ผู้เขียน
Eugene B. Sledge (ยูจีน บี. สเล็ดจ์)
ผู้แปล
ฉัตรนคร (องคสิงห์) เขมาสารี


จากซีรีส์ดังช่อง HBO โดย ทอม แฮงก์ส และสตีเฟ่น สปิลเบิร์ก สู่บันทึกความทรงจำในรูปแบบหนังสือ "แปซิฟิก สมรภูมิเดนตาย สหายร่วมรบ" จากสิ้นเสียงสุดท้ายของลมหายใจ

"สงครามเป็นเรื่องโหดร้ายไม่มีเหตุผล น่าอับอาย ไร้เกียรติ เป็นความสูญเปล่าอย่างไม่น่าให้อภัย การสู้รบที่ยังคงทิ้งร่องรอยอันลบไม่ออกไว้ในใจผู้ที่ถูกบังคับให้ต้องทนรับมัน ปัจจัยเดียวที่ช่วยไถ่ถอนก็คือความกล้าหาญอย่างไม่น่าเชื่อของเหล่าสหาย รวมถึงความเสียสละที่มีให้แก่กันและกัน ทว่าความรักและความสามัคคีนั่นเองที่ช่วยประคับประคองเราไว้"

หากสงครามคือ การปล้นชีวิตมนุษย์ที่ไม่ใช่เรื่องของเกียรติหรือศักดิ์ศรี แต่เป็นความโหดร้ายซึ่งมนุษย์สองฝ่ายใช้เป็นข้ออ้างเพื่อลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากันเอง...

ด้วยเหตุนี้ ยูจีน บี. สเล็ดจ์ นาวิกโยธินสหรัฐฯ ผู้มุ่งมั่นอยากออกรบให้ทันก่อนสงครามสิ้นสุด จึงได้ถ่ายทอดเรื่องราวบทบันทึกจากประสบการณ์ในสมรภูมิเปลีลิวและโอกินาวาในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งส่วนของการฝึกและการรบ ไว้ในเศษกระดาษ และสอดไว้กับคัมภีร์ไบเบิลฉบับพกพา แม้ว่าสงครามจะจบไปแล้วกว่า 6 ทศวรรษ แต่ภาพหลอนของสงครามยังติดตรึงอยู่ในใจของเขา กระทั่งภรรยาได้แนะนำให้เขาเขียนเพื่อระบายความเจ็บปวดนี้ออกมา ซึ่งได้รับความสนใจและตีพิมพ์บันทึกความทรงจำในชื่อ With the Old Breed เป็นครั้งแรกในปี 1981 และมีการตีพิมพ์ซ้ำเรื่อยมา กระทั่งในปี 2007 ทอม แฮงก์ส และสตีเฟ่น สปิลเบิร์ก เลือกหนังสือเล่มนี้ กับ Helmet for My Pillow ของ โรเบิร์ต เลคกี้ มารวมสร้างเป็นซีรีส์ The Pacific ทางช่อง HBO และสำนักพิมพ์มติชนได้นำมาแปลเป็นภาษาไทยโดย ฉัตรนคร (องคสิงห์) เขมาสารี ในชื่อ "แปซิฟิก สมรภูมิเดนตาย สหายร่วมรบ"

จากบันทึกความทรงจำ เขาได้บอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามรบขณะที่เขาเป็นพลทหาร ต้องวิ่งฝ่าห่ากระสุนและเห็นเพื่อนตายไปต่อหน้าต่อตา เรื่องราวของเขาไม่ได้เสกสรรปั้นแต่งให้เกินจริง เขากล้าเปิดเผยถึงอีกด้านมืดของมนุษย์ที่เกิดจากความโหดร้ายของสงคราม ซึ่งสามารถเปลี่ยนให้เด็กหนุ่มใสซื่อ กลายเป็นคนด้านชากระหายเลือด พร้อมจะทำเรื่องเลวร้ายและไร้มนุษยธรรมได้ทุกเมื่อ และตัวเขาเองก็เกือบจะกลายเป็นเช่นนั้น หากไม่ได้เพื่อนร่วมรบผู้หวังดีและมีความศรัทธาในพระเจ้าคอยดึงรั้งเอาไว้

นอกจากนี้ ยังฉายให้เห็นสภาพแวดล้อมอันหฤโหดที่เหล่าทหารต้องเผชิญ ความเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นของบรรดาทหารหาญ ฉากการห้ำหั่นอันน่าตื่นเต้นหวาดสยอง ภาพเลือดและศพกระจายเกลื่อนสมรภูมิ แต่ในทางกลับกันก็ยังฉายให้เห็นภาพความเสียสละ ความสามัคคีของเพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมรบเพื่อช่วงชิงชัยชนะแห่งสันติภาพ ทว่าสิ่งเหล่านี้หากได้มาต้องแลกด้วยชีวิต

แม้ว่าสงครามจะจบสิ้นไปแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหลือทิ้งไว้คือ "คราบน้ำตา" ของชนรุ่นหลังที่รำลึกถึงเหล่าทหารกล้า หากไม่มีพวกเขาในสมรภูมิรบคงไม่มีสันติภาพเกิดขึ้นเป็นแน่...

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook