2553 คอนโดฯ ใหม่-ทำเลฮิตเบ่งบาน ขานรับเศรษฐกิจฟื้นตัว

2553 คอนโดฯ ใหม่-ทำเลฮิตเบ่งบาน ขานรับเศรษฐกิจฟื้นตัว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี 2553 นอกจากจะส่งผลให้ดอกเบี้ยมีการปรับตัวสูงขึ้นแล้ว ในด้านการลงทุนก็เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งทำเลยอดฮิตนั้นหนีไม่พ้นย่านใจกลางเมืองที่มีรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินวิ่งผ่าน

"ทำเลใจกลางเมืองย่านเพลินจิต ราชดำริ วิทยุ หลังสวน สุขุมวิทตอนต้น ยังคงได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายในเรื่องการเดิน ทาง แต่บางส่วนก็อาจจะขยายไปถึงซอยทองหล่อด้วย แม้จะไม่ใช่ย่านออฟฟิศแต่เป็นเพราะสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ ทั้งร้านอาหาร ร้านค้ามีสไตล์ชื่อดัง" อนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ระบุ

แม้ทิศทางของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2553 จะมีแนวโน้มดีขึ้น จนอาจทำให้มีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก แต่รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดเห็นว่า โครงการที่เกิดขึ้นยังไม่เกินจำนวนความต้องการที่มีอยู่มากนัก เพราะหลังจากผ่านวิกฤติเมื่อปี 2540 มาแล้ว เจ้าของโครงการต่างมีความระมัดระวังในการดำเนินโครงการต่าง ๆ มากขึ้น

"สถานการณ์ขณะนี้ต่างกับปี 2540 เพราะเจ้าของโครงการใหญ่ต่างมีการวางแผนการดำเนินงานที่รัดกุม และมีการศึกษาทิศทางของตลาดอย่างรอบคอบ จึงไม่ต้องห่วงว่าจะมีสินค้าในตลาดมากเกินความต้องการ จนต้องประสบกับภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่อีกครั้งเพราะแต่ละโครงการถูกควบคุมจาก แบงก์ที่ปล่อยเงินกู้ด้วย หากทำเลไม่ดีก็ขายไม่ได้"

แต่ สุชาติ เจียรานุสสติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็มอาร์ สุขุมวิท จำกัด ในเครือกลุ่มซิตี้ ดิเวลลอปเม้นท์ (ซีดีแอล) ยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์จากสิงคโปร์ กลับมองว่าขณะที่โครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างไร้ทิศ ทาง เพราะไม่มีการควบคุมปริมาณ ไม่เหมือนกับฮ่องกงหรือสิงคโปร์ที่มีพื้นที่จำกัด นั่นจึงทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้าน

"เราน่าจะมีการควบคุมการเกิดขึ้นของโครงการอสังหาริมทรัพย์มากกว่านี้ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมซึ่งเป็นโครงการที่จะต้องสร้างให้แล้วเสร็จทั้งหมด ไม่ว่าจะมีลูกค้าจับจองเป็นเจ้าของทั้งหมดหรือไม่ ไม่ใช่ว่าเพียงแค่มีที่ดินอยู่ในทำเลทองเท่านั้นก็พอ เพราะหลายโครงการยังขายไม่หมด และสุดท้ายผู้บริโภคก็คือผู้เดือดร้อนหากเจ้าของโครงการไม่สามารถบริหาร จัดการโครงการต่อไปได้"

อย่างในส่วนของ บริษัท เอ็มอาร์ สุขุมวิท จำกัดเอง แม้จะมีสถาบันการเงินถึง 2 แห่งเสนอขายที่ดินในทำเลที่ดีก็ยังคงต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ เพราะต้องการปิดยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอ็นอย่างมิลเลนเนียม เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท ซึ่งสร้างเสร็จสมบูรณ์พร้อมเข้าอยู่แล้วก่อน โดยปัจจุบันมีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติจับจองแล้วกว่าร้อยละ 85

เช่นเดียวกับสมาคมอาคารชุดไทยที่คาดการณ์ว่าโครงการ ใหม่ ๆ จะเริ่มชะลอตัว โดยดูจากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์พบว่า มีโครงการอาคารชุดที่ก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ยังขายไม่หมดอีกหลายหมื่นยูนิต

"แม้ว่าทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกโดยเฉพาะในเอเชียจะเริ่มฟื้นตัว ไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่การลงทุนหรือร่วมทุนในโครงการใหม่ในประเทศไทยก็ยังคงต้องศึกษาความเป็นไป ได้ เพราะช่วงที่ผ่านมาทางกลุ่มได้เข้าไปซื้อสำนักงานให้เช่าในเมืองโตเกียว มูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อโครงการที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์กว่า 1,300 ล้านบาท และอีก 2,000 ล้านบาท ซื้อสำนักงานให้เช่าในฮ่องกงซึ่งอยู่ในช่วงที่ตกลงมาถึงจุดต่ำสุด" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็มอาร์ สุขุมวิท จำกัด ระบุ

ความมั่นใจในการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ทำให้บริษัทใหญ่หลายแห่ง ต่างเพิ่มการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในปี 2553 ไม่ว่าจะเป็นควอลิตี้เฮ้าส์ที่เตรียมพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมอีก 2-3 โครงการนอกเหนือจาก 13 โครงการที่วางแผนไว้ก่อนหน้า

ขณะที่เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ ยักษ์ใหญ่อีกรายก็วางแผนจะพัฒนาโครงการใหม่ในปีหน้าอย่างน้อย 10-20 โครงการ ส่วนศุภาลัยก็เตรียมเปิดโครงการใหม่ในปี 2553 ไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ เตรียมเปิดโครงการในจำนวนไม่ต่างกันเพียงแต่ทำเลจะอยู่กรุงเทพฯรอบนอก มากกว่า

หากปี 2553 ไม่มีปัญหาการเมืองภายในขั้นร้ายแรงเกิดขึ้นมาฉุดให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวอีก ขณะที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ทิศทางการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยก็น่าจะมีอนาคตที่สดใสขึ้นด้วย เช่นกัน.

article@dailynews.co.th

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook