ดนตรีกับพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์

ดนตรีกับพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์

ดนตรีกับพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เพราะการรับรู้ของเด็กไม่ได้เริ่มต้นในวันแรกที่ออกจากท้องแม่ แต่เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เขาก่อตัวขึ้นในท้อง พร้อมกับพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวันตามไลฟ์สไตล์และชีวิตของคุณแม่ ดังนั้นเคล็ดลับหนึ่งที่สำคัญในการสื่อสารกับลูกเพื่อให้เขาไม่รู้สึกเดียวดายก็คือการใช้ดนตรีเป็นสื่อกลาง

ข้อดีของการใช้เสียงดนตรีเพื่อสื่อสารและกระตุ้นพัฒนาการของลูกได้ถูกพิสูจน์แล้วว่าดีเยี่ยมโดย Dr.Leon Thurman นักวิจัยชาวอเมริกันซึ่งได้ทดลองเปิดเสียงดนตรีให้คุณแม่ตั้งครรภ์ฟังเป็นประจำทุกวันพบว่าเด็กที่คลอดออกมาจะมีพัฒนาการทางด้านร่างกายและ I.Q. สูงกว่าเด็กทั่วไป แถมยังเลี้ยงง่ายและมีความผูกพันกับคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น

ดังนั้นเพื่อเตรียมพื้นฐานให้ลูกพร้อมที่สุดในวันแรกที่ได้ลืมตามาพบกับคุณพ่อและคุณแม่ การเปิดเพลงเพราะๆขับกล่อมให้คุณแม่ฟังทุกวันจึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง แต่เวลาเหมาะที่สุดสำหรับการเริ่มต้นคือช่วงระยะครรภ์ 5 เดือน เพราะในช่วงนี้ลูกจะเริ่มมีพัฒนาการด้านการได้ยิน ระบบความจำ การหายใจและการเคลื่อนไหวมากขึ้น

เพลงของลูกควรเป็นเพลงประเภทไหน
ทำนองเพลงช้าๆ เบาๆ อย่างดนตรีคลาสสิคคือเพลงที่คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดให้ลูกที่อยู่ในท้องฟังมากที่สุด เพราะท่วงทำนองแบบนี้จะช่วยขับกล่อมให้ลูกอารมณ์เย็น ยิ้มแย้มแจ่มใส และไม่โมโหง่าย โดยจะเป็นเพลงไทยหรือเพลงสากลก็ได้ ขอเพียงทุกครั้งที่เปิดให้คุณแม่ใช้มือลูบเบาๆที่ท้องไปด้วย และจะให้ดีควรร้องคลอตามเบาๆ เพื่อให้เขาชินกับสัมผัส รวมถึงเสียงของคุณแม่ ซึ่งจะส่งผลให้เมื่อเขาเกิดจะกลายเป็นเด็กเลี้ยงง่ายเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของคุณแม่


เปิดเพลงเวลาไหนจะเหมาะที่สุด
ในความเป็นจริงแล้วสามารถเปิดได้ทุกเวลา เพราะเพลงจะช่วยขับกล่อมจิตใจของคุณแม่ให้เย็นลงซึ่งจะมีผลอย่างมากต่ออารมณ์ของลูก แต่ช่วงเวลาที่ลูกจะได้มีส่วนร่วมในการฟังเพลงมากที่สุดคือช่วงเวลาเย็น เนื่องจากเขาจะตื่นตัว และพร้อมเปิดทุกประสาทสัมผัสอย่างเต็มที่

คุณแม่ คือนักร้องที่ยอดเยี่ยมที่สุด
แม้จะมีนักดนตรีคลาสสิคหลายคนที่มีพลังเสียงเป็นเยี่ยมในการร้องเพลงให้เด็กในครรภ์ฟัง แต่เสียงที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคือเสียงของคุณแม่ ดังนั้นอาจจะใช้เวลาก่อนนอนร้องเพลงน่ารักๆ ให้เขาฟัง รวมถึงชักชวนคุณพ่อมาเป็นคอรัสอีกคน เพื่อที่เขาจะได้รับรู้ว่าสมาชิกในครอบครัวที่รอคอยเขาเกิดมามีใครบ้าง เพราะจากการวิจัยของ Heinz Prechtl พบว่าเด็กในครรภ์จะจำเสียงดนตรีที่เคยฟังได้ โดยการทดลองให้เด็กทารกฟังเพลงที่เคยฟังขณะอยู่ในครรภ์เด็กจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ในขณะที่ถ้าเป็นเพลงใหม่เขาจะนิ่งฟังเพียงอย่างเดียว

ให้ลูกฟังเพลงอย่างไรจึงจะเหมาะที่สุด
ลำโพงควรอยู่ห่างหน้าท้องของคุณแม่ 1 ฟุตขึ้นไป เพื่อไม่ให้เสียงนั้นดังเกินไป จนทำให้ลูกรู้สึกกระวนกระวายมากกว่าจะผ่อนคลายอ

แม้เสียงเพลงจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการสานสัมพันธ์รักระหว่างพ่อและแม่กับลูกที่อยู่ในครรภ์ได้อย่างดี หากแต่สิ่งหนึ่งที่ดียิ่งกว่าก็คือความรักที่พ่อและแม่มีต่อกัน เนื่องจากสิ่งนี้จะส่งต่อไปสู่จิตใจของลูกได้โดยตรง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook