11 ข้อคิด ในวันที่ชีวิตอกหัก!

11 ข้อคิด ในวันที่ชีวิตอกหัก!

11 ข้อคิด ในวันที่ชีวิตอกหัก!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มีช่วงหนึ่งที่ชีวิตของจูนค่อนข้างพีคทางความรู้สึกในเรื่องความรัก ตอนนั้นรู้สึกอัดอั้น เหมือนคนอยากอ้วกแต่อ้วกไม่ออก มันอึนไปหมด สุดท้ายก็เลยไประบายในเฟสบุ๊คเพื่อจะได้ไม่อัดอั้นจนเกินไปนัก ต้องบอกก่อนว่า ตอนนั้นมันนอยด์มากและแค่อยากระบายจริงๆ แต่ปรากกฏว่ามีเพื่อนพ้องน้องพี่มาคอมเม้นให้ข้อคิด ซึ่งแต่ละคนก็ทำให้ฉุกคิดได้เยอะมาก จากนอยด์ๆนี่ดีขึ้นมากๆๆๆเลยล่ะค่ะ จูนก็เลยจะขอนำข้อคิดทั้งหลายทั้งปวงที่รวบรวมจากเพื่อน รุ่นพี่และรุ่นน้องมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าจะช่วยให้ใครที่กำลังจิตใจหดหู่อยู่ดีขึ้นได้บ้าง อ้อ!บางคอมเม้นอาจมีคำหยาบบ้างอะไรบ้าง ขอไม่ปรับคำนะคะ เพื่อผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข้อคิดและอารมณ์แบบ Real จากเจ้าของคำพูดจริงๆ

 

สเตตัสสุดนอยด์ ปลดปล่อยความในใจ

"...เรามีคำถาม สงสัยมากๆด้วย...
คำถามของเราคือ เราเป็นคนรักษาสัจจะมาก โดยเฉพาะเรื่องคำสัญญา เราเคยสัญญากับตัวเองว่าเราจะไม่กินเหล้ากินเบียร์ ไปเที่ยวก็กินแต่โค้ก เราทำได้มาตลอด2ปี ใครเอาเหล้าจ่อปากก็ไม่กิน เรารักษาสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองดีมาก และรักษาสัจจะทุกเรื่อง
...แต่ทำไมเรามักเจอคนไม่รักษาคำพูดกับเรา พูดผ่านๆไปงั้น โนสน โนแคร์ โนรับผิดชอบคำพูดตัวเอง ทำไมหรอ?

อีกข้อ...เราเป็นคนตรง และไม่ชอบเล่นกับความรู้สึกใครทั้งนั้น มันอาจดูโหดร้ายซักหน่อย เวลาที่มีใครมาสนใจในตัวเรา แล้วเราไม่ชอบ เราจะแสดงออกชัดเจน ให้คนๆนั้นรู้ว่า อย่าเสียเวลากับเราเลย ไปหาคนอื่นที่ใช่กว่าดีกว่ามาจมอยู่กับเรา เราไม่เคยคุยกับใครเพื่อแก้เหงา เรายอมอยู่คนเดียวดีกว่าคุยกับคนที่เราไม่ชอบ เราไม่เก็บใครไว้เป็นสต็อกเล่นๆแน่ๆ ชอบคือบอกชอบ ไม่ชอบ เราจะไม่ให้ความหวังให้เค้ารู้สึกมีหวัง ปัดออกทันที
...แต่ทำไมเรามักเจอคนที่ชอบเล่นกับความรู้สึกของเราจัง ไม่เก็ท

เรากำลังสงสัยว่า...ทำดีแล้วได้ดีจริงๆใช่มั้ย???"

 

หลากคอมเม้นต์ให้ข้อคิด สกิดให้ชีวิตไปต่อ

"ถ้าเรารักษาคำพูดมากเท่าไหร่ ก็ไม่ควรจะใส่ใจคำพูดของคนอื่นมากกว่าตัวเอง ควรทำดีอย่างที่ทำต่อไปค่ะ"

 

"ทำดีแล้วได้ดี
ไม่ได้หมายความว่าเราจะเจอแต่คนดีๆ โลกมนุษย์นี้บางทีอาจเป็นนรกขุมนึงก็ได้ มันเลยมีผู้คนหลากหลายปะปนกันไป เราโฟกัสอะไรมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งจะเห็นสิ่งนั้นมากเท่านั้น จริงๆคนรอบข้างมึงอาจมีคนมากมาย
ที่ถือสัจจะเป็นสำคัญมากๆก็ได้นะ กูบอกไม่กินเหล้า กูก็เลิกมานานล่ะนะ แต่กับเรื่องอื่นๆ บางทีกูก็พลาดบ้างเผลอบ้าง มึงลองคิดดูดีๆว่ามึงเคยรับปากใคร แล้วอาจจะทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นบ้าง เชื่อในความดีสักวันจะส่งผล
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เราไม่ได้เพิ่งเกิดมา ก่อนหน้านี้เราปลูกต้นอะไรมาก็ไม่รู้ ตอนนี้มันอาจกำลังส่งผล แต่ตอนนี้เราปลูกต้นแห่งความดี รอเวลาเก็บผลกินได้แน่ อย่างน้อยๆก็ศรัทธาในตัวเองได้อ่ะ ศรัทธาในความดีที่ทำ
เป็นการให้เกรียติตัวเอง
"

 

"ข้อแรก เรารักษาสัจจะ แล้วคนอื่นไม่รักษาสัจจะ นั่นเป็นเรื่องของเขา อย่าเอามาใส่ใจ เรารักษาสัจจะ รักษาความดี อันนี้คือถูกต้องแล้ว ทำดีต่อไปเถอะ แล้วจะดีกับตัว เพราะไม่ต้องมัวพะวง อ้ำๆ อึ้งๆ เวลาใครถาม เนื่องจากกลัวความลับที่เก็บไว้จะรั่วไหล

ข้อสอง ก็ทำถูกอีก เพราะการไม่ให้ความหวังใคร ให้เขาต้องมาเจ็บช้ำใจมากกว่าหลอกไปวันๆ นั้นถือเป็นการไม่ทำบาป ดีแล้ว ส่วนที่คนอื่นมาทำกับเราคิดซะว่าเราเคยไปทำเค้าไว้ แล้วหนีให้ห่าง อย่าได้เจอะกันอีกเลย เท่านี้ก็โอแระ ยึดหลักความดี ความถูกต้องไว้ อย่างอื่นโนว์สน โนว์แคร์ค่า"

 

"ก็ดีที่เราซื่อสัตย์กับตัวเองไง ก็ถือเป็นเรื่องดีมั้ง เพราะจริงๆเรื่องความซื่อสัตย์เป็นกฎพื้นฐานของการใช้ชีวิต (กูบัญญัติไว้ในชีวิตตัวเอง) คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่างเขา แต่ก็ไม่ควรมากระทบถึงใคร ส่วนการทำดีก็เหมือนว่าเราเลี้ยงหมามาดี ดูแลอย่างดี ระวังไม่ให้ไปกัดใคร แต่ก็ไม่ได้แปลว่าหมาคนอื่นจะไม่มากัดหมาเรา เพราะคนอื่นก็ไม่ได้เลี้ยงดูหมาเขามาอย่างดี"

 

"พี่เคยรักใครมากๆแต่ไม่ได้ความรักนั้นกลับมาไหม หรือไม่ก็กลายเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้ นั่นล่ะพี่มันเหมือนกัน เราสามารถสร้างความรู้สึกดีๆให้ใครก็ได้ แต่ไม่จำเป็นว่าเราจะได้สิ่งนั้นกลับคืนมา ดุ๊กเคยคิดคล้ายพี่ แต่เราไม่ต้องมองย้อนกลับเลยพี่ ให้เรามองทางเดียวกัน แต่มองให้ไกลกว่าและมองเข้าหาตัวเองในเวลาเดียวกัน(งงไหม) ดุ๊กกำลังหมายถึงการมองตัวเองให้ไกลออกไป คือถ้าเขาสนใจใส่ใจในตัวเรา เราจะมีค่า มีค่าให้เขาพยายามคิดว่าเราต้องการอะไร ทำไมน่ะเหรอ (พี่เคยให้ค่าใครมากๆรึเปล่าอะแบบเดียวกันเลย) สิ่งที่ดุ๊กกำลังจะสื่อคือ เราไม่จำเป็นจะต้องสนใจคนที่ไม่ได้ให้คุณค่าในตัวเรา เราเป็นตัวของเรา คิดจะทำไรทำ อยากรักษาสัจจะพี่ก็ทำไปสิ่ อยากจริงใจพี่ก็ทำ(ก็มันคือตัวเรานิ่) เพราะถ้าคนอื่นที่เขาให้ค่าเราเขาจะมองเราที่เป็นเรา ส่วนใครที่มันไม่เข้าใจ ก็ปล่อยมันไป" #เท

 

"บางที ความดี กับความคาดหวังอาจจะไม่ได้อยู่ในเรื่องเดียวกันก็ได้ ใจเราเองยังคุมลำบากเลย นับประสาอะไรกับใจใครต่อใคร"

 

"มันจะมีบ้างครั้งที่เรารู้สึกไม่ยุติธรรมกับสิ่งที่เราไม่เคยเป็น แต่เรากลับได้รับการกระทำแบบนั้นกลับมา แต่ไม่ว่ายังไงเราจะยืนหยัดในสิ่งดีๆที่เราทำนะพี่"

 

"สู้ต่อไป สักวันต้องเจอคนศีลเสมอกัน"

 

"ถึงทำดีแต่ไม่ได้ดี ก็ขอให้คิดดี ทำดีต่อไป อย่าสร้างกรรมเพิ่มให้กับตัวเอง สักวันมันจะเจออะไรดีๆ เอง ลี้ภัยก่อน ตั้งสติ ชีวิตจะสตรองขึ้นเอง พอประสบการณ์เยอะขึ้น จะหายเจ็บไว ไม่ดราม่านาน พร้อมหาเหยื่อรายใหม่ 555"

 

"มันเป็นบททดสอบในชีวิตน่ะ พี่อาศัยความคิดว่า ใครจะทำกับเรายังไงก็ช่าง เราขอเป็นของเราแบบนี้ แล้วจะดีจะชั่ว เราตัดสินของเราเอง เราไม่สามารถเข้าใจมนุษย์คนอื่นได้ร้อยเปอร์เซนต์หรอก เพราะเขามีเรื่องอื่นๆ อีกล้านแปดที่เป็นปัจจัยส่งให้เค้าเป็นแบบนี้ในทุกวันนี้ เอาแค่ตัวของเรา ทำของเรา ให้เราสบายใจ เรื่องว่าโดนอะไรจากคนอื่นตลอดทั้งที่ตัวเองพยายามทำดีแล้ว ทำไมโดนแบบนี้ตลอด เอาจริงๆ จะทำดีหรือไม่ทำดี ก็จะโดนแบบนี้อยู่ดี เพราะการที่คนอื่นทำดีหรือทำไม่ดีกับเรา มันไม่ได้ขึ้นกับตัวเรา มันอยู่ที่เขา สิ่งดีๆ อื่นๆ ที่จูนได้รับมันอาจจะเป็นผลจากการทำดีของจูนก็ได้ แค่ไม่ได้มาในรูปแบบเดียวกัน ขณะเดียวกัน ถ้าเป็นทางพุทธ ก็คงมองได้ว่า เป็นกรรมเก่า ที่ถึงจะทำดีก็ยังต้องเจอวิบากแบบนี้อยู่ดี (เข้าใจถูกไหมนะ? พอดีเป็นคริสตัง 555) ไม่รู้ช่วยได้มั้ย 55"

 

"เอาจริงๆอย่าไปยึดติดมาก ทุกอย่างมันมีความเปลี่ยนแปลง เรื่องคำพูดเหมือนกัน ให้สังเกตคน ดูให้ออกควรจริงกับใคร โกหกกับใคร การคบคนเหมือนกัน แนะนำว่าไม่ควรไปตัดเยื่อใยขนาดนั้น ในคนที่ไม่ดีมันก็มีสิ่งดี
หาความดีให้พบ แล้วปรับตัวตามและอยู่กับความเลวให้ได้ อย่าให้มันทำร้ายเรา ทำได้ตามนี้จะมีความสุข โลกเรามันไม่ขาวไม่ดำ มันเป็นสีเทาหลายๆเฉด มิสเตอเกรย์ไม่ได้กล่าว...5555"

 

ข้อคิดเหล่านี้ช่วยให้วันที่สติสตังกระเจิงของจูนกลับมาเป็นปกติได้มากขึ้น จูนก็หวังว่าข้อคิดดีๆเหล่านี้ที่เคยช่วยจูนได้ จะสามารถช่วยผู้อ่านที่กำลังรู้สึกอึนกับชีวิตได้เหมือนกันนะคะ:)

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook