นิยามความเป็นอัจฉริยะในแบบของ "หนูดี วนิษา เรซ"

นิยามความเป็นอัจฉริยะในแบบของ "หนูดี วนิษา เรซ"

นิยามความเป็นอัจฉริยะในแบบของ "หนูดี วนิษา เรซ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อัจฉริยะสร้างได้ กลายเป็นสโลแกนของ "หนูดี วนิษา เรซ" สาวเก่งผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองและการเรียนรู้ จนได้รับการพูดถึงความเก่งและการมีแง่คิดดีๆ ในการใช้ชีวิตที่ได้รับการยอมรับจากเด็กรุ่นใหม่ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้กับการเรียนและในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี...

หนูดี วนิษา เรซ สาวสวยที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอัจฉริยะภาพ ไม่ได้มีผลงานแค่หนังสือที่บอกเล่าความเป็นอัจฉริยะของมนุษย์เพียงเท่านั้น แต่เธอยังเป็นทั้งเจ้าของโรงเรียนวนิษา ดีเจคลื่น อาสาสมัครช่วยงานยูนิเซฟและอื่นๆ...

"งานที่ทำเป็นประจำของหนูดี คือ เป็นเจ้าของโรงเรียนวนิษา มีอยู่ 2 สาขา ที่สุขุมวิท 26 ซึ่งเป็นโรงเรียนอนุบาลที่รับตั้งแต่ 1 ขวบจนถึง 6 ขวบ และสอน 4 ภาษาคือ อังกฤษ ไทย จีน ญี่ปุ่น ส่วนอีกสาขาหนึ่งอยู่รังสิตรับตั้งแต่ 1 ขวบ จนถึงประถม 6 แต่จะสอนแค่ 2 ภาษา คือไทยกับอังกฤษ เพราะสาขารังสิตจะเป็นโรงเรียนที่ขึ้นอยู่กับกระทรวง"

"ส่วนงานอื่นๆ หนูดีก็มีทำหนังสือแปล ซึ่งเล่มที่กำลังทำอยู่เป็นหนังสืออ่านเร็ว โดยเป็นหลักสูตรของอเมริกา แล้วก็มีเป็นดีเจคลื่น MET107FM นอกจากนี้ตอนนี้ก็กำลังเริ่มทำช่อง Youtube ชื่อว่า Noodee Brainworks เรื่องราวที่ลง
ก็จะเกี่ยวกับสมอง โดยจะทำเป็น 4 พาร์ท แต่พูดหลายๆ เรื่อง มีเรื่อง Learning เกี่ยวกับความรู้ Living เกี่ยวกับท่องเที่ยวและ Kids เกี่ยวกับเด็ก เพราะที่ผ่านมาคนจะติดตามหนูดีได้แค่ทางหนังสือที่เขียน รายการวิทยุ หรือสื่อโซเชียล แต่หนูดีมีเรื่องราวที่อยากแบ่งปันเยอะมาก ซึ่งมีคนถามหนูดีเข้ามาเยอะเหมือนกัน แต่บ้างเรื่องก็จำไม่ได้ เช่น เวลาไปเที่ยว เราจะกิน หรือไปที่ไหนดี เลยอยากทำให้เป็นระบบ คนจะได้ติดตามเป็นระบบมากขึ้น และอาจจะมีการนำเรื่องราวที่ลงใน Youtube มาเขียนลงใน Travel Blogให้อีกทีหนึ่ง คนจะได้ไม่ต้องรอในหนังสืออย่างเดียว"

หนูดี วนิษา เรซหนูดี วนิษา เรซ

ด้วยสมองที่มีกลไกการทำงานที่ซับซ้อนสมองมนุษย์จึงเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ เพราะสามารถก๊อปปี้การทำงานต่างๆ ได้...

"หนูดีว่าสมองมนุษย์มันมีความมหัศจรรย์ในหลายๆ รูปแบบ แล้วอันหนึ่งที่สำคัญเลย คือ สมองมันชอบก๊อปปี้ เพราะสมองเราถูกสร้างมาเพื่อปรับตัวมันเลยเกิดการก๊อปปี้ อย่างเช่น หนูดีอยากเป็นครู หนูดีอยากมีตัวอย่างดีๆเพื่อให้เด็กๆ ของหนูดีก๊อปปี้หนูดีได้ แต่นอกจากเด็กจะก๊อปปี้จากเราแล้ว พ่อแม่ ครู หรือคนรอบข้างเด็กๆ เขาก็จะก๊อปปี้สิ่งที่เขาเห็นเช่นกัน ไม่ว่าพ่อแม่จะกินอาหาร จะนอนดึก หรือไม่กินผัก ดังนั้นผู้ปกครองที่โรงเรียนวนิษาเขาจะพยายามไม่กินอาหารขยะ หรือนอนดึกให้ลูกๆ เห็นเลยค่ะ ก็เหมือนกับผู้ที่เวลาอ่านข่าว อ่านสื่อ หรือดูหนังฆาตกรรม ถ้าเราเสพอะไรสิ่งนั้นก็มักจะสร้างพฤติกรรมที่ทำให้มนุษย์เชื่อมต่อกับอารมณ์ได้เช่นกัน มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย สมมติเพื่อนรักเราร้องไห้ เราก็จะรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย เพราะสมองเราถูกสร้างมาให้รู้สึก แต่ข้อเสีย คือ เราเห็นอะไรดี ไม่ดี เราก็จะเก็บไว้หมด"

หนูดี วนิษา เรซหนูดี วนิษา เรซ

สิ่งที่ทำให้ความสุขเกิด ความทุกข์ดับ ในรูปแบบของหนูดี คือ...

"อันหนึ่งที่มันดีมากๆ สำหรับหนูดี คือ การทำความเข้าใจเรื่องความทุกข์ เชน่ แต่ก่อนเราคิดว่าถ้าทำงานได้ดี แล้วเก็บเงินได้น่าจะมีความสุข ซึ่งคนจำนวนมากต่างก็ทำตามรูปแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้มีความสุข มันเลยเป็นคำถามแล้วชีวิตที่ไม่เครียด ไม่ทุกข์มันเป็นอย่างไร ซึ่งหนูดีโชคดีมากๆ ที่เกิดเป็นลูกครึ่งที่โตมาในเมืองไทย เพราะเรามีการนั่งสมาธิ วิปัสสนา ปฏิบัติธรรม มันมีพร้อม ซึ่งการได้นั่งสมาธิปฏิบัติธรรมมันทำให้เราเข้าใจธรรมชาติว่าทุกอย่างมันมีทั้งดีและไม่ดี มันไม่อยู่ทน แต่ถ้าเป็นแบบทางฝั่งอเมริกัน คือ ฝั่งคุณพ่อของหนูดี ความสุขของเขาคือเป็นความสุขจริงๆ แต่ถ้ามีสิ่งรบกวนเข้ามาในชีวิต เขาจะมองว่ามันไม่ดี มันน่ารำคาญ มันน่าเบื่อ"

หนูดี วนิษา เรซหนูดี วนิษา เรซ

การตั้งเป้าหมายชีวิตในรูปแบบหนูดี ที่ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ...

"หนูดีว่าการตั้งเป้าหมายมันต้องมีทั้งชัดเจนและยืดหยุ่นมากพอ เพราะนาทีที่เราตั้งเป้าหมายเราไม่รู้หรอกว่ามันจะมีอุปสรรคอะไรบ้าง เป้าหมายนั้นอาจจะอยู่ได้สัก 5 ปี แต่เรากลับโตเกินกว่าเป้าหมายเดิมจนเราอยากเป็นอะไรที่มันมากขึ้น ต่างไปจากเดิม หรือเก่งขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่อเป้าหมายมันเริ่มเก่าและเดินไปในเส้นทางที่ไกลแล้ว เราจึงต้องมีหน้าที่ปรับสมดุลไปเรื่อยๆ และค่อยๆ เพิ่มไปทีละนิด พอสำเร็จแล้วค่อยเพิ่ม ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้ก็ต้องใช้ความอดทน ใช้โอกาสที่มันเข้ามาด้วย ดังนั้นเราไม่ควรมานั่งมโนในหัวอย่างเดียว แต่เราต้องลองทำมันด้วย เพื่อให้เป้าหมายของเราสำเร็จ ซึ่งหนูดีเคยได้ยินคำพูดของพี่คนหนึ่งซึ่งหนูดีชอบมาก คือ โอกาสก็เหมือนรถเมล์ มันไม่จอดหน้าบ้านเราหรอก เราต่างหากที่ต้องเป็นคนเดินไปที่ป้ายรถเมล์"

หนูดี วนิษา เรซหนูดี วนิษา เรซ

นอกจากนี้ หนูดี วนิษา เรซ ยังฝากนิยามดีๆ ที่เด็กรุ่นใหม่จะสามารถนำไปใช้ได้ ต้องเกิดจากการเปิดใจรับและการให้โอกาสจากผู้ใหญ่ ด้วยการสร้างพื้นที่และสิ่งแวดล้อม ที่ทำให้เด็กสามารถเจริญเติบโตได้อย่างมีสมดุลและมีคุณภาพ... 

เด็กรุ่นใหม่มีความใฝ่ดีในตัวเยอะมาก เขาก็เหมือนเด็กทุกรุ่น ที่ทุกคนอยากมีชีวิตที่ดี มีชีวิตที่มีความสุข ในรูปแบบนิยามของเขาเอง แล้วถ้าเราไม่ได้ไปช่วยสร้างนิยามการมีชีวิตที่มีคุณภาพให้เด็ก ก็ไม่มีสิทธิ์ไปโทษว่า เด็กติดยา ติดเกม หรืออะไรก็ตาม อย่างแรกเราต้องมองโครงสร้างของประเทศไทยก่อนว่ามันมีพื้นที่ให้เด็กมีตัวเลือกอื่นไหม ที่เขาจะมีความสุขตามวัย เพราะเขายังสร้างเองไม่ค่อยได้ แล้วอีกอย่างหนึ่งมนุษย์เราพัฒนาเต็มวัยเมื่ออายุ 25 ปี เพราะฉะนั้นผู้ใหญ่ต้องปรับตัวเยอะมากกว่า และนิยามของความสุข ความสำเร็จมันต้องหลากหลายมากขึ้นถ้านิยามของผู้ใหญ่มันแคบมาก มันก็ไม่มีที่ยืนให้เด็กๆ เลย”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook