ถึงจะอายุมากการมีลูก...ก็ไม่ยากอย่างที่คิด
การมี "ลูก" ถือเป็นเรื่องใหญ่ของคู่แต่งงานที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์การมีลูกมาก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนมีเจ้าตัวน้อย ในงาน "ไทยแลนด์ เบบี้ เบส บาย 2006" ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้จัดให้มีการเสวนาหัวข้อ "เตรียมความพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่" โดยได้ "หมอปุ้ม" พญ.สิรนาถ นุชนาถ สูตินรีแพทย์ ศูนย์สุขภาพสตรี รพ.สมิติเวช มาแนะการเตรียมพร้อมให้เหล่าว่าที่คุณพ่อคุณแม่ที่อยากมีเจ้าตัวน้อยไว้สืบสกุล
พญ.สิรนาถบอกว่า ปัญหาของคู่แต่งงานที่อยากมีลูกส่วนใหญ่ คือ ปัญหาการมีลูกยาก เนื่องจากปัจจุบันผู้หญิงผู้ชายนิยมแต่งงานช้า ผู้หญิงตั้งครรภ์ตอนอายุมาก ทำให้ไข่ตกน้อย ส่งผลให้มีบุตรยาก
"ผู้หญิงที่มีลูกช้า อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป นอกจากจะประสบปัญหาการมีลูกยากแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาลูกในท้องผิดปกติสูง เนื่องจากสุขภาพร่างกายของแม่ไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ แม่อายุ 30 ปีขึ้นไปต้องเช็คเบาหวาน แม่อายุเกิน 35 ปีต้องเจาะน้ำคร่ำเช็คโครโมโซมว่าปกติหรือเปล่า เป็นดาวน์ซินโดรมหรือไม่ นอกจากนี้ ยังพบว่าเด็กที่เกิดจากแม่ที่อายุมากมักจะป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม โรคตับโต ม้ามโต โรคปากแหว่งเพดานโหว่"
แม้การมีลูกตอนที่คุณแม่อายุมากจะเสี่ยงต่อความผิดปกติของลูกน้อยในครรภ์ แต่คุณหมอบอกว่า ไม่ต้องกังวล เพราะไม่ใช่พ่อแม่ทุกคู่จะโชคร้ายมีลูกเกิดมาผิดปกติ เด็กที่เกิดมาผิดปกติส่วนใหญ่เกิดจาก พ่อแม่ละเลยการวางแผนก่อนมีบุตร ทั้งที่เป็นเรื่อง "สำคัญมากๆ"
"พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่วางแผนและเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ คิดจะมีก็มีเลย ซึ่งตรงนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด การมีบุตรต้องพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งกาย ใจ ครอบครัว และเศรษฐกิจ เพราะมีลูกหนึ่งคนค่าใช้จ่ายต้องเพิ่มขึ้นประมาณ 20-25 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อรู้ว่าพร้อมแล้ว ก็ควรมาปรึกษาแพทย์ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ 3 เดือน เพื่อเช็คร่างกายว่าสมบูรณ์แข็งแรงไหม เป็นโรคอะไรหรือเปล่า เพราะถ้าตรวจเจอความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ หมอจะได้ทำการรักษาดูแลจนสามารถมีตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นการเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ต้องทำอย่างยิ่ง และปัญหาต่างๆ จะไม่เกิดขึ้น"
พญ.สิรนาถบอกอีกว่า เมื่อรู้ว่าท้องแล้วก็ต้องรีบไปฝากครรภ์ทันที โดยเลือกโรงพยาบาลที่มั่นใจในความปลอดภัย เลือกหมอประจำตัวที่ถูกอัธยาศัย เพื่อที่จะได้ปรึกษาปัญหาทุกเรื่องได้อย่างสบายใจ
"การตั้งครรภ์เป็นแค่ภาวะหนึ่งที่ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นคุณแม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้เหมือนเดิม แต่ต้องเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ นอกจากแม่ต้องดูแลตัวเองอย่างดีทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว คุณพ่อก็ควรเป็นกำลังใจและคอยช่วยเหลือดูแลคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นทาครีมให้ เปิดเพลง อ่านหนังสือให้ฟัง ซึ่งถ้าแม่มีสุขภาพจิตดี ก็จะส่งผลไปสู่ลูกในท้องให้เป็นเด็กที่มีจิตใจดี อีคิวดี"
อีกอย่างที่ พญ.สิรนาถเน้นมากสำหรับว่าที่คุณพ่อคุณแม่เมื่อคลอดลูกออกมาแล้ว ว่า ควรให้ลูกกินนมแม่อย่างน้อย 8 เดือน เพราะนมแม่มีประโยชน์ช่วยให้ลูกได้สารอาหารครบถ้วน มีภูมิต้านทาน และนอกจากเป็นประโยชน์ต่อลูกแล้ว การให้ลูกกินนมแม่ ทำให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วขึ้น ผอมเร็ว เพราะไขมันในร่างกายเอามาทำเป็นน้ำนมให้ลูกกิน และยังเป็นการคุมกำเนิดไปในตัว เพราะฮอร์โมนออกซิโตซินไปหยุดการตกไข่ ทำให้ไม่มีประจำเดือน และยังลดการเกิดโรคมะเร็งเต้านมอีกด้วย
เป็นคำแนะนำที่มีประโยชน์มากจริงๆ
"ผู้หญิงที่มีลูกช้า อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป นอกจากจะประสบปัญหาการมีลูกยากแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาลูกในท้องผิดปกติสูง เนื่องจากสุขภาพร่างกายของแม่ไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ แม่อายุ 30 ปีขึ้นไปต้องเช็คเบาหวาน แม่อายุเกิน 35 ปีต้องเจาะน้ำคร่ำเช็คโครโมโซมว่าปกติหรือเปล่า เป็นดาวน์ซินโดรมหรือไม่ นอกจากนี้ ยังพบว่าเด็กที่เกิดจากแม่ที่อายุมากมักจะป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม โรคตับโต ม้ามโต โรคปากแหว่งเพดานโหว่"
แม้การมีลูกตอนที่คุณแม่อายุมากจะเสี่ยงต่อความผิดปกติของลูกน้อยในครรภ์ แต่คุณหมอบอกว่า ไม่ต้องกังวล เพราะไม่ใช่พ่อแม่ทุกคู่จะโชคร้ายมีลูกเกิดมาผิดปกติ เด็กที่เกิดมาผิดปกติส่วนใหญ่เกิดจาก พ่อแม่ละเลยการวางแผนก่อนมีบุตร ทั้งที่เป็นเรื่อง "สำคัญมากๆ"
"พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่วางแผนและเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ คิดจะมีก็มีเลย ซึ่งตรงนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด การมีบุตรต้องพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งกาย ใจ ครอบครัว และเศรษฐกิจ เพราะมีลูกหนึ่งคนค่าใช้จ่ายต้องเพิ่มขึ้นประมาณ 20-25 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อรู้ว่าพร้อมแล้ว ก็ควรมาปรึกษาแพทย์ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ 3 เดือน เพื่อเช็คร่างกายว่าสมบูรณ์แข็งแรงไหม เป็นโรคอะไรหรือเปล่า เพราะถ้าตรวจเจอความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ หมอจะได้ทำการรักษาดูแลจนสามารถมีตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นการเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ต้องทำอย่างยิ่ง และปัญหาต่างๆ จะไม่เกิดขึ้น"
พญ.สิรนาถบอกอีกว่า เมื่อรู้ว่าท้องแล้วก็ต้องรีบไปฝากครรภ์ทันที โดยเลือกโรงพยาบาลที่มั่นใจในความปลอดภัย เลือกหมอประจำตัวที่ถูกอัธยาศัย เพื่อที่จะได้ปรึกษาปัญหาทุกเรื่องได้อย่างสบายใจ
"การตั้งครรภ์เป็นแค่ภาวะหนึ่งที่ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นคุณแม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้เหมือนเดิม แต่ต้องเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ นอกจากแม่ต้องดูแลตัวเองอย่างดีทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว คุณพ่อก็ควรเป็นกำลังใจและคอยช่วยเหลือดูแลคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นทาครีมให้ เปิดเพลง อ่านหนังสือให้ฟัง ซึ่งถ้าแม่มีสุขภาพจิตดี ก็จะส่งผลไปสู่ลูกในท้องให้เป็นเด็กที่มีจิตใจดี อีคิวดี"
อีกอย่างที่ พญ.สิรนาถเน้นมากสำหรับว่าที่คุณพ่อคุณแม่เมื่อคลอดลูกออกมาแล้ว ว่า ควรให้ลูกกินนมแม่อย่างน้อย 8 เดือน เพราะนมแม่มีประโยชน์ช่วยให้ลูกได้สารอาหารครบถ้วน มีภูมิต้านทาน และนอกจากเป็นประโยชน์ต่อลูกแล้ว การให้ลูกกินนมแม่ ทำให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วขึ้น ผอมเร็ว เพราะไขมันในร่างกายเอามาทำเป็นน้ำนมให้ลูกกิน และยังเป็นการคุมกำเนิดไปในตัว เพราะฮอร์โมนออกซิโตซินไปหยุดการตกไข่ ทำให้ไม่มีประจำเดือน และยังลดการเกิดโรคมะเร็งเต้านมอีกด้วย
เป็นคำแนะนำที่มีประโยชน์มากจริงๆ
สนับสนุนเนื้อหา
