สุขก็เพราะรัก เศร้าก็เพราะรัก โดยท่าน ว. วชิรเมธี
เชื่อว่า หัวใจหลายดวงที่กำลังบอบช้ำจากคำว่า “รัก” หรือกำลังมองหารักแท้อยู่ คงสะดุดกับบทความชิ้นนี้ เพื่อค้นหาคำตอบของความรักให้กับตัวเอง ความรักของแต่ละคนก็ล้วนมีนิยามที่แตกต่างกันไป แต่แท้จริงแล้วความรักนั้นให้อะไรแก่เรา ...ความสุขหรือความทุกข์
“ความรัก” นับเป็นต้นธารของความทุกข์ แต่ขณะเดียวกัน ก็เป็นสายธารของความสุข วันนี้เราอาจทุกข์เพราะรัก แต่วันข้างหน้าเราอาจจะสุขเพราะมันก็ได้เช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เคยถามตัวเองไหมว่า ทำไมเมื่อมีความรักแล้ว หลายครั้งเราจึงทุกข์
หลักธรรมในพระพุทธศาสนานั้นมีมากมายและครอบคลุมทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการดับทุกข์และการอยู่อย่างมีความสุข เมื่อเนื้อหาของพุทธธรรมครอบคลุมกว้างขวางถึงเพียงนี้ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เรื่อง "ความรัก" พระพุทธองค์ก็ตรัสสอนเอาไว้ด้วยเช่นกัน ท่าน ว. วชิรเมธี ได้แสดงทัศนะไว้ว่า ในทางพระพุทธศาสนา ได้จัดความรักไว้ 4 ระดับด้วยกัน นั่นคือ
1. รักตัวกลัวตาย เป็นความรักขั้นพื้นฐานที่สุดของคนและสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ที่ล้วนแล้วแต่มีความรักขั้นพื้นฐานคือรักตัวกลัวตาย ความรักอย่างนี้ เป็นความรักอิงสัญชาติญาณการดำรงชีวิตรอด
2. รักใคร่ปรารถนา เป็นความรักในเชิงชู้สาว ความรักประเภทนี้ที่ก่อให้เกิดทุกข์มากมาย
3. รักเมตตาอารี ความรักอิงความผูกพันทางสายเลือด นามสกุล ศาสนา ชาติพันธุ์ ชนชั้นวรรณะ ภาษาและวัฒนธรรม แม้จะเป็นความรักที่มีรากฐานอยู่บนพื้นฐานของความเมตตา แต่ก็ยังมีข้อจำกัดว่าเลือกรัก เลือกเมตตาเฉพาะเผ่าพันธุ์พงศสคณาญาติของตน
4. รักมีแต่ให้ ความรักชนิดนี้เป็นความรักแท้ เปิดเผย บริสุทธิ์ จริงใจ โดยไม่เรียกร้องการตอบแทน เปรียบเสมือนแสงเดือนแสงตะวันที่สาดโลมผืนโลกโดยไม่เคยเรียกร้องสิ่งตอบแทน เปรียบเสมือนสายฝนและดงดอกไม้ที่ชโลมผืนโลก ให้ความชุ่มชื่นเย็น งดงาม และไม่ต้องการให้ใครมองเห็นคุโณปการของตัวเอง เป็นดอกไม้ก็ส่งกลิ่นหอม แล้วร่วงโรยไปตามวันเวลาอย่างสงบเงียบ ไม่ปรารถนาจะเป็นที่ปรากฎอะไร
ความทุกข์ที่เกิดจากความรักนั้น ตัดทำลายได้ยาก แต่ถึงกระนั้น เราก็สามารถทำให้ความทุกข์ที่เกิดจากความรักนั้น ปรับเปลี่ยนเป็นความสุขได้...หากรู้จักแปรเปลี่ยนจากรักธรรมดาไปสู่รักที่มากกว่ารัก หรือ รักแท้ที่มีแต่ให้ เช่นนั้นแล้ว เราก็จะสัมผัสได้ถึงความรักอย่างแท้จริง
ติดตามคอลัมน์อื่นๆ เพิ่มเติม ดาวน์โหลดนิตยสารในเครือจีเอ็มได้แล้วที่