กะเทาะเปลือก นางเปลือย ศิลปะ ไม่ อนาจาร!

กะเทาะเปลือก นางเปลือย ศิลปะ ไม่ อนาจาร!

กะเทาะเปลือก นางเปลือย ศิลปะ ไม่ อนาจาร!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โดย อรพรรณ จันทรวงศ์ไพศาล

โด่งดังขึ้นมาทันที หลังจากที่ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง "นางเปลือย" ถูกเผยแพร่ จากผลงานของนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ผ่านภาพยนตร์สารคดีเรื่องสั้น "นางเปลือย" เผยเรื่องราวชีวิตของนางแบบนู้ด ผู้ถ่ายทอดศิลปะผ่านเรือนร่าง ที่น้อยคนนักจะล่วงรู้ถึงเบื้องหลังการทำงาน

ศิลปะกับอนาจาร เส้นกั้นบางๆ ที่ถูกยึดโยงไป-มาจนยากจะแบ่งแยกชัดเจนในสังคมไทย

แต่ดารานำ ซึ่งเสมือนคนเดินเรื่องในภาพยนตร์เรื่องนี้ ชัดเจนในความคิดของตัวเอง

"อนัตตา ใสสอาด" หรือ "อีฟ" นางเปลือยวัย 23 ปี คือคนที่กำลังพูดถึง

เธอมองว่าต่างไปว่า ศิลปะและอนาจาร ไม่มีเส้นกั้นบางๆ ขีดไว้ ทั้งสองสิ่งถูกแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน เป็นวงกลมสองวงที่ไม่สามารถบรรจบกันได้ สิ่งที่พิสูจน์คือผลงานที่ออกมา ภาพทุกภาพสะท้อนถึงตัวตน จิตวิญญาณ และแนวคิด ของผู้สร้าง

เกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2534 เส้นทางชีวิตของเธอก่อนจะมาเป็นนางเปลือยผู้นำเสนอผลงานอีกด้านของศิลปะบนสรีระ เป็นเพียงเด็กต่างจังหวัดธรรมดาทั่วไป

"ครั้งแรกที่ได้เห็นงานนู้ดคือรูปจากปฏิทินเบียร์ แต่โชคดีที่วันนั้นเห็นปฏิทินเบียร์ภาพผู้หญิงเปลือยที่ไม่โป๊มาก ไม่หวือหวา ทำให้เข้าใจมาตลอดว่านั่นคือภาพนู้ด"

การเห็นภาพนู้ดบนปฏิทินเบียร์ครั้งนั้นไม่ได้ทำให้เกิดสนใจหรือศึกษาเรื่องการถ่ายภาพนู้ดหรืองานศิลปะแต่อย่างใดจนกระทั่งได้เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ

มหานครที่เต็มไปด้วยความหลากหลายนี่เอง ทำให้เธอได้เปิดหูเปิดตากับงานศิลปะ

ยิ่งในโลกที่การสื่อสารไร้พรมแดน อินเตอร์เน็ตคือคลังความรู้ที่ทำให้เธอได้เข้าสู่โลกศิลปะ ด้วยการค้นหาข้อมูล ติดตามผลงานของช่างภาพนู้ดต่างๆ ที่เป็นงานศิลปะ

ก่อนตัดสินใจ เริ่มก้าวสู่วงการนู้ดครั้งแรกด้วยวัยเพียง 21 ปี

ด้วยความคิดง่ายๆ "ต้องการที่จะบันทึกภาพตัวเองในแบบนู้ดอาร์ตไว้ดูเล่น"

อนัตตาบอกว่า พอได้เข้ามาเรียนรู้ ศึกษาจากผลงานของช่างภาพต่างๆ อยากจะลองถ่ายภาพนู้ดดูเล่นๆ เพราะตอนนั้นคิดว่าร่างกายเราไม่ได้อยู่แบบนี้ตลอดไป ต้องมีแก่ลง มีเสื่อมลง แล้วเราก็อยากเก็บภาพตัวเองในวัยนี้ไว้ ก็เลยตัดสินใจถ่ายนู้ด

"ตอนนั้นเรามีคอนเซ็ปต์อยู่ในใจที่อยากจะแก้ผ้าดูป่าเลย เขียนไปคุยกับช่างภาพ ซึ่งเขาก็โอเค เป็นการถ่ายภาพนู้ดครั้งแรก ตอนแรกคิดไว้ว่าจะถ่ายรูปเก็บไว้ดูเล่นเฉยๆ ไม่คิดว่าภาพจะออกมาดี คิดว่าคงออกมาไม่ต่างกับปฏิทินแบบนั้น แต่พอได้เห็นภาพแล้วก็รู้สึกว่าภาพไม่ได้โป๊ ดูต่างจากปฏิทินนู้ดที่เราเห็นครั้งแรกเมื่อตอนเป็นเด็กมาก"

พอใจกับการถ่ายภาพครั้งแรก จนเก็บไว้ชมคนเดียวไม่ได้

เธอโพสต์รูปลงเฟซบุ๊ก รูปเหล่านั้นลงทั้งชุด หลังจากนั้นก็ได้ถ่ายนู้ดอาร์ตอีกเรื่อยๆ

เข้าสู่การเป็นนางแบบนู้ดเต็มตัว

จนกลายเป็นชีวิตน่าสนใจที่ นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร สนใจและต้องการนำเสนอผ่านหนังสารคดี

"คือ "นางเปลือย" ผู้อุทิศตัวเพื่องานศิลปะ"

วงการศิลปะ การถ่ายภาพนู้ดในปัจจุบันเป็นอย่างไร?

จะมีผู้ที่สนใจงานถ่ายนู้ดกลุ่มหนึ่ง ที่เราเรียกว่าครอบครัว ขณะที่มีคนสนใจเข้ามาเป็นรอบๆ จะเรียกเราว่าคนในวงการ ซึ่งวงการนู้ดมีทั้งคนเข้าคนออก มาเร็วไปเร็ว เพราะว่าเขาหลงไปถ่ายนู้ดแบบอื่น ซึ่งการถ่ายอะไรแบบนั้นบ่อยจะทำให้ช้ำ ในขณะเดียวกัน เรามาถ่ายภาพแบบนี้แบบที่คนเขาบอกว่าดูไม่รู้เรื่อง แต่สวยอยู่ได้นาน เพราะว่าดูแล้วไม่เบื่อ

ส่วนใหญ่รูปที่ถ่ายจะเป็นนู้ดแบบแสงเงา ซึ่งจะเน้นสรีระ ส่วนโค้งเว้า เป็นการใช้ภาพเล่าเรื่องไปตามช่างภาพ ว่าเขาอยากสื่ออะไร เราจะไปเป็นวัตถุดิบให้ ตามภาพในจินตนาการของเขา ซึ่งก่อนจะรับงานก็คุยกับช่างภาพว่าคุณจะทำอะไร คุณต้องการอะไร ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องเงินซึ่งเป็นเรื่องสุดท้ายที่จะพูดถึง

หลายคนอาจจะคิดว่าการถ่ายนู้ดรายได้ดี แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ถ้ารู้ตัวเลขอาจจะตกใจว่าน้อยขนาดนี้เลยเหรอ (หัวเราะ) บางงานก็ถ่ายให้ฟรี เป็นผลงาน เป็นภาพเก็บ หรือบางครั้งเป็นการถ่ายภาพเพื่อการศึกษา เช่น สารคดีหนังสั้นเรื่อง "นางเปลือย" ก็ไม่ได้คิดเงินเลย

เร็วไปไหมกับการเริ่มถ่ายนู้ดตั้งแต่อายุยังน้อย?

ต้องยอมรับว่าเราเริ่มตอนอายุน้อยมาก สำหรับตัวเองนะ แต่การตัดสินใจไม่ยากเลย เพราะเราแค่รู้สึกว่าอยากจะมีภาพเหล่านี้เก็บไว้ มันถูกจริตถูกใจเรา ไม่ได้โป๊ และไม่ได้ทำร้ายตัวเอง ผู้หญิงแก้ผ้า คนส่วนใหญ่เขาก็จะมองว่าไม่รักตัวเอง ไม่สงสารพ่อแม่เหรอที่ทำอะไรแบบนี้ ในเมื่อเขาว่าเป็นแบบนี้แล้ว ก็เลือกถ่ายนู้ดที่ไม่ทำร้ายตัวเอง ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อน บอกกับทีมสารคดีว่าไม่จำเป็นต้องเซ็นเซอร์หน้า เพราะว่าไม่ได้ทำอะไรผิด

ในตอนที่ถ่ายรูป ไม่ได้รู้สึกกลัวหรือลังเลเลย เพราะเป็นสิ่งที่อยากทำเอง ถ้าถามว่าเขินอายไหม? ไม่เขินอายเลย ตอนนั้น เมื่อได้ถอดเสื้อผ้าออกไปแล้วมีแต่ความรู้สึกอยากทำงานๆ อยากทำให้ดีที่สุด อยากเห็นผลงานเร็วๆ ซึ่งงานที่ออกมาก็ประทับใจมาก

ครอบครัวว่าอย่างไงบ้าง ?

ครอบครัวโดยเฉพาะคุณแม่ เป็นห่วงและกังวลนะที่ไปทำงานแบบนั้น ไม่มีครอบครัวที่ไหนหรอกที่ภูมิใจ ดีใจ และผลักดันลูกให้ไปถ่ายนู้ด ครั้งแรกที่แม่รู้ แม่ไม่พูดด้วยเลย ก็เลยต้องทำให้แม่ไว้ใจ มีการปรับความเข้าใจกันว่ากำลังทำอะไรอยู่ รูปภาพจะออกมาแบบไหน เหมือนให้เเม่ซึมซับว่าไม่ได้ทำตัวนอกลู่นอกทาง และไม่ได้เป็นเหมือนที่คนส่วนใหญ่คิด พอแม่เห็นแล้วก็สบายใจ แล้วก็ไม่คิดอะไร ซึ่งกว่าจะจูนหากันก็ค่อนข้างใช้ระยะเวลานาน

ทุกวันนี้แม่ก็ไม่ได้สนับสนุนนะ แต่เคารพการตัดสินใจ ไม่ได้ห้าม ก็ยังคงเป็นห่วงตลอดเวลา เวลาใครมาถาม แม่ก็จะบอกว่าอย่าพูดถึงตัวบุคคลเลยให้ดูที่ผลงาน

ส่วนแฟนเป็นนอกวงการนู้ดค่ะ ค่อนข้างโชคดีที่เขาเข้าใจงานของเรา เข้าใจศิลปะ ตลอดการทำงานเขาก็ดูรูป มีออกความเห็นว่าสวยบ้างอะไรบ้าง ไม่มีอาการหึงหวงเลย ไม่เคยบอกให้เลิกถ่ายนู้ดด้วย ถ้าอนาคตมีลูกก็จะให้ลูกดูรูป จะให้ดูไปถึงรุ่นหลาน เหลน เลยก็ได้ แต่ถ้าตัวเขาอยากจะถ่ายรูปนู้ดแบบเราบ้าง จะไม่สนับสนุนและไม่ห้าม เราเคารพการตัดสินใจของเขา อยากให้เขาเดินเอง เรียนรู้เอง

คิดจะถ่ายรูปแฟชั่นทั่วไปหรือไม่?

รูปแฟชั่น รูปธรรมดาทั่วไป จะไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไร เพราะภาพแบบนั้นต้องการความประทับใจ ซึ่งตัวเองก็ไม่ใช่คนสวย หน้าตาก็ไม่มีอะไรที่ดูดีเป็นพิเศษ และถ้าให้มาทำแอ๊บทำสวยจะรู้สึกไม่มั่นใจ แล้วความไม่มั่นใจนี้เมื่อถูกบันทึกลงในภาพ คนดูจะรู้

แต่กลับกัน การถ่ายนู้ด ผู้หญิงแก้ผ้า มีอะไรให้ดูมากกว่าหน้าตา แล้วเราทำให้ตัวให้กลมกลืนกับธรรมชาติ กลมกลืนกับบริบทในภาพนั้นๆ ทำให้ความรู้สึกที่เป็นอารมณ์หายไปเอง มันเป็นความอัศจรรย์อย่างหนึ่งของงานนู้ด

ดังนั้น เวลาถ่ายรูปนู้ดจะรู้สึกมีความมั่นใจ ธรรมชาติให้มาดีที่สุดอยู่แล้ว แม้ว่าคุณจะสูง เตี้ย อ้วน ดำ ต่ำ ผอม คุณมีความงามอยู่ในตัวเอง การถ่ายทอดก็ออกมาจากตัวของคุณเอง เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้าง ซึ่งเป็นศิลปะอยู่แล้ว ไม่มีผิดไม่มีถูก ไม่เคยมีใครพูดว่านางแบบนู้ดต้องนมใหญ่ ต้องตูดงอน

มีวิธีดูแลร่างกายอย่างไรบ้าง?

ไม่มีเลย (หัวเราะ) ไม่ทาครีมนะ ไม่ใช่ผู้หญิงห่วงสวย ลุยก็ลุยเลย เป็นแผลก็ช่างมัน เพราะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองได้มาทุกอย่างเป็นธรรมชาติ รอยแผล รอยช้ำต่างๆ เป็นแค่เปลือก ถ้าช่างภาพไม่ชอบก็รีทัชออกไปได้ ส่วนรูปร่างไม่ได้ดูแลเป็นพิเศษ หุ่นนี่ไม่กลัวค่ะ เพราะว่างานนู้ด มีทั้งคนอ้วน คนผอม คนที่มีรูปร่างแปลกๆ ความสวยงามไม่ได้มีแค่หน้าอกกับก้นอย่างเดียว

ทัศนคติของสังคมไทยที่มีต่อการถ่ายนู้ด?

สื่อศิลปะขึ้นอยู่กับศิลปินคนสร้าง ว่าเขาอยากถ่ายทอดอะไร ส่วนคนจะตัดสินใจเสพหรือไม่เสพอยู่ที่คนดู คนดูจะด่าหรือไม่ด่าอยู่ที่ความรู้ที่เขามี ซึ่งการศึกษาของประเทศไทยไม่ได้สอนเรื่องศิลปะแบบจริงจังให้กับเราเลย พอโตมามีการสร้างความคิดว่าการแก้ผ้าเป็นเรื่องผิด นู้ดมันโป๊ เปลือย อนาจาร ทั้งๆ ที่มีความงามอยู่ในตัวเอง

สำหรับคนที่เขาไม่เปิดใจ เพราะว่าเขาไม่มีความรู้ด้านนี้ เขายังยึดติดกับสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งเราไม่ได้จะแตกหักกับสังคมวัฒนธรรม แต่ศิลปะคือการสร้างสรรค์ให้เกิดสิ่งที่มีผลต่อจิตใจ จรรโลงจิตใจของเรา ถ้าเป็นศิลปะด้านลบ อย่างบางคนเขาไปถ่ายงานแรง งานที่เกินความเป็นพาณิชย์ศิลป์ แต่เขาอ้างว่านั่นคืองานศิลปะแต่พอดูภาพแล้วเกิดอารมณ์หื่น รู้สึกแย่ รู้สึกเสื่อม แบบนี้ก็ไม่ถูก

ผลตอบรับจากการถ่ายนู้ดเป็นอย่างไรบ้าง?

ช่วงที่ถ่ายแรกๆ เคยมีคนทักประมาณว่า "เห็นรูปแล้วน่ารักมาก เราดูดีนะเราสวย พี่ชอบ" แต่ก็ทักไม่มาก จนกระทั่งสารคดีนางเปลือยถูกเผยแพร่ออกไป มีเสียงตอบรับมาทางอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเข้ามาทางเฟซบุ๊ก

ถ้าเปรียบเทียบผลตอบรับในทางบวกกับลบ ก็ประมาณ 70 ต่อ 30 คนเข้ามาชมมากกว่า ว่า ผมเข้าใจศิลปะมากขึ้น ฉันชอบคุณ งานคุณสวยมาก มันก็ทำให้ฉันมั่นใจ แต่ที่เข้ามาโจมตีเลยส่วนใหญ่เขาจะพาดพิงถึงอาจารย์ที่ปรึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ว่าปล่อยให้นิสิตทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ไง หรือมาพาดพิงถึงตัว ถึงครอบครัว รวมถึงต่อว่าเรื่องการเงิน เรื่องการเรียนอะไรแบบนี้ เป็นต้น

แต่ไม่ได้สนใจในตรงนั้น คำที่เขาด่ามา คนที่เขาด่ามาคือเราอยากให้เขาสนใจที่งานของเรา สนใจที่ผลงานรูปภาพมากกว่ามาสนใจที่ว่าเธอมาทำอะไร เธอเป็นใครทำไมถึงมาทำแบบนี้ เพราะนี่ไม่ใช่จุดประสงค์หลักที่ทำ อีฟไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เรามีรูปภาพที่เขาบอกว่ามันบ้าๆ บอๆ แบบนี้ไว้เป็นกรณีศึกษา ไว้เป็นแรงบันดาลใจ เป็นไอเดียให้กับศิลปินใหม่ๆ ที่ต้องการสร้างผลงาน

เคยโดนด่าจนรู้สึกท้อบ้างไหม?

เคยค่ะ ที่หนักๆ เลยคือรู้สึกว่าทำไมถึงถูกด่า ทำไมต้องโจมตีแต่ผู้หญิง ก็เคยคิดเปรียบเทียบว่า ทำงานแบบนี้ งานที่จรรโลงใจ ทำไมกลับอยู่บนดินไม่ได้ ต้องอยู่ใต้ดิน ในขณะเดียวกัน ภาพโจ๋งครึ่มอนาจารกลับเป็นที่นิยมเสพและขายได้ และถูกเหมารวมว่านู้ด ทั้งๆ ที่สิ่งที่เราทำมันแตกต่าง อนาจารกับศิลปะแตกต่างกันชัดเจน มันไม่เคยมีเส้นบางๆ กั้น มันเป็นวงกลมที่ไม่เคยซ้อนทับกันเลย แต่ด้วยความรู้ที่คนไทยมีทำให้ถูกเหมารวมกันว่าเหมือน ทำให้มองภาพนู้ดว่าเป็นอนาจารด้วย

ก็เลยอุทิศตัวเพื่อพิสูจน์งาน เพื่อบอกว่าฉันทำงานศิลปะ ไม่ได้ทำงานอนาจาร

ท้อแต่ไม่ล้ม เพราะถ้าล้มแล้วใครจะอยู่พิสูจน์ต่อไป ได้แต่ทำงานกันอยู่เงียบๆ ในขณะที่งานอีกกลุ่มเติบโตกันไปเรื่อยๆ ทำให้คนใหม่ที่อยากถ่ายนู้ดจริงๆ ต้องถ่ายแต่รูปแบบนั้นไป แล้วเข้าใจว่าคือศิลปะ ทั้งที่ไม่ใช่

ปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้ลำบากใจมากที่สุด?

สำหรับเรา การถ่ายรูปนู้ดไม่ยาก ที่ยากคือเรากล้าทำไหม เราทำได้หรือเปล่า ส่วนขั้นตอนการถ่าย สิ่งที่ยากที่สุดเลยก็คือ การวางตัว การจัดท่าทาง และเรื่องของมีอาการบาดเจ็บจากบาดแผลต่างๆ

ที่เหลือก็เป็นปัจจัยภายนอก เช่น ชาวบ้าน เพราะเทคโนโลยีมีมือถือที่สามารถบันทึกภาพได้ เราไม่รู้ว่าภาพที่ออกไปเขาเห็นเราในลักษณะไหน ซึ่งในกระบวนการทำงานของเรา เราเดินแก้ผ้าอยู่และจัดคอมโพสอยู่ จะมีสต๊าฟมาจัดท่าทางให้เขาอาจจะมองว่าถ่ายหนังกันลวนลามกันก็ได้ เพราะว่าชาวบ้านเขาไม่ได้มายืนจุดเดียวกับเรา ไม่ได้มารู้กระบวนการทำงานของเรา แล้วถ้าเขาเอารูปไปเผยแพร่ เราอาจถูกมองไม่ดี งานนี้อาจจะถูกโจมตี ถูกมองเสียหายได้

อีกปัจจัยคือเรื่องตำรวจ กลัวถูกจับ เพราะกฎหมายไทยยังมีมาตรา 388 กระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล ระบุว่า ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลโดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

เมื่อทำงานคิดนอกกรอบแบบนี้ ควรรู้ว่าอะไรคือขอบเขต แต่ถ้าคนที่ไม่เคยออกนอกกรอบ เขาจะไม่รู้เลยว่าอะไรคือขอบเขต และเราไม่ได้แก้ผ้าทุกที่ เราเคารพสถานที่ ในวัดในวาไม่ทำ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ทำ แต่ตำรวจยังไม่เข้าใจ

คิดอย่างไรกับคำว่านู้ดเป็นสาเหตุของคดีข่มขืน?

การข่มขืนเกิดจากจิตสำนึกของคน ซึ่งคนเรามีอารมณ์ได้ เห็นภาพแล้วหื่นหรือคิดถึงว่าคนนั้นสวยแล้วมีอารมณ์ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามคุณไม่มีสิทธิไปข่มขืนใคร ส่วนเขาเห็นรูปนู้ดแล้วเขาหื่นด้วยตัวเขาเอง มันเป็นความสุขของเขา ไม่ใช่ความผิดของเรา

มองอนาคตตัวเองอย่างไร?

อาชีพนี้คงยึดเป็นงานอดิเรกค่ะ เพราะเราไม่ได้คงสภาพผู้หญิงอายุ 20 ปี ได้ตลอดไป ก็ยังอยากทำงานที่มีเงินเดือนมั่นคง เพราะการถ่ายรูปไม่ได้มีรายได้เข้ามาทุกวัน แต่ก็จะทำไปจนแก่ จนกว่าจะตาย ตั้งใจว่าสักวันจะผันตัวเองอยู่หลังกล้องด้วย

การถ่ายนู้ดเหมือนได้เก็บรูปภาพของตัวเองตามสเต็ปชีวิต ตายไปเราไม่สามารถเอาร่างกายไปได้ มันเป็นแค่เปลือก แต่ได้ทิ้งเปลือกให้คนทั้งโลกดู ให้คนรุ่นหลังได้ดู

คิดว่าการถ่ายนู้ดจะมีผลกระทบต่อไปในอนาคตไหม?

ไม่เลยค่ะ ไม่คิดว่าจะมีผลอะไร หรืออย่างคุณแม่ห่วงว่าจะมีผลเกี่ยวกับการทำงานในองค์กรอะไรหรือเปล่า แต่ตัวเองคิดว่าไม่เกี่ยวกัน ถ่ายนู้ดเป็นงานอดิเรก เป็นอาชีพสุจริต ไม่ได้หากินบนชื่อเสียงขององค์กร

หากอนาคตเป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น?

ดีใจนะ หากได้เป็นคนปูทางให้คนรุ่นหลังได้ทำงานสบายขึ้น เพราะวันนี้งานยังไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม ที่ผ่านมาคนที่ไม่รู้ก็โจมตีตลอด ด่ากลุ่มที่ทำงานวงการนี้ตลอด แต่เขาว่าอะไร ก็อย่าเป็นอย่างนั้น ให้เอาสิ่งเหล่านั้นมาปรับปรุงเพื่อให้งานออกมาดี เป็นที่ยอมรับ อาจจะต้องใช้เวลา ไม่ใช่วันนี้ พรุ่งนี้ ปีหน้าหรือสิบปี อาจจะเป็น 50 ปี หรือ 100 ปีก็ได้

"แต่เชื่อว่าสักวันสิ่งเหล่านี้จะเป็นกรณีศึกษาให้กับศิลปินใหม่ๆ แน่นอน"

ขอบคุณภาพประกอบ : Facebook Eva Anutta

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ กะเทาะเปลือก นางเปลือย ศิลปะ ไม่ อนาจาร!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook