ธัญ (THANN) แนะวิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์

ธัญ (THANN) แนะวิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์

ธัญ (THANN) แนะวิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ช่วงซัมเมอร์” ฤดูกาลแห่งการท่องเที่ยวที่หลายคนต่างเตรียมตัวออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อพักผ่อน และสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อมถ่ายรูปอวดผิวสวยลงโซเชียล แต่ก็อาจมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาผิวคล้ำเสียจากแสงแดด กระ ฝ้า ริ้วรอย รวมถึงผิวแก่ก่อนวัย (Photoaging) ‘ธัญ’ (THANN) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิว และเส้นผมร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงสุรีย์รัตน์ ศรีตั้งรัตนกุล แนะ “วิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับกิจกรรมในแต่ละไลฟ์สไตล์” กับผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสียูวี อาทิ Oil-Free Facial Sunscreen SPF30 PA+++ และ Very Water Resistant Facial Sunscreen SPF50 PA++++ เพื่อเสริมความมั่นใจให้คุณได้สนุกกับทุกกิจกรรมกลางแจ้งโดยไม่ต้องห่วงเรื่องผิวเสีย พร้อมเชิญเหล่าเซเลบริตี้ผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง อาทิ คุณปาวา นาคาศัย, คุณพิมพ์พยัพ ศรีกาญจนา และคุณจรสพรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา ร่วมเผยเคล็ดลับการดูแลผิวและเกณฑ์การเลือกผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดที่เหมาะกับกิจกรรมที่ชื่นชอบ

แพทย์หญิงสุรีย์รัตน์ ศรีตั้งรัตนกุล แนะวิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับกิจกรรมในแต่ละไลฟ์สไตล์ “เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนก็มักพบปัญหาผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดและรังสียูวี  โดยค่าดัชนีความเข้มข้นของรังสีอัลตราไวโอเลต (UV Index) ของประเทศไทยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 11 – 12 เกือบทั้งปี เป็นระดับความรุนแรงที่สูงมาก ซึ่งช่วงเวลาที่ค่า UV Index รุนแรงที่สุด คือช่วงเวลา 10.00 - 15.00 น. ยิ่งผิวสัมผัสกับแสงแดดนานเท่าไหร่ ย่อมส่งผลกระทบต่อผิวของเรา โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้น ทำให้ผิวไหม้แดด เกิดอาการแดง แสบ ร้อนผิว เกิดอาการแพ้แสง (Photo allergic) ส่วนในระยะยาวจะทำให้ผิวแก่ก่อนวัย (Premature aging และ Photo aging) ผิวเกิดความเหี่ยวย่น เนื่องจากคอลลาเจนใต้ชั้นผิวถูกทำลาย รวมถึงการเกิดริ้วรอย กระ ฝ้า และอาจลุกลามเป็นโรคผิวหนังได้ หากจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ควรทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่เหมาะสมกับแต่ละสภาพผิว รวมถึงเหมาะกับกิจกรรมที่ต้องทำด้วย

แสงแดดประกอบด้วยรังสีต่างๆ หลายชนิด ได้แก่ รังสีอินฟราเรด (Infrared light) แสงที่มองเห็นได้ (Visible light) และรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet light; UV) ซึ่งเป็นรังสีที่เป็นตัวการทำร้ายผิวของเราสามารถแบ่งได้ 3 ช่วง คือ

  • UVA1 ความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 340 -400 นาโนเมตร (75% ของรังสียูวีในแสงแดด) และทำร้ายผิวได้ลึกที่สุด ทำให้เกิดผิวคล้ำในระยะ Immediate tan ผิวจะคล้ำทันทีตั้งแต่ถูกแสงแดดจนถึง 8 ชั่วโมงจึงจะเริ่มจาง
  • UVA2 ความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 320 -340 นาโนเมตร (20% ของรังสียูวีในแสงแดด) ทำให้เกิดผิวคล้ำในระยะ Persistent tan ผิวจะคล้ำทันทีจนถึง 8-24 ชั่วโมงจึงจะเริ่มจาง และส่งผลต่อการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
  • UVB ความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 280-320 นาโนเมตร (5% ของรังสียูวีในแสงแดด) ทำให้เกิดผิวคล้ำในระยะ Delay tan โดยผิวจะคล้ำทันทีจนถึง 24-72 ชั่วโมงจึงจะเริ่มจาง ทำให้เกิดอาการผิวไหม้แดด เป็นสาเหตุหลักนำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนัง

ปัจจุบันได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวแสงแดดหลากหลายชนิดเพื่อให้เลือกใช้ได้ถูกต้องตามประเภทผิว หรือเลือกใช้ให้ตรงตามประเภทกิจกรรม เพราะมีประสิทธิภาพในการป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และUVB ซึ่งผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่

  • Physical Sunscreen สารกันแดดที่ทำหน้าที่เสมือนกระจกเงาสะท้อนหรือหักเหรังสี UV ออกไปจากผิว สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA1, UVA2 และ UVB ได้ สารในกลุ่มนี้มีอยู่สองตัวคือ Titanium Dioxide และ Zinc Oxide แต่อาจทำให้ผิวหน้าจะขาวเกินไป เหนียว เกลี่ยยากและไม่กันน้ำ หลุดลอกง่าย จึงต้องทาซ้ำบ่อยๆ
  • Chemical Sunscreen สารกันแดดที่ทำหน้าที่ดูดซับรังสี UV ไม่ให้ทะลุผ่านลงไปยังชั้นผิวหนัง สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ทุกตัว แต่ความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVA1, UVA2 แตกต่างกันไป เนื้อบางเบาเกลี่ยง่าย แต่มีโอกาสทำให้แพ้หรือระคายเคืองได้มากกว่า อาจก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน และเกิดสิวได้ง่าย
  • Hybrid Sunscreen สารกันแดดแบบผสมที่มีคุณสมบัติทั้งสะท้อนและดูดซับรังสีในตัวเอง พัฒนามาเพื่อลดข้อด้อยของสารกันแดดทั้ง 2 แบบข้างต้น สามารถทาแล้วออกแดดได้ทันทีไม่ต้องรอ ปกป้องผิวจากรังสี UVA1, UVA2 และ UVB ได้ เนื้อเกลี่ยง่าย ไม่เหนียว ไม่ทำให้หน้าขาว

เราสามารถพิจารณาปัจจัยหลักในการปกป้องผิวจากรังสียูวีแต่ละประเภทได้จากค่า SPF (Sun Protection Factor) คือ ค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVB เป็นค่าระยะเวลาที่ผิวสามารถทนต่อแสงแดดได้โดยที่ผิวเราไม่ไหม้ (Sunburn) คำนวณจากระยะเวลาที่ผิวทนต่อแสงแดดได้คูณกับค่าของ SPF ตัวอย่างเช่น คนเอเชียผิวขาวทั่วๆ ไปสามารถโดนแสงแดด 20 นาทีก่อนที่ผิวจะเริ่มอักเสบแสบแดง การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF30 จะช่วยให้ผิวเราจะสามารถทนต่อแสงแดดได้นานขึ้นคิดเป็น 20 นาที x ค่า SPF30 = 600 นาที หรือ 10 ชั่วโมง

  • ค่า SPF 15 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 93.3% เหมาะสำหรับผู้ที่ทำกิจกรรมภายในอาคาร ตึก หรือบ้าน แต่ไม่มีการโดนแสงแดดเลย สำหรับผู้ที่มีผิวสองสี หรือผิวสีน้ำผึ้ง ค่า SPF ในระดับนี้ หากอยู่กลางแสงแดดนานเกินไปอาจก่อให้เกิดอาการผิวแดงเล็กน้อย
  • ค่า SPF 30 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 96.7% เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งที่มีเงาร่มและอากาศที่ไม่ร้อน
  • SPF 50 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 98% เหมาะสำหรับกิจกรรมที่อยู่กลางแจ้ง หรือสถานที่แสงแดดแรงจัด เช่น ทะเล ภูเขา

ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญ คือ ค่า PA (Protection grade of UVA) บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องรังสี UVA เป็นค่าที่สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องสำอางประเทศญี่ปุ่น (Japan Cosmetic Industry Association, JCIA) กำหนดขึ้นเพื่อแสดงถึงความสามารถในการป้องกันอาการดำคล้ำของผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสรังสี UVA โดยใช้เครื่องหมายบวก (+) ในการแสดงระดับของประสิทธิภาพ ปัจจุบันค่า PA++++ ถือว่าเป็นค่าที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้มากกว่า 16 เท่า

ส่วนเกณฑ์การเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดให้เหมาะกับสภาพผิว ผิวมันหรือเป็นสิวง่าย ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบาอ่อนโยน เช่น โลชั่นหรือเจล และควรเลือกเป็นสูตร Oil-free ส่วนผิวแห้ง ควรเลือกใช้แบบชนิดของเนื้อครีม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว แต่หากผิวแพ้ง่าย ก็ควรเลี่ยงครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารกันเสีย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้ครีมกันแดดให้เหมาะกับแต่ละกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันได้ อย่างวันที่อยู่บ้าน ทำงานในออฟฟิศ หรือไม่ได้เผชิญกับแสงแดดจัด สามารถเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 และ PA+++ ก็เพียงพอแล้ว หากวันที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 และ PA++++ หากเป็นกิจกรรมกลางแจ้งที่มีเหงื่อออก หรือว่ายน้ำ ควรเลือกครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้เป็นอย่างดี (Very Water Resistant)

ครีมกันแดดทั่วไปๆ มักจะมีเพียงคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากแสงแดดเพียงอย่างเดียว ทำให้ต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่นควบคู่กัน แต่ในปัจจุบันนี้ครีมกันแดดได้มีบทบาทสำคัญในการดูแลผิวพรรณของเรามากขึ้นด้วยนำคุณสมบัติในการบำรุงผิวที่ได้จากสารสกัดธรรมชาติมาเป็นส่วนผสม อาทิ สารสกัดจากชิโซะ (Shiso extract) ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพของผิว อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin), สารสกัดอูกอน (Ougon extract) พืชทะเลทรายที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบ รวมถึงช่วยปรับสีผิวที่หมองคล้ำให้กลับแลดูสว่างอย่างเป็นธรรมชาติ (De-colorizing action) หรือสารสกัดจากชาขาว (White tea extract) ที่มีสารโพลีฟีนอล ช่วยยับยั้งกระบวนการที่ผิวทำปฎิกิริยากับออกซิเจน (Anti-oxidant) ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เป็นต้น           ส่วนวิธีการทาครีมกันแดดให้มีประสิทธิภาพนั้น ควรทาครีมกันแดดในปริมาณที่พอเหมาะ โดยเกลี่ยให้บริเวณของผิวที่ต้องสัมผัสกับแสงแดด หากเป็นบริเวณใบหน้า ควรใช้ครีมกันแดดประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ หรือปริมาณเท่าเหรียญ 10 บาท และควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง หากเป็นครีมกันแดดชนิดที่ไม่กันน้ำ ควรทาซ้ำ เมื่อเหงื่อออกมากหรือระหว่างทำกิจกรรม ควรทาให้ครอบคลุมพื้นที่บริเวณลำคอ ใบหู และบ่าด้วยค่ะ”

ธัญ’ (THANN) ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ผสานคุณค่าแห่งพืชพรรณจากแหล่งธรรมชาติชั้นดีทั่วโลก และเทคโนโลยีอันทันสมัย ตลอดระยะเวลา 21 ปีที่ผ่านมา THANN มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ธรรมชาติผสานเทคโนโลยีชั้นนำ ผ่านการทดสอบจากสถาบันวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่าง Spincontrol Asia Co.,Ltd. (France), Skinnova Lab Co.,Ltd. และ Dermscan Asia อาทิ Dermatological test, Irritation test และ Efficacy test เพื่อยืนยันในคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม 59 สาขา ใน 16 ประเทศ รวมถึงสปาอีก 19 แห่งใน 3 ทวีป ได้แก่ เอเชีย อเมริกา และยุโรป ขอแนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิวที่อุดมด้วยคุณประโยชน์ของสารสกัดธรรมชาติจาก “ชิโซะ” (Shiso) ที่มีจำหน่ายในร้านและเคาน์เตอร์ ‘ธัญ’ (THANN) กว่า 100 สาขาในทวีปเอเชีย อเมริกา และยุโรป

“ชิโซะ” (Shiso) พืชที่อุดมด้วยสารสำคัญอันมีประโยชน์ อาทิ เช่น โรสแมรินิค แอซิด (Rosemarinic Acid),แอล-เพอริลลาดีไฮด์ (L-Perilladehyde) และฟีนอล คอมพาวด์  (Phenol Compound) โดดเด่นในการให้ความชุ่มชื้น ปกป้องและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพ อีกทั้งยังเป็นสารแอนตี้ออกซิเดนท์ทรงประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการะคายเคือง ด้วยสัดส่วนของวิตามิน A (มากกว่าผลกีวีถึง 300 เท่า), วิตามิน C (มากกว่าผลเลมอนถึง 160 เท่า) และวิตามิน E สูง พร้อมวิตามิน B1, B2, B6, K, แร่ธาตุและโปรตีนหลากชนิด

สารสกัดจากชิโซะยังมีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) และด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของสารสกัดจากชิโซะนำมาผ่านกระบวนการสกัดด้วย “นาโนเทคโนโลยี” ปราศจากการใช้สารเคมีจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ได้อนุภาคขนาดนาโนเมตร (10-9) ทำให้ได้อนุภาคขนาดเล็กสามารถซึมเข้าสู่ชั้นหนังแท้ (Dermis) เกิดประสิทธิภาพการบำรุงอย่างล้ำลึก โดยผลิตภัณฑ์เหมาะสำหรับดูแลและปกป้องผิวจากแสงแดดและแสงยูวี ได้แก่ Oil–free facial sunscreen SPF 30 PA+++ ขนาด 40 ก.  ราคา 1,200 บาท ตอบโจทย์ปัญหาผิวในช่วงหน้าร้อนนี้ให้กับคุณ ด้วยสูตร Oil-free เนื้อครีมบางเบา (Emulsion Base) ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะและไม่ทิ้งคราบขาวไว้บนใบหน้า ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB พร้อมช่วยให้ผิวสว่างขึ้น 30% (lightening and depigmenting) ผิวมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น 8%* และริ้วรอยลดเลือนลง 5%* ด้วยส่วนผสมที่ให้คุณค่าการบำรุงจากธรรมชาติที่มีอนุภาคขนาดเล็กที่คัดสรรมาพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาผิวคล้ำเสียจากแสงแดดโดยเฉพาะ อาทิ Nano shiso extract, Ougon extract และ White tea extract

*ทดสอบโดยสถาบันผิวหนัง Dermscan Asia กับผู้หญิง อายุ 45 – 60 ปี จำนวน 22 คนหลังใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 42 วัน

Very water resistant facial sunscreen SPF50 PA++++ ขนาด 40g ราคา 1,400 บาท เสริมเกราะปกป้องผิวจากรังสี UVA1, UVA2 และ UVB ด้วยสูตร Broad spectrum พร้อมปกป้องผิวให้ห่างไกลจากปัญหาริ้วรอย และผิวคล้ำเสียจากแสงแดด ด้วยเนื้อครีมที่มอบสัมผัสแห้งสบาย ไม่มันวาว ไม่ทิ้งคราบขาวไว้บนใบหน้า ปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดีแม้ผิวเปียกน้ำ (Very Water Resistant) ยิ่งโดนน้ำ ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดด อุดมด้วยสารสกัดธรรมชาติที่มอบคุณค่าการบำรุงด้วยส่วนผสมธรรมชาตินานาชนิด อาทิ Nano shiso extract, Blackcurrant seed oil, Balloon vine extract, Organic camellia seed oil Sunflower seed oil, Safflower seed oil และ Rosemary extract

ด้านเซเลบริตี้ต่างได้ร่วมเผยถึงเกณฑ์ในการเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันผิวจากแสงแดด เริ่มที่เซเลบริตี้สาวรักกิจกรรมกลางแจ้ง คุณปาวา นาคาศัย เล่าว่า “เบอร์ดี้เป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมเอาท์ดอร์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกิจกรรมดำน้ำ เล่นเซิร์ฟ และขี่ม้า จึงมักหาเวลาออกไปสนุกกับกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้อยู่เสมอ แน่นอนว่าการทำกิจกรรมกลางแจ้งต้องโดนแสงแดดอยู่ตลอดเวลา แต่เบอร์ดี้ก็ไม่ค่อยกังวลเรื่องแสงแดดเท่าไหร่ เนื่องจากเบอร์ดี้เลือกปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสียูวีด้วย Very Water Resistant Facial Sunscreen SPF50 PA++++ ครีมกันแดดสูตรกันน้ำ กันเหงื่อ ด้วยเนื้อสัมผัสที่แห้ง ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทำให้รู้สึกสบายผิวทุกครั้งที่ใช้ เบอร์ดี้จึงมั่นใจและสนุกไปกับกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างเต็มที่ โดยมักจะทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการปกป้องผิวจากแสงแดดค่ะ ส่วนในวันสบายๆ ก็จะทาครีมกันแดดแบบไม่กันน้ำเป็นประจำ และมักจะพกติดกระเป๋าไปเสมอ เพราะหยิบใช้ง่าย และสามารถทาทับเครื่องสำอางได้ด้วยค่ะ”

ต่อมาที่สาวนักเดินทาง คุณพิมพ์พยัพ ศรีกาญจนา เผยว่า “ปกติพิมพ์จะเลือกใช้ครีมกันแดดจากไลฟ์สไตล์และกิจกรรมที่ทำเป็นหลัก อย่างตัวที่ใช้ในชีวิตประจำวันก็จะเป็น Oil-Free Facial Sunscreen SPF30 PA+++ เหตุผลที่เลือกเพราะเนื้อครีมบางเบา ไม่มัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทิ้งคราบขาวไว้บนใบหน้า ซึ่งเหมาะสำหรับวันสบายๆ และที่สำคัญสามารถล้างออกได้ง่าย โดยไม่อุดตันรูขุมขน จึงสามารถใช้ได้บ่อยเป็นประจำทุกวันค่ะ แต่หากวันไหนที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ชื่นชอบอย่างการเดินเขา หรือดำน้ำ พิมพ์ก็จะใช้ครีมกันแดดอีกตัวที่สามารถกันน้ำ กันเหงื่อได้ดีอย่าง Very Water Resistant Facial Sunscreen SPF50 PA++++ โดยจะทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงระหว่างการทำกิจกรรม เพื่อประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสียูวีค่ะ”

ปิดท้ายที่เซเลบริตี้สาวสังคม คุณจรสพรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา เล่าว่า “ปกติผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดที่จุ๋ยเลือกใช้จะเลือกจากลักษณะของเนื้อผลิตภัณฑ์เป็นหลัก จุ๋ยชอบแบบที่เป็นเนื้อครีมบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะผิว ทาแล้วให้ความรู้สึกที่เบาสบายผิว ไม่ทิ้งคราบขาวไว้บนใบหน้า และที่สำคัญต้องล้างทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน ซึ่งจุ๋ยเองก็มีครีมกันแดด 2 ตัวสำหรับการใช้งานต่างกัน อย่างตัวแรกจะเป็น Oil-Free Facial Sunscreen SPF30 PA+++ ซึ่งเหมาะสำหรับวันทำงานในออฟฟิต หรือวันสบายๆ ที่ไม่ได้ออกไปเผชิญกับแสงแดดจัด ส่วนครีมกันแดดอีกตัวจะเป็น Very Water Resistant Facial Sunscreen SPF50 PA++++ ซึ่งเหมาะสำหรับใช้เมื่อต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างไปทะเล ไปว่ายน้ำ และที่สำคัญครีมกันแดดทั้ง 2 ตัวนี้สามารถทาแล้วออกแดดได้ทันที รวมถึงสามารถแต่งหน้าทับได้โดยไม่ทำให้หน้าลอย และช่วยให้เครื่องสำอางติดทนได้อีกด้วย”

ดูแลและปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างมั่นใจกับผลิตภัณฑ์ Oil-free facial sunscreen SPF30 PA+++ และ Very water resistant facial sunscreen SPF50 PA++++ ได้แล้ววันนี้ที่ออนไลน์สโตร์  www.thann.co.th (ส่งฟรีทั่วประเทศ) และร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ทั้ง 12 สาขาทั่วประเทศ อาทิ สาขาสุขุมวิท 47, ชั้น 5 (Tower 2) โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ, ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษร, ชั้น 5 ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม, ชั้น G และ 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์, ชั้น 4 ไอคอน สยาม, สาขาถนนพระปกเกล้า (ตรงข้ามวัดเจดีย์หลวง) จังหวัดเชียงใหม่, ชั้น G (The Jungle Zone และ The Botanica zone) ศูนย์การค้าจังซีลอน จังหวัดภูเก็ต และ ธัญ เวลเนส เดสทิเนชั่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook