ชาเขียวญี่ปุ่นที่อุตส่าห์ซื้อมา เก็บยังไงไม่ให้เสียของ

ชาเขียวญี่ปุ่นที่อุตส่าห์ซื้อมา เก็บยังไงไม่ให้เสียของ

ชาเขียวญี่ปุ่นที่อุตส่าห์ซื้อมา เก็บยังไงไม่ให้เสียของ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เชื่อว่าหลายคนที่ติดใจในรสชาติชาเขียวญี่ปุ่น ก็ต้องเคยซื้อใบชาญี่ปุ่นมากะชงเองที่บ้านใช่ไหมครับ แต่คุณรู้หรือไม่ ว่าใบชาที่อุตส่าห์ซื้อมานั้น ถ้ารู้วิธีเก็บที่ถูกต้องก็อาจเก็บได้นานกว่าวันหมดอายุบนซอง ในทางกลับกัน ถ้าเก็บรักษาผิดวิธีรสชาติก็จะเปลี่ยนไป หรือกระทั่งถึงแก่อายุขัยก่อนวันหมดอายุก็เป็นได้! เราไปดูวิธีที่ถูกต้องในการเก็บใบชากันเถอะ!

เปิดแล้วชงให้หมดไวๆ

ชาเขียวนั้นอ่อนไหวต่อความชื้น ออกซิเจน แสง อุณหภูมิสูง และการติดกลิ่นครับ (ฟังดูเยอะใช่ไหม 555) ดังนั้นโดยสรุป เราแค่ต้องเก็บชาให้พ้นจากห้าสิ่งนี้ก็พอแล้วครับ อย่าเก็บในที่ชื้นๆ เปิดให้โดนอากาศ อย่าให้โดนแดด อย่าเก็บในที่ที่ร้อน อย่าเก็บในที่ที่มีกลิ่นอื่นๆ ในอากาศมาก

แต่ว่าเมื่อเราเปิดซองชาปุ๊บ ใบชาก็ต้องสัมผัสอากาศอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ใบชาเสื่อมคุณภาพไปเรื่อยๆ ครับ ดังนั้น ไม่ว่าวันหมดอายุจะนานแค่ไหน ก็ควรชงให้หมดภายใน 2 สัปดาห์ ถึง 1 เดือนครับ

ถ้าเปิดใช้แล้ว ห้ามเอาใส่ตู้เย็น!

หลายๆ คนแกะซองชาแล้วชงไม่หมด จึงเอาไปเก็บไว้ในตู้เย็นก่อนใช่ไหมครับ แต่ว่านั่นจะทำให้ชาเสียกลิ่นและรสชาติเปลี่ยนไปครับ!

ถามว่าทำไมล่ะ? นั่นก็เพราะใบชาอ่อนไหวมากๆ ต่อความชื้นในอากาศและมีคุณสมบัติในการดูดกลิ่นครับ เมื่อเราเอาใบชาใบใส่ในตู้เย็น ก็อาจจะทำให้ติดกลิ่นอาหารอื่นๆ ในตู้เย็นไปด้วย นอกจากนี้เวลาเอาใบชาออกมาจากตู้เย็น ความชื้นในอากาศก็จะเข้ามาเกาะ เหมือนไอน้ำที่เกาะบนแก้วน้ำเย็นครับ ทำให้ชาสูญกลิ่นรสชาติไปจากเดิม! แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็แนะนำให้ปิดถุงชาไล่อากาศออกให้มิดและใส่ถุงซิปซ้อนไว้อีกชั้นนึง ก่อนนำมาชงก็วางทิ้งไว้สักครึ่งวันให้หายเย็นก่อนเปิดออกมาใช้ครับ

ใส่ซองไว้เฉยๆ แล้วเก็บไว้ข้างนอกก็พอ

ซองบรรจุนี่แหละดีที่สุดแล้วในการเก็บใบชา ไม่อย่างนั้นจะขายได้ยังไง จริงไหมครับ? ถ้าเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องก็จะไม่มีปัญหาเรื่องไอน้ำมาเกาะครับ เนื่องจากใบชาอ่อนไหวต่อออกซิเจนด้วย เราก็รีดไล่อากาศก่อนแล้วพับปากถุง เอาคลิปหนีบกระดาษมาหนีบปิดไว้ก็ได้ครับ นี่คือเหตุผลที่ซองบรรจุชามักทำเป็นถุงรูปทรงยาวๆครับ

เป็นอย่างไรบ้างครับ พอจะจับเคล็ดลับในการเก็บชาได้หรือยังครับ? ครั้งหน้าเราจะมาดูกันว่าทำยังไงถึงจะเก็บใบชาให้ได้นานกว่าวันหมดอายุครับ

ผู้เขียน: Guno

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook