12 ข้อรู้ไว้ "หากไฟไหม้บ้าน"

12 ข้อรู้ไว้ "หากไฟไหม้บ้าน"

12 ข้อรู้ไว้ "หากไฟไหม้บ้าน"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แอดมินเข้าใจอารมณ์การอบรมหนีไฟของบริษัทต่างๆ ที่จะไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากพนักงานในบริษัทมากนัก นั่นเป็นเพราะส่วนหนึ่งคิดว่าไม่อยากเสียเวลา กับอีกส่วนหนึ่งคิดว่าเรื่อง "ไฟไหม้" ไกลตัว แต่แท้ที่จริงแล้วไฟไหม้ใกล้ตัวกว่าที่คิด

Sanook! Home ได้ข้อมูลและความรู้เรื่องไฟไหม้จากคุณนู๋ปลาไหล จากเว็บไซต์ พันทิปดอทคอมมาฝากทุกคนค่ะ ว่าแล้วตามคุณนู๋ปลาไหลกันไปเลยนะคะ

สวัสดีเพื่อนสมาชิกทุกคน วันนี้เราโชคดีมีโอกาสได้อบรมเรื่องอัคคีภัยของบริษัท ซึ่งเราคิดว่าในภาคปฏิบัติอพยพหนีไฟ บริษัทใหญ่ๆ มักมีการจัดอบรมและซ้อมกันเป็นปกติ แต่ภาคทฤษฏีคนมักไม่ได้อบรมกันครบตามที่กฏหมายกำหนดแน่นอน ซึ่งบริษัทเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ คนไปฟังกันน้อยมาก แถมคนที่ไปฟังก็ยังแว่บไปแว่บมากลับไปนั่งทำงาน ทำให้ฟังกันบ้างไม่ฟังกันบ้าง

ขอกระซิบว่าคนอายุเยอะๆ นี่แหละ ไม่ชอบร่วมกิจกรรมมักส่งเด็กๆ หรือน้องเล็กไปแทน ดังนั้นถ้าน้องๆ คนไหนมีคุณพ่อคุณแม่ไปอ่านให้คุณพ่อคุณแม่ฟังนะคะ เพราะหากเกิดขึ้นจริงๆ ท่านจะได้พอนึกขึ้นได้ว่าลูกเคยพูดไว้ ถึงตัวท่านไม่ได้เข้าอบรมกับทางบริษัทก็ตาม

ดังนั้นเราจึงอยากมาแชร์เกร็ดความรู้ที่ได้จากพี่ๆ พนักงานดับเพลิงใน ส่วนใครที่รู้อยู่แล้วถือว่ามาทวนกันนะคะ ในกระทู้นี้เราคงไม่ได้อธิบายเรื่องการเกิดความร้อน ควันไฟ แบบที่เราไปฟัง เพราะเราจำไม่ค่อยได้ และอธิบายไม่ค่อยถูก
แต่จะแชร์เรื่องควรรู้ที่อยู่ใกล้ๆ ตัว

1.การเกิดไฟไหม้มี 4 กระบวนการ ความร้อน คายไอ เปลี่ยนสี และลุกไหม้
ความร้อน- วัตถุนั้นต้องโดนความร้อนหรือได้รับความร้อน
คายไอ- เมื่อได้รับความร้อนจนอิ่มตัว วัตถุนั้นจะเกิดการคายไอระเหยออกมา (วัตถุที่คายไอตลอดเวลาเช่นน้ำมันเบนซิล พอนึกภาพบิดเบี้ยวเมื่อเรามองน้ำมันได้มั้ยคะ แบบนั้นเลย)
เปลี่ยนสี- เปลี่ยนวัตถุจากสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ขาว->เหลือง->น้ำตาล->ดำ
ลุกไหม้- อันนี้ทุกคนคงรู้จักกันดี

2.หากรู้ว่าเกิดไฟไหม้ ควรตัดไฟเป็นอันดับแรก หลายคนอาจจะไม่ทันฉุกคิดค่ะ เวลาเราแตกตื่น เราจะพยายามรักษาทรัพย์สินด้วยการสาดน้ำ หรือหาอะไรมาดับไฟ ซึ่งเราก็รู้กันดีว่าน้ำและไฟฟ้าเป็นของที่ไม่ควรอยู่คู่กัน ยิ่งสาดน้ำใส่ไฟฟ้า ยิ่งเพิ่มความเสียหาย

3.จงอย่าชะล่าใจว่าไม่มีไฟจะไม่มีความร้อน!! สมมติว่าข้างห้อง หรือชั้นบน หรือชั้นล่างกำลังลุกไหม้ ไฟยังไม่มาค่ะ แต่ความร้อนมาแล้วแน่นอน สิ่งที่ช่วยชีวิตคุณได้คือ กระดาษ อันนี้แบบใกล้ตัวในสำนักงานนะคะจริงๆ คงมีแบบอื่นแต่
ทำไมกระดาษถึงช่วยชีวิตได้ล่ะ เหตุผลคือกระดาษจะทำปฏิกริยา คายไอ คุณจะเห็นไอระเหยจากกระดาษ อนุมานอุณหภูมิได้ทันทีว่า 250-300 องศาเซลเซียล ถึงคุณไม่ตายเพราะไฟ แต่คุณจะสลบด้วยความร้อน และผิวหนังจะโดนความร้อนเบิร์นเหมือนไก่ย่าง

4.แล้วหากเราจำเป็นต้องหนีหรือผ่านในจุดเพลิงไหม้ ควรทำยังไง!! วิธีการคือคว้าทุกสิ่งอย่างที่มี ผ้าม่าน ผ้าปูโต๊ะ ผ้าปูที่นอน ผ้าคลุมเตียง คลุมตัวเอง ห่อตัวให้เป็นบ๊ะจ่างแต่อย่ารุ่มร่าม เพราะถ้าสะดุดล้มอันตรายมาก แล้ววิ่งให้เร็วสุดชีวิตไปที่ทางออก และที่สำคัญจงเลือกทางที่สั้นที่สุดแต่ปลอดภัยที่สุดด้วย วิธีนี้หากอยู่ในอุณหภูมิ 300 องศา ระยะทางไม่ไกลมากสัก 6-7 เมตร

5.ไฟจะไหม้ห้องทั้งห้องโดยประมาณ 5 นาที อุณหภูมิอยู่ที่ 800 องศา สำหรับห้องสำนักงาน หากมีเชื้อเพลิงน้ำมัน แก๊ส อุณหภูมิอาจจะอยู่ที่พันองศาในสองนาทีที่เริ่มไหม้ ควันจะทำให้หายใจไม่ออก และกดตัวต่ำลงเมื่อเริ่มเข้านาทีที่สอง จงหนีให้ไว อย่าอาลัยอาวรณ์เก็บข้าวของห่วงนู่นห่วงนี่ ท่องไว้ค่ะ ไม่ตายก็หาใหม่ได้ แต่ชีวิตคุณมีแค่ครั้งเดียว ตายแล้วก็ตายเลย

6.หากเกิดเพลิงไหม้ในห้องใดห้องหนึ่ง จงปิดหน้าต่าง และปิดประตูขังไฟ ความเสียหายจะเกิดขึ้นในจุดที่เล็กลง และง่ายต่อการดับไฟของเจ้าหน้าที่พนักงาน นอกจากนี้คุณไม่ต้องสิ้นเปลืองจากค่าเสียหายกับโถงทางเดินและห้องอื่นๆ จำไว้ไฟไหม้เมื่อไหร่ปิดประตู มีเวลาให้วิ่งไปปิดหน้าต่างให้เยอะที่สุดแล้วหนี!!! ไม่ต้องล๊อคนะคะเดี๋ยวพนักงานเข้าไปดับเพลิงทางประตูไม่ได้ และหากไม่ได้เปิดหน้าต่างระบายอากาศ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะเขาจะได้ระวังตัวตอนเปิดประตูไปดับไฟ ท่องไว้ พนักงานดับเพลิงก็คน มีลูกเมียคอยอยู่เหมือนคุณ

7.หลังมือนั้นคือทางรอด เรื่องง่ายๆ ที่หลายๆ คนอาจจะรู้อยู่แล้ว แต่ถือว่าทวนกัน หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน หลังมือเท่านั้นที่ไว้คลำ จงอย่าใช้ฝ่ามือเพราะเคยชิน

8.เมื่อคุณหนีไฟจนเจอบันไดหนีไฟแล้ว จงปิดประตูเมื่อหนีออกมาแล้ว!! (แต่อย่าทะลึ่งล็อคนะ) อย่าเป็นคนดีผิดเวลาแบบกลัวว่าคนจะตามมาทีหลังจะไม่รู้ว่าประตูหนีไฟอยู่ตรงนี้นะเป็นอันขาด

ข้อควรรู้คือเมื่อบันไดหนีไฟเปิดอ้า ควันและไฟก็เหมือนน้ำ เมื่อคุณเผื่อแผ่ ควันและไฟก็จะเผื่อแผ่ จะไหลไปเหมือนธารน้ำลุกไหม้ทางหนีไฟ คุณลองนึกภาพนะคะไฟไหม้ตึก 10 ชั้น ต้นเพลิงอยู่ที่ชั้น5 คุณซึ่งอยู่ชั้น7 ต้องหนีไฟลงมาชั้นลง บังเอิญค่ะ มีพ่อพระใจดีกลัวเพื่อนหนีไฟที่ชั้น 5 จะมองไม่เห็นทางออกเพราะควันอันหนาทึบ แน่นอนค่ะ คุณที่อยู่ชั้น 7 เปิดประตูหนีไฟไปเจอประตูไฟนรก ควันเขม่าลอยฟุ้ง แออัดในช่องหนีไฟของตึก

คุณคิดว่าทางหนีไฟที่มีควันอบอวลยังใช้งานให้คุณขึ้นไปข้างบนดาดฟ้าได้มั้ยคะ? ถ้าโชคดีอาจจะทัน ถ้าไม่ล่ะ? คุณจะขาดอากาศเพราะคุณเผาผลาญออกซิเจน และควันไฟยังดึงออกซิเจนไปจากคุณ ต่อให้คุณไม่โดนไฟคลอกตายก็ขาดอากาศตายอยู่ดี ข้อควรรู้อีกอย่างในข้อแปดคือประตูหนีไฟที่เราจะเห็นกันเป็นเหล็กหนาๆ สามารถทนความร้อนได้สองชั่วโมง ถ้าคุณรู้จักใช้มันอย่างถูกต้อง ทุกคนที่ใช้ทางหนีไฟมีโอกาสรอดแน่นอน

9. ห้องน้ำคือกับดัก!!! มันคือมัจุราชที่แสนดี มันจะทำให้เรารู้สึกดีรู้สึกปลอดภัย ก่อนจะทำให้เราหมดทางรอดและตายอย่างทรมาน ทำไมน่ะรึ!!การที่คุณหนีเข้าห้องน้ำแปลว่าด้านนอกกำลังลุกไหม้อย่างน่ากลัว ทำให้พนักงานดับเพลิงไม่สามารถคุมเพลิงแล้วฝ่าไปช่วยคุณได้ หรือยังติดปัญหาอะไรบางอย่างทำให้ยังมาไม่ถึงคุณ เรามักคิดว่า เข้าห้องน้ำเพราะอย่างน้อยก็มีน้ำล่ะว่ะ แต่ในความเป็นจริงเมื่อคุณกำลังรอ ไฟก็กำลังไหม้วงกบและประตู

หากประตูทำมาจากไม้เมื่อถึงจุดหนึ่งไม้จะยืดหดโก่งตัวผิดรูป และขังคุณไว้ในห้อง ควันไฟที่สะสมไอร้อน จะพวยพุ่งเข้ามาตามรอยแตกของไม้ ตอนนั้นคุณจะทุบจะพังประตูก็ทำไม่ได้ จะเอาน้ำดับควันก็ทำไม่ได้ แล้วหากประตูกับวงกบเป็นพลาสติกพีวีซีล่ะ? ก็อย่างที่เรารู้กันคือ พลาสติกโดนความร้อนแล้วจะละลาย คาดว่าชะตากรรมไม่ต่างกัน

10.อย่าเป็นคนช่างเสียดาย คุณมักจะเห็นคนแก่ๆ ชอบเก็บสมบัติ ซ่อมแล้วซ่อมอีก หรือมันจะพังไม่พังแหล่ก็ยังคงใช้เพราะความเสียดายเงิน หรืองกเงินซื้อของถูกๆ พี่ๆ พนักงานบอกว่าพักหลังๆ ที่เศรษฐกิจไม่ดี เหตุไฟฟ้าสำคัญเกิดจากเครื่องไฟฟ้าเยอะมาก เพราะของไม่ได้มาตราฐานหรือมาตราฐานต่ำ ดังนั้นลงทุนกันสักนิดเพื่อชีวิตที่ปลอดภัย

11.ใช้น้ำ ดับ น้ำมัน -> เละ
ใช้น้ำ ดับ ไฟฟ้า -> เละ
ใช้น้ำ ดับ แก๊ส -> OK
ใช้น้ำ ดับ เชือก กระดาษ หญ้า ผ้า -> OK

12.เหตุการณ์นี้เกิดไม่บ่อย แต่หากเกิดเมื่อไหร่ก็ภาวนาหาพ่อแก้วแม่แก้วเลยว่าซวยจริงๆ นั่นคือรถแก๊สคว่ำ!! หลายคนอาจจะเกิดทันเหตุการณ์ รถแก๊สระเบิดที่แยกเพชรบุรี แต่เราเกิดไม่ทันนะคะ (ร้อนตัว 555) ใครเกิดไม่ทันหาข่าวอ่านได้ค่ะ มีรำลึกกันทุกปี เล่าวนกันซ้ำๆ

ข้อนี้จะมาบอกว่าแก๊สรั่วควรทำยังไง ข้อสำคัญคือ 4ห้าม!! ห้ามถอด ห้ามเสียบ ห้ามเปิด และห้ามปิด ทุกครั้งที่เราใช้ไฟฟ้าการเสียบปลั๊ก ถอดปลั๊ก หรือแม้ปลั๊กเสียบอยู่จะกดปิด หรือจะกดเปิด จะมีประกายไฟ ซึ่งสำคัญมากๆ

เพราะแก๊สเป็นนักค้นหาประกายไฟตัวฉกาจ มันค้นเก่ง และมันก็เจอเสมอด้วยสิ สมมติว่าความซวยมาเยือนคุณ รถแก๊สเกิดคว่ำอยู่และคุณเป็นรถคันที่ขับถัดมา....เกิดสถานการณ์คือเครื่องคุณดับ!! อย่าพยายามสตาร์ทรถเป็นอันขาด
เพราะนั่นคือพิธีกรรมการเรียกมัจจุราช อย่าห่วงรถ ให้คุณรีบเก็บของแล้วออกจากรถ เคาะบอกเพื่อนร่วมทางให้รีบออกมา

อย่าคิดว่าจะขับรถหนี ถ้ารถดับคือต้องทิ้งรถแล้ว ถ้ามีรถคันใดคันหนึ่งเกิดลองสตาร์ท(สมมติว่าคันที่ถัดมาเป็นคันที่สิบ) ประกายไฟที่เกิดการสปาร์คเพื่อให้รถติดเครื่องจะดึงดูดแก๊สให้เข้าหาแล้วไหม้รถคุณทันทีและที่โชคร้ายคือไฟจะวิ่งดูดไปยังต้นทางคือรถแก๊สที่คว่ำ เมื่อไฟพร้อม แก๊สพร้อม อากาศและออกซิเจนพร้อม ท่องไว้ค่ะโกโก้ครั้นซ์ยังเรียกพ่อ เพื่อนร่วมทางคันที่สามที่สี่ที่กำลังวิ่งย้อนออกมา เละค่ะ ไม่เหลือ ไม่สามารถคุมเพลิงได้แล้ว

และอีกสมมตินะคะ เรานึกภาพตามกัน เดี๋ยวนี้โลกโซเซียล อะไรๆ ก็อยากแชร์อยากบอก คุณก็คันปากอยากบอกพ่อแม่พี่น้องเพื่อนพ้องทั้งหลาย แต่คุณรู้มั้ย ว่าโทรศัพท์ที่คุณถือในขณะมีแก๊สลอยอยู่รอบตัว มันไม่ต่างกับบ่วงที่กำลังคล้องคอคุณ ไม่ต่างกับมีดหรือปืนที่จ่อขมับคุณอยู่

โทรศัพท์มือถืออยู่ยังไงก็ให้อยู่อย่างนั้น อย่าไปยุ่งกับมันจนกว่าจะแน่ใจว่าสถานที่ที่คุณอยู่ ไม่มีมวลสารแก๊สอันตรายแล้ว หากอยากรู้ว่าผลลัพธ์เป็นยังไง ก็เหมือนข้างบนค่ะ โกโก้ครั้นซ์เรียกพ่อ

ขอฝากกับคนที่ขับรถเติมแก๊ส เห็นไม่ค่อยสนใจกันเท่าไหร่กับป้ายห้ามใช้มือถือ ไม่รู้ว่าทำไม ไม่เคยอ่านข่าวว่าโทรศัพท์มือถือทำปั้มแก๊สระเบิดหรอคะ?

ก่อนคุณจะมักง่ายไม่สนใจ กรุณาถามคนอื่นด้วยนะคะว่า ตัวเองๆ เรารู้นะ เราไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่ตัวเองอยากตายวันเดียวกันกับเราป่ะ? มีคนเคยเตือนแล้วด้วยนะ

อ่านแล้วได้ความรู้ใหม่เพียบเลยไหมคะ หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะคะ ต้องขอขอบคุณ คุณนู๋ปลาไหล http://pantip.com/topic/32907739

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook