กินสนุกในโลกมังงะ

กินสนุกในโลกมังงะ

กินสนุกในโลกมังงะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Eat Like Otaku
กินสนุกในโลกมังงะ

สำหรับเด็กหนวดติดการ์ตูนอย่างชายจุก การได้เห็นได้กินอะไรที่หลุดออกมาจากโลกแห่งจินตนาการอย่างการ์ตูนช่างสุขใจดีแท้ ใครจะเรียก “โอะตะกุ” (Otaku) อย่างไรก็ช่างเขา ตราบใดที่เรามีความสุขกับมัน

เดิมผู้คนตีความว่า “โอะตะกุ” คือคนที่เก็บตัวอยู่บ้าน นั่งเล่นตุ๊กตุ่นตุ๊กตา อ่านการ์ตูน และเล่นเกมที่จำกัดผูกมัดตัวเองในโลกของมังงะ (หนังสือการ์ตูน) และอะนิเมะ (ภาพยนตร์การ์ตูน) แต่ระยะหลังโอะตะกุมีความหมายค่อนข้างบวกคือคนที่คลั่งไคล้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมากกว่าคลั่งไคล้เพียงมังงะและอะนิเมะ หรืออธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ “แฟนพันธุ์แท้” นั่นเอง เอาเข้าจริงชายจึงไม่ได้เข้าข่ายโอะตะกุใดๆ เพราะไม่ได้รู้ลึกอะไรกับเขาสักเท่าไร แต่ขอตีเนียนปลอมเป็นโอะตะกุชั่วคราว

ชายเริ่มเส้นทางของโอะตะกุที่โยโกฮามา Anpanman Children’s Museum & Mall ถึงจะเป็นอะนิเมะเก่าเก็บ แต่กลับได้รับความนิยมอีกครั้งในญี่ปุ่น มีทั้งมิวเซียมและมอลล์ โดยเฉพาะมอลล์มีสารพัดร้านค้าเกี่ยวกับอันปังแมน ทั้งขนมปัง ซาลาเปา ข้าวปั้น ตุ๊กตา และของเล่น แถมยังชวนเปโกะ เด็กสาวแก้มแดงมาเปิดร้านอาหารร่วมกัน

ชายเลือกไปที่ร้านเบเกอรี่ของคุณลุงแยม (Jam Ojisan) เชฟอบขนมปังผู้สร้างอันปังแมนและผองเพื่อนขึ้นมา ที่นี่ให้เลือกขนมปังอบไส้ต่างๆ ที่ทำเป็นคาแรกเตอร์ของตัวการ์ตูนกินคู่กับลาเต้วาดลวดลายตัวการ์ตูนน่ารักที่ชั้นบนของร้าน ขอบอกว่าฟินด้วยความน่ารักและอร่อย แถมยังสื่อถึงคาแรกเตอร์ของตัวละครออกมาได้จะแจ้ง เช่น อันปังแมน ขนมปังไส้ถั่วแดง เคอร์รีปังแมน ขนมปังไส้แกงกะหรี่ ส่วนฝั่งตัวร้ายอย่างแบคทีเรียแมน ใช้สีหลักอย่างสีม่วงมาทดแทนด้วยเผือกเป็นไส้ของขนมปังสีดำ แถมยังได้สนุกกับไลฟ์โชว์ของอันปังแมนที่ลานด้านนอก (ที่นี่ให้อาหารและความฟิน 8 คะแนน)

ระหว่างไปเยือนโอซากาและเกียวโต ชายเก็บตกอารมณ์แบบโอะตะกุมาได้ไม่มากนัก แต่ด้วยความชอบคินนิกุแมนเป็นทุนเดิมและเสียงพากษ์ของน้าต๋อยที่ยังคงกึกก้องอยู่ในหัว “ข้าวหน้าเนื้อวัว อะโช๊ะๆ” เลยต้องมาที่ Muscle Shop ย่านชินเซไก โอซากา ด้วยใจหวังอยากกินข้าวหน้าเนื้อสูตรคินนิกุแมน แต่เสียใจจ้าเพราะไม่มี ในชอปมีเฉพาะฟรีกเกอร์และของชำร่วยรุ่นพิเศษในโอกาสที่ย่านการค้าชินเซไกครบรอบ 100 ปี รอบๆ จึงมีฟรีกเกอร์ขนาดเท่าตัวจริงมาตกแต่ง ทั้งคินนิกุแมน โรบินมาร์ก และเทอรีแมน รับรองว่าฟิน กล้ามโตของคินนิกุแมนก็ได้รับการโอบกอดจากชายมาแล้ว ถึงไม่มีข้าวหน้าเนื้อชายก็ไม่ลืมแอบซื้อเซมเบ้คินนิกุแมน ด้านหน้าทำลวดลายหน้าตาของคินนิกุแมน ส่วนด้านหลังทำเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูล แถมยังมีสติกเกอร์เป็นของสะสมอีกต่างหาก (ที่นี่ให้ความฟิน 8 คะแนน อาหาร 7 คะแนน)

แต่ถ้าคลั่งไคล้นินจาลองแวะมาเกียวโตที่ Toei Kyoto Studio Park โรงถ่ายภาพยนตร์โตเอะที่สร้างเป็นธีมพาร์กให้เด็กและเหล่าโอะตะกุได้สนุกสนาน ด้วยการจำลองฉากหนังยุคเอโดะ เมจิ และฉากของมนุษย์ไฟฟ้า 5 สี เซนไทฮีโร่ โดยเฉพาะโซนนินจาที่ถือว่าอินเตอร์แอกทีฟที่สุด ยิ่งช่วงนี้กำลังโปรโมตภาพยนตร์เรื่องนินจารันทาโร่ภาค 2 ใครๆ ก็เลยเทใจกันที่โซนนี้ ทั้งไลฟ์โชว์ โรงฝึก รวมถึงแต่งกายเลียนแบบนินจา แต่ที่ชายชอบไม่น้อยคงเป็นคาเฟ่นินจาที่มีสารพัดขนมซึ่งใส่ความเป็นนินจาเข้าไป ขนมหวานหน้าตาคล้ายระเบิดควันเป็นโมจิหนึบเหนียวคลุกด้วยงาดำเต็มก้อน กินคู่กับบิสกิตรูปดาวกระจาย ต้องบอกว่าระเบิดควันอร่อยดี ส่วนดาวกระจายธรรมดาไป แต่ก็ฟินจ้า (ที่นี่ให้ความฟิน 8 คะแนน อาหาร 7 คะแนน)

ก่อนเข้าโตเกียว ปลายทางที่ดีที่สุดคงเป็นคาวาซากิที่ตั้งของ Fujiko F Fujio Museum ใครเป็นแฟนแมวอ้วนสีฟ้าไม่ควรพลาดอย่างแรง นอกจากจะได้ดูผลงานออริจินัลของอาจารย์แล้ว ชอปของมิวเซียมนี่แหละเป็นสถานที่ดูดทรัพย์ขนานแท้ แต่ที่ไม่มีใครพลาดคือ Museum Café พิเศษมาก ตอนที่ชายจุกไปนั้นเป็นช่วงฉลองครบรอบ 2 ปีของพิพิธภัณฑ์พอดี จึงมีอาหารจานพิเศษอย่าง Chinpui Pancakes ตกแต่งพิเศษให้เข้ากับช่วงเฉลิมฉลอง รสชาติใช้ได้ ส่วน Café Latte ก็แต่งหน้าพิเศษเช่นกัน ปกติเลือกลายลาเต้ได้ทั้งปาร์แมน โดราเอมอน โนบิตะ และชิมปุย

สำหรับอาหารประจำยอดนิยมคงต้องบอกว่าสวยแต่รูป รสชาติไม่โดน Gian’s Pork Cutlet Bowl ข้าวหน้าหมูทอดเสิร์ฟในชามสีส้มที่มีลวดลายสื่อถึงไจแอนท์ น่ารักน่ากินตรงที่ใช้สาหร่ายมาเรียงเป็นหน้าตาไจแอนท์ บอกเลยว่าไม่อร่อย หมูแป้งหนา ไข่สุกเกินไป แต่หากกัดฟันกินจนหมดจะได้เจอไจแอนท์ที่ก้นชาม ถ้ากินเองแล้วไม่ฟินแนะนำให้ซื้อชามกลับไปทำกินเองน่าจะอร่อยกว่า นอกจากนี้ชายยังได้โดรายากิรูปแมวอ้วนและขนมปังช่วยจำ รสชาติธรรมดาแต่ได้คอนเซ็ปต์ และที่ตรึงใจชายที่สุดเป็นชาโดรายากิที่เบลนด์มาอย่างดี จนรสชาติใกล้เคียงกับโดรายากิจริงๆ (ที่นี่ให้ความฟิน 9 คะแนน อาหาร 6 คะแนน)

ก้าวเข้าสู่โตเกียวมีสารพัดคาเฟ่ที่เชื้อเชิญโอะตะกุให้อยากไปสิงสถิต ทั้ง Robot Restaurant ร้านใหม่ล่าสุดกลางย่านชินจูกุ Kamen Rider The Diner ย่านอิเคะบุคุโระ หรือ AKB48 Café ย่านอากิฮาบาระ ทั้งหมดที่กล่าวมาชายจุกไม่ได้ไป ยังเสียดายอยู่เลย แต่แก้มือมาได้พอสมควร เริ่มที่ย่านมิทากะใกล้คิชิโจจิ Ghibli Museum สาวกอะนิเมะต้องถูกใจกับเทคนิคพิเศษของฮายาโอะ มิยาซากิ พ่อมดอะนิเมะแห่งญี่ปุ่น ชมเรื่องสั้นสไตล์จิบลิในโรงภาพยนตร์ ชอปของที่ระลึก และปิดท้ายด้วยการนั่งชิลที่ Straw Hat Café สารภาพว่าไม่ได้นั่งด้านในเนื่องจากคนล้นทะลักมากมาย เลยได้กินอาหารเทกอะเวย์อย่างฮอตดอกกับเบียร์ Kaze no Tani ลาเกอร์เบียร์ที่ไม่ขม เบาๆ ตัดรสกับฮอตดอกได้ดี รายละเอียดของคาเฟ่ก็น่ารัก มีที่ล้างมือหัวก๊อกรูปแมวจากเรื่องกิกิ ป้ายเมนูอาหารรูปหมูจากพอร์โครอสโซ และเท่าที่แอบดูเขากินกันในคาเฟ่มีลาเต้น่ารักทำเป็นลวดลายหมวกฟาง (ที่นี่ให้ความฟิน 10 คะแนน อาหาร 7 คะแนน)

อีกย่านยานากะใกล้อูเอโนะ ชายขออนุญาตเรียกว่าเมืองแมว เล็กแต่น่ารัก ย่านการค้า มีความเก่าแก่และมีเรื่องราวเกี่ยวกับแมวสอดแทรกไว้ในทุกอนู ทั้งแมวจริง แมวปลอม แม้กระทั่งเนโกะยากิ ไม่รู้ว่าเรียกแบบนี้หรือเปล่าแต่อร่อยมาก ปกติเราจะได้กินไทยากิที่เป็นรูปปลาไทไส้ถั่วแดง แต่เมืองนี้ใช้แมวแทน ส่วนไส้มีหลายรส เช่น ครีม เผือก ถั่วแดง (ที่นี่ให้ความฟิน 10 คะแนน อาหาร 8 คะแนน)

แล้วก็ได้เวลาสู่โตเกียวสกายทรี นอกจากชายจะมาชมวิวแล้ว ปลายทางยังอยู่ที่ Moomin House Café ตัวการ์ตูนสุดคลาสสิกจากฟินแลนด์ หลายคนว่าหน้าตาของมูมินเหมือนฮิปโปสีขาว แต่จริงๆ แล้วคือโทรล ผู้พิทักษ์ป่าไม้และธรรมชาติตามความเชื่อของชาวฟินแลนด์ ที่นี่น่ารักจนแทบละลาย สิ่งที่ไม่ควรพลาดเป็น Moomin Café Latte ชายเลือกลาเต้ลายลิตเติลมาย เด็กหัวจุกหน้าตากวนโอ๊ย กินกับ Souvenir Plate เมนูพิเศษประจำฤดูกาล เมื่อสั่งแล้วยังได้ภาชนะกลับไปเป็นของที่ระลึก ช่วงนั้นเป็นพุดดิงฟักทองในแก้วใบเล็กน่ารัก

ที่ฟินกว่านั่นคือสาวเสิร์ฟแต่งตัวเหมือนเชฟคอยเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ที่เอาตุ๊กตามูมินขนาดเท่าคนจริงมาแบ่งปันให้ทุกโต๊ะได้ผลัดกันเล่น แถมยังมีหุ่นมือคอยให้ความสนุกสนานจนชายเกือบแอ๊บแตกไปเล่นด้วย (ที่นี่ให้ความฟิน 10 คะแนน อาหาร 8 คะแนน)

ชายจบทริปนี้ที่โอไดบะ เกาะที่กำลังจะกลายเป็นสังเวียนของโอลิมปิกและที่ตั้งใหม่ของตลาดปลาสึกิจิ ที่นี่มีมุมของโอะตะกุอยู่ 2 จุดใหญ่ Divercity Tokyo Plaza จุดเด่นไม่ได้อยู่ที่ห้าง แต่อยู่ที่ Gundam RX78-2 ขนาดใหญ่ที่ว่ากันว่าเท่ากับในอะนิเมะ ความเจ๋งไม่ได้อยู่ที่ขนาดแต่อยู่ที่การแสดงแสงสีเสียงในช่วงเย็น กันดั้มตัวนี้ขยับหัวและปล่อยควันประหนึ่งมีชีวิต ด้านหลังของหุ่นยักษ์เป็น Gundam Café มีจุดเด่นอยู่ที่ Café Latte วาดลวดลายกันดั้ม ฮาโร และซากุ ใช้กาแฟเบลนด์พิเศษ Andorew Waldfeld Coffee ตัวละครจากกันดั้มซีดผู้คลั่งไคล้กาแฟ กินคู่กับ Gun Pla Yaki ที่ได้ไอเดียจากไทยากิ (ที่นี่ให้ความฟิน 10 คะแนน อาหาร 7 คะแนน)

ปิดท้ายที่ Fuji TV Building เอาใจคนที่ชื่นชอบ “วันพีช” การ์ตูนยอดขายอันดับ 1 กับร้านอาหารกลางทะเลของเชฟขาแดง Baratie ชั้น 7 ของอาคาร ชายเป็นแฟนมังงะเรื่องนี้อยู่แล้วที่นี่จึงเป็นร้านเดียวที่ไม่อยากพลาด เห็นผู้คนรีวิวแล้วน่ามา แต่ต้องบอกว่าผิดหวังและเสียดายเงิน ก้าวแรกที่ข้ามเข้าสู่ร้านก็เกือบเปลี่ยนใจเพราะโล่งมาก มีโต๊ะของชายโต๊ะเดียว บรรยากาศร้านใส่ความเป็นวันพีชไว้บ้าง อาทิ เพดานลายแผนที่แกรนด์ไลน์ เสาที่ทำเป็นเสากระโดงเรือ รูปปั้นซันจิและวัตถุดิบสุดแปลก แมลงสื่อสาร และธงโจรของสลัดเชฟขาแดง

ส่วนอาหารนั้นคอนเซ็ปต์ไม่แน่นและสื่อความเป็นวันพีชไม่ถึงใจโอะตะกุ แต่เข้ามาแล้วออกไปมือเปล่าก็อย่างไรอยู่ จึงตัดสินใจชิมรสชาติของหวานและเครื่องดื่ม แน่นอนว่าเมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด ชายเลยอาศัยรูปภาพเข้ามาช่วย เครื่องดื่มลูฟี่ราคาประมาณ 200 บาท บอกความเป็นลูฟี่ได้เพียงธงที่ปักลงบนแก้ว ส่วนอิตาเลียนโซดาก็รสชาติทั่วไป สำหรับของหวานขอเรียกว่าเจลลีส้มของเบลเมล ใช้กังหันลมและส้มบอกความเป็นเบลเมลพี่สาวของนามิ แต่รสชาตินั้นถ้าไม่เสียดายเงินก็จะเลิกกิน เพราะเป็นเจลลีสำเร็จรูปที่ทำกินเองได้ แต่ชายต้องเสียเงินในราคา 160 บาท ก่อนเดินออกจากร้านอย่างเซ็งๆ

เราจึงได้พบกับเชฟขาแดงตัวเป็นๆ ที่ออกมาบ่นอะไรสักอย่าง แต่เสียใจไม่ฟินแล้วจ้า (ที่นี่ให้ความฟิน 7 คะแนน อาหาร 0 คะแนน)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook