ปู่ย่าช่วยเลี้ยงหลานและมีทีวีเป็นเพื่อน

ปู่ย่าช่วยเลี้ยงหลานและมีทีวีเป็นเพื่อน

ปู่ย่าช่วยเลี้ยงหลานและมีทีวีเป็นเพื่อน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Q. เราโชคดีมีคุณปู่ คุณย่าช่วยเลี้ยงลูกให้ค่ะ แต่ตอนนี้มีเรื่องหนึ่งยังหาวิธีปรับไม่ได้ คือท่านมีทีวีเป็นเพื่อน ตอนนี้หลานอายุ 8 เดือนแล้ว เขายังไม่ค่อยสนใจทีวีเท่าไหร่ แต่อนาคตเราไม่อยากเห็นเขามีทีวีเป็นเพื่อนตั้งแต่เล็ก เคยพูดคุยกันทั้งตรงทั้งอ้อมว่าจะเปิดเป็นเวลาจะได้หรือเปล่า ก็อย่างที่บอกค่ะ ท่านมีทีวีเป็นเพื่อน เวลาเปิดจะมากกว่า รบกวนขอคำแนะนำเพิ่มเติมค่ะ



ทีวีหรือเกมมีข้อเสียในตัวของมันเอง ข้อเสียที่สำคัญกว่าคือมันดึงเวลาที่เราและลูกควรทำอะไรอย่างอื่นที่สำคัญมากกว่าไปเสีย นั่นคือเสียสองต่อ

ในช่วงหลัง กุมารแพทย์และจิตแพทย์เด็กทั่วโลกพูดค่อนข้างตรงกันแล้วว่าไม่ให้เด็กดูทีวีเลยก่อนอายุ 2 ขวบ เพราะมีหลักฐานยืนยันแล้วว่าการดูทีวีของเด็กเล็กมีผลรบกวนการพัฒนาสมองแน่นอน ส่วนจะเป็นต้นเหตุของโรคอะไรต่อมิอะไรหรือทำให้เกิดความบกพร่องของการเรียนใดๆ ก็คงต้องติดตามต่อไป

กุมารแพทย์และจิตแพทย์เด็กทั่วโลกพูดไม่ตรงกันนักในเรื่องเกม แต่ผมมีข้อสรุปส่วนตัวว่าโดยรวมๆ ทุกคนก็เห็นพ้องกันว่าเด็กไม่ว่าอายุเท่าไรไม่ควรเล่นเกมมากเกินไป มีบางองค์กรกำหนดมาชัดเจนว่าห้ามเกินวันละ 1 ชั่วโมง เกมส่งผลต่อการพัฒนาสมองที่ผิดพลาดเช่นกัน ส่วนจะทำให้เกิดโรคอะไรได้บ้างหรือทำให้บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงถาวรอย่างไรก็ดูกันต่อไป งานวิจัยทำนองนี้ใช้เวลานานเป็นชั่วอายุคนกว่าจะสรุปผลกันได้

เวลาที่เด็กเสียให้แก่ทีวีหรือเกม ควรเอาไปทำเรื่องต่อไปนี้ซึ่งสำคัญมาก

เด็กก่อน 3 ขวบ เวลาทุกนาทีควรใช้กับพ่อแม่ เพื่อให้เขาสร้าง ภาพของพ่อแม่ที่ชัดเจน อนาคตจะไปทำอะไรเสี่ยงๆ ก็มีภาพพ่อแม่ประทับในใจให้คิดถึงเสมอ เพื่อสร้าง ภาพของตนเองให้ชัดเจน อนาคตจะได้รู้จักรักตนเอง ไม่ใช้พฤติกรรมเสี่ยงโดยไร้เหตุผล และเพื่อสร้าง สายสัมพันธ์กับพ่อแม่ที่แข็งแรง สายสัมพันธ์เส้นนี้จะคอยเหนี่ยวรั้งมิให้เขาเข้าสู่อบายมุขโดยง่าย จะไปไหนก็ถูกสายสัมพันธ์นี้กระตุกให้หยุดหรือดึงรั้งให้กลับบ้านมาหาพ่อแม่บ้าง

เด็ก 4-10 ขวบ นอกจากควรอยู่ใกล้พ่อแม่มากที่สุดแล้ว เด็กเล็กควรใช้เวลาในการปะทะสังสรรค์กับเพื่อนๆ อย่างเห็นหน้าค่าตาและถึงเนื้อถึงตัว เป็นวันเวลาที่เด็กได้ฝึกทักษะการเข้าสังคม ซึ่งประกอบด้วย การทะเลาะเบาะแว้ง การคืนดีประนีประนอม และการช่วยเหลือร่วมมือกัน หากเด็กเอาเวลาเหล่านี้ซึ่งมีไม่มากนักคือ 5-6 ปี คูณ 365 วัน ไปเล่นเกมเสียมากก็จะขาดโอกาส เราเรียกว่าเด็กด้อยโอกาส

“ประเด็นคือเด็กๆ จะพัฒนาในเรื่องต่างๆ ตามช่วงเวลาที่กำหนดข้างต้นได้ดีมาก หากพ้นช่วงเวลานั้นไปเขาอาจจะทำได้บ้างแต่ก็ไม่ดีเท่าตอนแรกๆ การพัฒนาตนเองและการเข้าสังคมที่ดีจะถูกวางโปรแกรมเอาไว้แล้วตั้งแต่สิบขวบปีแรก หากเราวางโปรแกรมผิดพลาด ชีวิตที่เหลือก็ผิดพลาด ตรงไปตรงมา”

ปู่ย่าตายายจะดูทีวีเป็นเรื่องของท่าน แต่หลานห้ามดูทีวี ทางเลือกคงมีเพียงสองทางคือ หนึ่ง ถ้าหลานอยู่ ปู่ย่าตายายต้องปิดทีวี นี่เป็นกติกา ถ้าอยากดูกรุณาไปดูเครื่องอื่นที่ห้องอื่น ซื้อทีวีเครื่องใหม่ให้ท่านเสียเงินน้อยกว่าการเสียเงินมารักษาสมองของลูกในภายหลัง สอง คือ ถ้าปู่ย่าตายายยืนยันหรือดึงดันจะดูทีวีตรงนั้น หลานก็ต้องออกไปที่อื่น ดีที่สุดคือไปเล่นนอกบ้าน ซ้ำจะได้การพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ กล้ามเนื้อเล็กที่ดี

ผมคิดว่ามีเรื่องหนึ่งที่บ้านเรามักเข้าใจผิด นั่นคือปู่ย่าตายายเป็นบุคคลที่เราไม่เห็นด้วยแล้วไม่สามารถต่อรองด้วยได้ แท้จริงแล้วเราควรคิดเสมอว่าท่านเติบโตมาในโลกเมื่อหกสิบปีก่อน ท่านเป็นฝ่ายต้องปรับตัวด้วยครับ

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.photos.com/

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook