"น้องฉัตร" ช่างแต่งหน้าคิวทอง ทุกก้าวของความสำเร็จเพราะมี "แม่" อยู่เคียงข้าง

"น้องฉัตร" ช่างแต่งหน้าคิวทอง ทุกก้าวของความสำเร็จเพราะมี "แม่" อยู่เคียงข้าง

"น้องฉัตร" ช่างแต่งหน้าคิวทอง ทุกก้าวของความสำเร็จเพราะมี "แม่" อยู่เคียงข้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในความสำเร็จหรือตัวตนของคนๆ หนึ่ง ถ้าลองสืบค้นไปมักมีผู้ที่อยู่เคียงข้าง หรือเบื้องหลังสิ่งเหล่านั้นเสมอ “น้องฉัตร-ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ” ช่างแต่งหน้าฝีมือติดอันดับท็อปของเมืองไทย ก็มีคนๆ หนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก  “คุณเอมอร สันสินธุ์งาม” คุณแม่ผู้อยู่เคียงข้าง และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาเดินทางมาจนถึงจุดที่ประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้

น้องฉัตร กับคุณแม่เอมอร

สำหรับคะแนนความสนิทสนมเต็มสิบ แม่-ลูกคู่นี้คงต้องจัดให้เต็มไม่หักสักแต้ม เนื่องจากไม่ว่าจะเกิดปัญหา มีเรื่องราวคาใจน้องฉัตรต้องเข้าไปขอคำแนะนำจากคุณแม่ วิธีการเลี้ยงดูแบบให้อิสระทางความคิด มอบพื้นที่ความเป็นส่วนตัวให้กับลูกเพียงคนเดียวของเธอ จึงทำให้ทั้งคู่เปิดอกคุยกันทุกเรื่อง

ช่างแต่งหน้าคิวแน่นอย่างน้องฉัตร และผู้หญิงที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเขา เมื่อมีโอกาสได้มานั่งพูดคุยกันในโมเมนต์แม่-ลูก เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ทั้งสองจะพูดคุยถึงกันว่าอย่างไร คุณแม่มีวิธีเลี้ยงลูกอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ และน้องฉัตรได้ซึมซับอะไรมาจากคุณแม่บ้าง คุณแม่ คุณลูกหลายๆ คู่น่าจะอยากสัมผัสถึงความรักของแม่-ลูกคู่นี้

พาคุณแม่ไปเที่ยว

ตอนทราบว่าท้อง คุณแม่รู้สึกอย่างไรบ้าง แพ้ท้องอยากทานหรือมีเรื่องประทับใจอะไรเป็นพิเศษบ้าง

คุณแม่ : ตอนท้องรู้สึกดีใจ ตอนนั้นอยากทานขนุนเป็นพิเศษ แล้วก็ง่วง นั่งตรงไหนอยากหลับตรงนั้น แต่จะแพ้เห็ดฟาง ไม่ทานเลย แล้วก่อนท้องน้องสาวฝันว่ามีคนเอาพระล้อมเพชรมาให้ แล้วแม่วิ่งไปแย่งรับ หลังจากนั้นแม่ก็ท้อง น้าของน้องฉัตรยังบอกว่าแม่ไปแย่งเขา เขาเลยไม่มีลูก และแม่ยังฝันเองว่ามีกุมารขอมาอยู่ด้วย เขาบอกว่า “หนูขอมาอยู่ด้วย หนูจะมาช่วย” แม่ก็บอกว่า “เอาซิ”

คุณแม่มีวิธีเลี้ยงลูกอย่างไร ตอนเด็กๆ น้องฉัตรแสดงออกชัดเจนเลยไหมว่าเขาจะเป็นเพศทางเลือก

คุณแม่ : แม่เลี้ยงลูกเหมือนทั่วไป แต่จะไม่ตามใจ ส่วนตอนเด็กๆ เขาก็แสดงออก แต่ตอนนั้นเราไม่คิดอะไรมาก เราคิดว่าเป็นไปตามประสาเด็ก เขาเป็นเด็กไม่ค่อยซน เรียบร้อย

น้องฉัตร : คุณแม่จะเลี้ยงลูกแบบให้อิสระทางความคิด ให้เราออกแบบชีวิตของเราเอง แล้วเราเป็นเด็กเรียบร้อย ค่อนข้างเป็นคนที่ตั้งใจ อยากมีอาชีพตั้งแต่เด็ก เพราะเราเห็นคุณแม่ทำงานหนัก เราจะมองคุณแม่เป็นตัวอย่าง แล้วคุณแม่ก็จะคอยแนะนำวิธีต่อยอดต่างๆ ทั้งการเก็บเงิน การทำประกัน เขาไม่ค่อยมาจุกจิกเรื่องที่เราต้องตัดสินใจเอง ถ้าไม่ถึงที่สุดแม่จะไม่เข้ามา แม่เหมือนเป็นทั้งพ่อและแม่ในคนเดียวกัน

เมื่อน้องฉัตรแสดงความชอบในแนวทางของตนเอง ตอนนั้นคุณแม่คิดว่าลูกชายแตกต่างจากลูกชายบ้านอื่นไหม

คุณแม่ : ไม่รู้สึกอะไร

น้องฉัตร :  แม่ไม่เคยปิดกั้น อย่างเราเป็นเพศชาย แต่มีความชอบเหมือนผู้หญิง แม่ก็ไม่เคยปิดกั้น ถ้าเขามองแล้วเห็นว่าเราทำแล้วเราสามารถต่อยอดในสิ่งที่เราชอบได้ แม่ก็จะสนับสนุน เคยนั่งคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่เราชอบ เราจะรู้สึกว่าคำตอบที่แม่ตอบในวันนั้นว่า “เป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ขอให้เป็นคนดีก็พอ” มันเป็นคำตอบที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องทำตัวให้ดี

ความรู้สึกในวันนั้นทำให้วันนี้เรามีโอกาส คุณพ่อคุณแม่ทุกครอบครัวคงอยากให้ลูกออกมาตรงเพศกำเนิด เมื่อแม่ให้โอกาสเราเลือกใช้ชีวิตของตัวเองแล้ว เราจึงคิดว่าต่อไปนี้เราจะใช้ชีวิตผิดพลาดไม่ได้แล้ว ต้องใช้ชีวิตแบบลูกคนหนึ่งจะทำได้ แม้เราจะไม่แมนร้อยเปอร์เซ็นต์

คุณแม่ : แม่ไม่อายนะ ไม่เห็นต้องอายเลย เวลามีคนมาพูด เป็นแบบนี้แม่สบายใจดี ถ้าเป็นผู้ชายเต็มตัว สงสัยหัวหงอกแล้ว

ของขวัญในวันพิเศษ จากใจน้องฉัตร

สิ่งที่น้องฉัตรจำได้เกี่ยวกับคุณแม่ตั้งแต่เรายังเด็กคืออะไร

น้องฉัตร : ถ้าให้พูดถึงภาพจำตอนเด็กๆ  เขาเป็นไอดอลด้านความขยัน เพราะตั้งแต่เด็กจนโตพอเราเริ่มเรียนมัธยมหรือปวช.ในช่วงนั้น แม่จะตื่นตั้งแต่เช้ามืด ออกไปทำงาน กลับบ้านเย็น เป็นคนขยันมาก แทบไม่หยุดเลย เพราะต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัว ดังนั้นเราจึงจำภาพตรงนั้นมาใช้ เราอยากทำได้ครึ่งนึงของแม่

อะไรคือสิ่งที่คุณแม่สอนแล้วน้องฉัตรจำขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้

น้องฉัตร : แม่สอนเยอะมาก จะบอกว่าทุกอย่างที่แม่สอนมันได้ใช้ประโยชน์จริงๆ เพราะแม่จะสอนว่าถ้าเรารับปากใครไว้เราต้องทำให้ได้ มีครั้งนึงเราไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ไม่ซื้อเตียงสระผมให้เราเลย ซึ่งเตียงสระผมราคาแค่ 1,500 บาทแต่เมื่อก่อนราคานี้ถือว่าราคาสูง ตอนนั้นเรารู้สึกน้อยใจ แต่แม่สอนว่า “ถ้าเราอยากได้อะไรให้เราหาเงินให้ได้ก่อน”

แล้วแม่ยังสอนเรื่องการรักษาเครดิตของตัวเอง ถ้ายืมเงินใครมาต้องรับผิดชอบ คืนทุกบาททุกสตางค์เพราะแม่จะเป๊ะกับเรื่องนี้มาก แม่จะสอนให้เราใช้ชีวิตอยู่บนพื้นที่ฐานความจริงคือมีก็บอกว่ามี ไม่มีก็บอกว่าไม่มี

น้องฉัตรกับคุณแม่

สำหรับคุณแม่การเปิดโอกาสให้ลูกได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ มีความสำคัญแค่ไหน

คุณแม่ : สำคัญ คนเราถ้าเขารักอะไร แล้วเราส่งเสริมตรงนั้น มันจะไปได้ดี แต่ถ้าเราบังคับให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ มันก็ไม่ดีหรอก ทนฝืนใจทำ

เวลาน้องฉัตรเจอกระแสดราม่า คุณแม่ให้กำลังใจลูกอย่างไร

คุณแม่ : จะบอกลูกว่าปล่อยเขา ช่างเขา ให้อยู่นิ่งๆ เราทำดีที่สุดแล้ว

น้องฉัตร : มันเคยมีเหตุการณ์ที่โดนดราม่ามากๆ ตอนนั้นเราอยู่ต่างประเทศกัน ถ้าช่วงนั้นอยู่เมืองไทยคิดว่าไฟมันคงจะลุกกว่านั้น แม่จะบอกว่าให้เราอยู่เฉยๆ เพราะเดี๋ยววันนึงจะผ่านไปเอง

คุณแม่ : ตอนนั้นถ้าตามเสียงของแม่ ถ้าเขาไม่หยุดแม่ก็จะเอานะ เรานิ่งจนสุดแล้ว ถ้าไม่หยุดเราก็เอาไง

น้องฉัตร : คุณแม่บอกว่าถ้าเขาไม่หยุด แม่จะไปแจ้งความ เราต้องบอกให้แม่ใจเย็น

ความรัก ความผูกพันของทั้งคู่

เคยทะเลาะกันหรือมีความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้างไหม แล้วทำอย่างไร

คุณแม่ : แม่นิ่ง

น้องฉัตร : เราจะเป็นคนที่ถ้าแม่ซ้าย เราขวา เหมือนจะเป็นฝั่งตรงกันข้าม แม่จะเป็นคนเงียบ ซึ่งเราก็จะได้มาเหมือนกัน เวลามีอะไรจะไม่พูด เงียบ แต่ถ้าพูดก็จะพูดแบบสุดๆ เหมือนกัน

คุณแม่ : แม่เลี้ยงลูกแบบถ้าเราพูดแล้วไม่ฟัง คุณไปเรียนรู้เอาเอง ให้เจอเอง

น้องฉัตร : พอเราเจอเองปุ๊บเราก็จะเดินไปบอกแม่ว่า มันจริงอย่างที่แม่พูดด้วย รู้แบบนี้เชื่ออย่าง

ที่แม่พูดดีกว่า ดังนั้นใครดูอยู่แนะนำว่าให้เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด อันนี้เรื่องจริงนะ

วันนี้น้องฉัตรประสบความสำเร็จแล้ว คุณแม่รู้สึกอย่างไรบ้าง

คุณแม่ : ภูมิใจ

น้องฉัตร : ภูมิใจ เราจะรู้สึกว่าแม่ขี้บ่นในตอนเด็กๆ แม่จะพูดซ้ำทำไมหลายรอบ แล้วพอเราโตขึ้นมานิสัยที่เราเห็นแม่มันก็คือนิสัยของเราเลย ดังนั้นเราเข้าใจเลยว่าการที่เขาบ่นคือความหวังดี เราจึงอยากขอบคุณแม่ในวันที่เราอยากจะเริ่มทำอะไร แม่ก็ไม่เคยปิดกั้นโอกาส

ถ้าวันนั้นแม่ตัดสินใจไม่ให้เราเดินในเส้นทางที่เราชอบ เราอาจไม่เป็นน้องฉัตรช่างแต่งหน้าที่คนรู้จักในวันนี้ เรารู้สึกว่าสิ่งที่แม่เลือกและวางให้ตั้งแต่เด็ก เป็นสิ่งที่ดีที่สุด และเราจะตั้งใจทำ แล้วเรารู้สึกว่าในโลกใบนี้เราจะไม่สามารถหาผู้หญิงคนที่ดีที่สุดได้เท่ากับแม่ของเราที่อยู่ข้างๆ เราแล้ว

มีเรื่องไหนที่เราคิดว่าเราได้มาจากคุณแม่เต็มๆ เลย

น้องฉัตร : ทุกเรื่อง อย่างที่บอกว่าแม่คือไอดอลของเรา แม่ไม่ใช่คนที่สบายก็สบายคนเดียว เขาจะห่วงยาย ญาติพี่น้อง เวลาที่ยายยังอยู่ เวลามีค่าใช้จ่ายเรื่องยา ฯลฯ แม่จะเป็นคนช่วยออก เรารู้สึกว่าแม่คือไอดอล เขาจะห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง อีกเรื่องคือการค้าขาย แม่จะเป็นแม่ค้า ลูกก็ได้มาเต็มๆ เพื่อมาต่อยอดธุรกิจ

อยากให้บอกถึงความประทับใจที่มีต่อกัน

คุณแม่ : ภูมิใจที่เขาเป็นคนดี ไม่เกเร มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

น้องฉัตร : ภูมิใจมาก ถ้าบอกว่าผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ก็คือคุณแม่ ถ้าไม่มีคุณแม่ในทุกพาร์ตของชีวิต ก็คงไม่เป็นน้องฉัตรในวันนี้ที่ได้เรียนรู้ทั้งความผิดพลาดและโอกาส ต่อไปนี้จะพยายามเชื่อแม่ให้มากกว่านี้

วันแม่ในความรู้สึกของเรามีความพิเศษอย่างไร

น้องฉัตร : วันแม่เป็นอีก 1 วัน ที่ลูกและแม่ได้มาเจอกันและระลึกถึงเรื่องราวดีๆ ที่เราได้ทำกันมาสมัยเป็นเด็ก น้องฉัตรจะตื่นเต้นมากกับวันแม่ เตรียมของขวัญให้แม่ เคยใช้กระดาษย่นพับเป็นดอกมะลิให้แม่ จะนั่งดีไซน์ว่าวันแม่ปีนี้จะเอาของขวัญอะไรให้แม่ดี เพราะทุกปีมันรู้สึกตื่นเต้น เรารู้สึกว่ามันได้เอาใจไปใส่ในความรู้สึกของเราเองจริงๆ จึงพยายามเลือกของที่ไม่ซ้ำกัน

อย่างปีก่อนให้เป็นมาลัยสวยๆ คุณแม่ก็จะบอกว่าไม่ต้องซื้อ ซื้อมาทำไม มันแพง เปลืองตังค์ ซึ่งปีนี้เราก็มีของขวัญให้แม่เหมือนกัน

มีคำแนะนำอะไรอยากฝากถึงคุณแม่ และลูกๆ บ้างไหม

คุณแม่ : อยากบอกว่าถ้าลูกเราชอบอะไรที่มันไม่ได้ผิด หรือทำให้สังคมเดือดร้อน ก็สนับสนุนเขา ซึ่งในสิ่งที่เขาชอบมันจะทำให้เขาได้ดี

น้องฉัตร : น้องๆ ที่อาจจะเหมือนน้องฉัตร หลายๆ คนรักคุณแม่ อยากให้รักมากขึ้นกตัญญูกับท่าน เพราะเรามีแม่คนเดียว เด็กๆ เราอาจจะอยู่กับแม่ แต่พอโตขึ้นมาด้วยการทำงานมันอาจทำให้เราเจอกันน้อยลง เราอยากให้ลูกๆ ที่อยู่กับคุณแม่ทำกิจกรรมร่วมกัน ทำทุกวินาทีที่เราได้อยู่กับท่านให้ดีที่สุด

คุณแม่ : อย่ารอ ทุกวันนี้โควิดน่ากลัว จากกันวันไหนไม่มีใครรู้แล้ว

นอกจากโมเมนต์น่ารักของแม่-ลูกคู่นี้ซึ่งดูไปแล้วเหมือนเพื่อนกันอย่างที่ทั้งคู่กล่าวไป นั่นคงเป็นเพราะการดูแลกันบนพื้นฐานของการเปิดโอกาส ไม่ปิดกั้น ให้อิสระทั้งความคิดและการกระทำ ทุกก้าวของน้องฉัตร จึงมีคุณแม่เป็นแรงซัพพอร์ตที่แข็งแรงอยู่เสมอ และทำให้เขามุ่งมั่นที่จะเดินไปตามเป้าหมาย จนมาถึงวันที่แม่-ลูกคู่นี้ได้เห็นผลลัพธ์อันสวยงาม

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook