Useful Indicator
เป็นที่ถกเถียงกันเยอะนะครับว่า ถ้ามีส่วนสูงเท่านี้ ควรมีน้ำหนักเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม ไม่ดูอ้วนไป ผอมไป ถามกันอย่างไรก็ไม่จบ บางคนเลือกใช้การเอาส่วนสูงเป็นเซนติเมตรลบด้วย 100 บ้าง 110 บ้าง แต่รูปร่างก็ยังดูไม่สมส่วนอยู่ดี วันนี้มาทำความรู้จักกับ ดัชนีมวลกาย (Body Mass Index–BMI) ดัชนีที่สามารถบอกภาวะน้ำหนัก ที่ทำให้เรารู้เท่าทันว่าตอนนี้ผอมไป อ้วนไป หรือเรามีรูปร่างที่พอดีแล้วครับ
การคำนวณดัชนีมวลกายสามารถคำนวณตามสูตรด้านล่างนี้ คือการเอาน้ำหนักเป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูงที่ทำให้เป็นหน่วยเมตรยกกำลังสอง
BMI = นน.เป็นกก / (ส่วนสูงเป็นเมตร)2
ตัวอย่างเช่น น้ำหนัก 70 กก.สูง 175 ซม. ก็เอาน้ำหนัก 70 เป็นตัวตั้ง หารด้วยส่วนสูงเป็นเมตร คือ 1.75 ยกกำลังสอง ได้ 3.0625 จะได้ BMI = 22.9 หลังจากนั้นนำค่านี้ไปเปรียบเทียบกับตารางแปรผล ที่กำหนดจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่กำหนดค่าปกติ ค่าบอกภาวะน้ำหนักเกิน และค่าบอกภาวะเป็นโรคอ้วนดังนี้
คำวินิจฉัย BMI
น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ : น้อยกว่า 18.5
น้ำหนักปกติ : 18.5-24.99
น้ำหนักเกิน (overweight) : 25.00-29.99
น้ำหนักเกินถึงระดับที่ต้องดูแลเสมือนเป็นโรคอ้วน (Obese) : 30
อ้วนระดับ 1 (class I) : 30.00-34.99
อ้วนระดับ 2 (class II) : 35.00-39.99
อ้วนระดับ 3 (class III) : มากกว่า 40
ดัชนีมวลการเป็นค่าเดียวกันทั้งเพศชายและหญิง โดยเริ่มพบความเสี่ยงสุขภาพสูงขึ้นกว่าปกติตั้งแต่ 25 กก./ตรม. ขึ้นไป จึงใช้ตัวเลข 25 เป็นเกณฑ์นิยามคำว่าน้ำหนักเกิน (Overweight) และพบความเสี่ยงอยู่ในระดับสูงตั้งแต่ 30 กก./ตรม.ขึ้นไป จึงใช้ตัวเลข 30 เป็นเกณฑ์นิยามคำว่าโรคอ้วน (Obesity)
สำหรับผู้ที่อ้วนเกินไปก็แสดงว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายอย่างจริงจัง อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัว เพราะนอกจากจะมีรูปร่างที่ไม่ดีแล้ว ยังอาจเป็นสาเหตุของหลากหลายโรคที่พร้อมมาเยี่ยมเยียนได้เสมอนะครับ
ข้อมูลอ้างอิง : นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ รูปประกอบ : i.telegraph.co.uk,