เตือนภัยฟิลเลอร์ปลอม ฉีดผิดชีวิตพัง อยากสวยชัวร์ ต้องของแท้ ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เตือนภัยฟิลเลอร์ปลอม ฉีดผิดชีวิตพัง อยากสวยชัวร์ ต้องของแท้ ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เตือนภัยฟิลเลอร์ปลอม ฉีดผิดชีวิตพัง อยากสวยชัวร์ ต้องของแท้ ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เพราะความสวยและความหล่อรอไม่ได้… โดยเฉพาะปัญหาริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับที่นับว่าเป็นปัญหาระดับชาติ ทำให้ต้องสรรหาวิธีชะลอความเป็นหนุ่มเป็นสาวด้วยเทคโนโลยีเสริมความงามต่างๆ ที่มีให้เลือกหลากหลาย และนวัตกรรมที่เป็นที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน คือ "การฉีดฟิลเลอร์" เพื่อเติมเต็มส่วนที่พร่องไป พร้อมปรับรูปหน้า เสริมความยืดหยุ่นให้ผิวหนังคงความอ่อนเยาว์ สวยสดใสอยู่เสมอ


นพ.วชิระ คุณาธาทร หรือหมอฟรุ๊ท
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้า ผู้คร่ำหวอดในวงการความงามมากกว่า 15 ปี กล่าวว่า “หากย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ก่อน ฟิลเลอร์ถูกใช้เพื่อการเติมเต็มเพื่อคืนความอ่อนเยาว์ หรือย้อนวัย แต่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในปี 2020 การฉีดฟิลเลอร์กลายเป็นเรื่องของการเติมเต็มความงามในแบบเฉพาะตัวของบุคคล เพื่อสร้างเอกลักษณ์ ด้วยวิธี Personalize หรือ Individualize ร่วมกับการทำ Face Design ให้กับคนไข้แบบเฉพาะ เพื่อสร้างเอกลักษณ์บนใบหน้า อาทิเช่น การเพิ่มโหนกแก้มที่สูงขึ้น คางที่สวยขึ้น การยกกระชับของแก้ม การลดความกว้างและหนาของโหนกแก้ม สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างซิกเนเจอร์ให้กับคนไข้ได้ ในปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นทางเลือกที่สำหรับคนที่ต้องการปรับโครงหน้าให้เด่นชัดโดยไม่ต้องศัลยกรรม”

สำหรับฟิลเลอร์ที่ใช้ในปัจจุบัน หมอฟรุ๊ท บอกว่า สารที่นิยมใช้มากที่สุด เรียกว่า ไฮยาลูโรนิค เอซิด (Hyaluronic Acid, HA) ที่ได้รับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีเพียงประเภทเดียว คือสารเติมเต็มแบบสลายได้ (Temporary Fillers) ซึ่งสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติไป ในเวลา 12 - 18 เดือนเท่านั้น สำหรับสารเติมเต็มแบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Fillers) และสารเติมเต็มแบบถาวร (Permanent Fillers) ไม่ได้รับการรับรองจาก อย. ให้นำมาใช้ในประเทศไทย ดังนั้นผู้บริโภคควรระวังการแอบอ้างและลักลอบนำมาใช้ในคลินิกที่ไม่รับการรับรองและมีมาตรฐาน หรือคลินิกเถื่อน หมอกระเป๋า  ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะมีราคาถูกกว่าราคาในท้องตลาด แต่จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย

 


4 จุดฮิต 3 จุดเสี่ยง ในการฉีดฟิลเลอร์

หากกล่าวถึงจุดฮิตที่สาวๆ นิยมฉีดฟิลเลอร์นั้น คุณหมอบอกว่าอันดับหนึ่ง คือ จุดที่เรียกว่า บริเวณกลางใบหน้า ประกอบด้วย แก้ม ร่องแก้ม ร่องใต้ตา  รองลงมา คือ คาง โดยคนไข้นิยมเปลี่ยนรูปของคางให้เป็นคางที่มีมุมแหลมขึ้น เชิดขึ้น ตามองศาที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนลุคและคาแรกเตอร์ได้

ในขณะที่จุดเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีโอกาสที่จะเกิดผลแทรกซ้อนที่รุนแรงมากที่สุด อันดับแรก คือ รอยย่นระหว่างคิ้ว บริเวณที่สองคือจมูก และบริเวณที่สามก็คือหน้าผาก เนื่องจากสามบริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดที่ย้อนไปเลี้ยงถึงจอประสาทตา ดังนั้นการฉีด HA Dermal Fillers โดยหมอเถื่อน หรือแพทย์ที่ขาดความเชี่ยวชาญ อาจจะทำให้สารที่ฉีดเข้าสู่เส้นเลือดและก่อให้เกิดการอุดตัน ทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงจอประสาทตา นำไปสู่อันตรายถึงขั้นตาบอดได้


รู้ทันฟิลเลอร์ปลอม สวยไม่เสี่ยง

เรามักจะได้เห็นการนำเสนอข่าว อุทาหรณ์การฉีดฟิลเลอร์ ที่ทำให้หลายๆ คนชีวิตพังมาไม่น้อย ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากกังวลใจ ซึ่งหมอฟรุ๊ทก็บอกถึงเรื่องนี้ว่า ในปัจจุบันสารไฮยาลูโรนิค เอซิด หรือ HA Dermal Fillers ที่ผลิตขึ้น มีความใกล้เคียงกับไฮยาลูโรนิค เอซิดที่ร่างกายสร้างเองมาก ทั้งยังสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ดังนั้นโอกาสที่คนไข้จะแพ้ฟิลเลอร์น้อยมากๆ ในขณะที่ปัญหาที่เราเห็นจากข่าวมักเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือเสื่อมสภาพโดยแพทย์ไม่มีความรู้ ความชำนาญพอ จนนำไปสู่การเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์และก่อให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนภายหลังการฉีด ดังนั้น ใครที่กำลังพิจารณาเข้ารับการเสริมความงามด้วยการฉีดฟิลเลอร์ คุณหมอได้ฝากคำแนะนำว่าต้องคำนึงถึงสามปัจจัยที่สำคัญที่สุด ได้แก่


1. แพทย์ต้องเชี่ยวชาญ คนไข้ต้องมั่นใจว่าได้รับบริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานประกอบการที่ได้รับมาตรฐานเท่านั้น เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการรักษาให้กับคนไข้แต่ละราย ซึ่งแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถให้คำแนะนำได้ว่าคนไข้แต่ละรายควรได้รับการรักษาแบบใดจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าเราจะได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ตามที่เราต้องการ


2. ผลิตภัณฑ์หรือตัวยาที่ใช้ต้องเป็นของแท้ และนำเข้าอย่างถูกต้องจากบริษัทที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเราได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้ และไม่เสื่อมสภาพจริงๆ นอกจากนี้ เรื่องประสิทธิภาพก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเลือกผลิตภัณฑ์ เนื่องจากทุกวันนี้มีสาร HA Dermal Fillers มากมายในตลาด  ซึ่งหากพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม และมีการวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย หมอฟรุ๊ทได้ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย

และเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ผิวหนังและความงามทั่วโลกนั่นคือ HA Dermal Fillers พรีเมียมจากประเทศสวีเดน ที่นำเข้าโดยกัลเดอร์มา เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์นี้มีการใช้อย่างแพร่หลายมากว่า 30 ปี และ มากกว่า 40 ล้านการรักษาทั่วโลกในมากกว่า 80 ประเทศ  จุดเด่นคือเป็น HA Dermal Fillers ที่เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาเรื่องการปรับรูปหน้าและแก้ปัญหาผิวพรรณแบบ Tailor Made เนื่องจากมีการผลิตด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทำให้มีไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกสภาพผิวหนังและการแก้ปัญหาผิวพรรณ ทั้งการเพิ่มปริมาณเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้ากลับมาเต่งตึง และปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ

3. ต้องรู้สุขภาพตัวเอง คนไข้ควรรู้ภาวะของร่างกายตนเอง ว่าเราควรหรือไม่ควรรับการรักษาด้วยวิธีนี้ เพราะหากเราอยู่ในช่วงที่มีสุขภาพหรือภาวะร่างกายที่มีข้อบ่งชี้ว่าไม่สามารถฉีดได้อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายมากเช่นเดียวกัน อาทิ หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่มีประวัติเป็นภูมิแพ้อย่างรุนแรง ผู้ที่มีอาการอักเสบติดเชื้อในบริเวณที่เราจะฉีดฟิลเลอร์เข้าไป ต้องรักษาอาการอักเสบติดเชื้อตรงนั้นหายก่อน เช่นในบางคนเป็นเริม หรือเป็นงูสวัด หรือเป็นสิวอักเสบที่ค่อนข้างรุนแรงเช่นสิวหัวช้าง ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกง่าย ตลอดจนผู้ที่กำลังรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ซึ่งคนไข้ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับการรักษา

นอกจากนี้ คุณหมอยังได้ทิ้งท้ายสำหรับสาวๆ ที่กำลังตัดสินใจรับการรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ว่า สำหรับเรื่องของการเสริมความงามสิ่งที่ต้องคำนึงที่สุดคือเรื่องของความปลอดภัย การตัดสินใจจากราคาอาจไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องราคาถูกเราอาจจะจ่ายน้อยในตอนแรก แต่หากมีผลแทรกซ้อนในระยะยาวจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่านั้นเป็นร้อยเท่า ที่สำคัญที่สุดคือรักษาแล้วไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ 100% ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจไปเสริมสวยหรือเสริมหล่อด้วยฟิลเลอร์ควรหาข้อมูลให้ชัดเจนและมั่นใจว่าสวยชัวร์ ปลอดภัย และไม่กลายเป็นการเดินไปสู่ความพิการหรือเจ็บป่วยที่รุนแรงมากขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook