สวยใสด้วยเคล็ดลับสไตล์วินเทจ

สวยใสด้วยเคล็ดลับสไตล์วินเทจ

สวยใสด้วยเคล็ดลับสไตล์วินเทจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สวยใสด้วยเคล็ดลับสไตล์วินเทจ
by Daaw

สาวๆ ขา ใช้ทั้งเครื่องสำอางและสกินแคร์มากันเป็นเวลานาจนจะเป็นปัจจัยที่ 6 - 7 ของชีวิตไปแล้ว ทราบหรือไม่คะ ว่าเครื่องสำอางรวมถึงสกินแคร์ที่บำรุงผิวเราๆ ท่านๆ นั้น แต่ละอย่างนั้นมีมาที่ไปอย่างไร เครื่องสำอาง หมายถึง ผลิตภัณฑ์สิ่งปรุงเพื่อใช้บนผิวหนัง หรือส่วนใดส่วนหนึ่งงของร่างกาย โดยใช้ทา ถู นวด พ่น หรือโรย มีจุดประสงค์เพื่อทำความสะอาด หรือส่งเสริมให้เกิดความสวยงาม หรือเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปลักษณะ คำว่า cosmetics มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกว่า kosmetikos ซึ่งมีความหมายว่า ตกแต่งให้สวยงามเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้พบเห็น ( คำว่าkomosแปลว่า เครื่องประดับ) เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าเครื่องสำอางแต่ละชนิดมีที่มาที่ไปอย่างไรกันบ้าง


จุดกำเนิดความงาม

การใช้เครื่องสำอางจัดเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่มีมาแต่สมัยโบราณค่ะ มีการค้นพบว่า มีการใช้เครื่องสำอางมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ จีน อินเดีย และต่อมาจนถึงปัจจุบัน แต่ละยุคสมัยนั้นมีความนิยมหรือเทรนด์ที่ต่างกันเช่นไร ในสมัยโบราณก็เช่นกันค่ะ เราจึงขอแบ่งยุคของเรื่องราวกำเนิดเครื่องสำอางค์นี้ออกเป็นยุคต่างๆ กันไป

• น้ำหอม สาวๆในยุคอียิปต์โบราณ ให้ความสำคัญกับน้ำหอมเป็นอย่างมาก นอกจากจะใช้เพื่อความงามแล้วยังใช้รักษาโรคด้วย โดยมี "Kyphi" เป็นน้ำหอมที่โด่งดังที่ฮิตแบบสุดๆ แห่งยุค ทำจากดอกไม้นานาชนิด น้ำผึ้ง ไวน์ และพืชตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ แต่น้ำหอมในยุคนี้ไม่ได้มีประโยชน์แค่การฉีด เพราะเชื่อกันว่า เมื่อดื่มน้ำหอมนี้แล้วจะช่วยรักษาโรคปอด ลำไส้ และตับได้อีกด้วย

• บำรุงผม ยุคกรีกโบราณ เทรนด์การมีผมสีบลอนด์เป็นสิ่งที่หญิงสาวทุกคนปรารถนา โดยเส้นผมที่เปล่งประกายถือเป็นความงามล้ำเลิศไม่ต่างจากปัจจุบัน แต่สีผมของสาวชาวกรีกส่วนใหญ่กลับไม่ได้เป็นสีบลอนด์สวยกัน ดังนั้นพวกเธอจึงสรรหาวิธีย้อมสีผมด้วยสารหนู และยังชำระล้างเส้นผมด้วยขี้เถ้ากับน้ำมันมะกอก และน้ำเปล่า ถือเป็นแชมพูของยุคนั้นเลยทีเดียว

• บำรุงผิว เมื่อเข้าสู่ยุคกลางสาวๆ จึงเริ่มคิดค้นสูตรความงามจากก้นครัว โดยเสาะหาสารอาหารนานาชนิดมาประทิน ผิว เช่น น้ำนมเพื่อใช้ทาใบหน้าช่วยรักษาสิวและหนอง น้ำแตงกวาช่วยกำจัดกระ แต่ที่เด็ดสุด คือการกำจัดรอยเหี่ยวย่นด้วยครีมสูตรพิเศษ ซึ่งทำมาจากขี้ผึ้ง น้ำมันอัลมอนด์ และไขมันจระเข้!

ลิปสติก ในสมัยเรอเนซองส์ สาวอิตาเลียนมีเทรนด์แก้มและปากแดงระเรื่อ พวกเธอจึงได้นำสีแดง ซึ่งย้อมจากไม้จันทน์และชาด ผสมเข้ากับขี้ผึ้งหรือไขมันจากสัตว์ ผลลัพธ์คือ สีปากและแก้มแดงสมใจนานหลายสัปดาห์ แม้จะล้างหน้าทุกวันแล้วก็ตาม เรียกว่าทาครั้งเดียวคุ้มกันไปหลายวันเลยทีเดียว

• ไวท์เทนนิ่ง ใครจะคิดว่าเทรนด์ขาวใสจะเพิ่มมาฮิตเอาช่วงนี้ คิดผิดถนัดเลยค่ะเพราะเทรนด์นี้ฮิตมาตั้งแต่สมัยเสปนเรืองอำนาจหรือยุคทองของสเปนกันแล้วโดยหญิงสาวจะนิยมให้ตัวเองมีผิวขาวเนียนเรียบดุจเครื่องปั้นดินเผา พวกเธอจึงจึงรับประทานดินเหนียว แม้ว่าจะทำให้หญิงสาวหลายคนต้องเสียชีวิตด้วยโรคโลหิตจางก็ตาม

• แป้งแต่งหน้า ในปลายศตวรรษที่ 18 สตรีชั้นสูงของฝรั่งเศส รวมถึงพระนางมารีอังตัวเน็ต ต่างหลงใหลผิวพรรณที่เกลี้ยงเกลาดุจหินอ่อน พวกเธอนิยมผัดหน้าจนหนาเตอะ ด้วยผงแป้งที่ทำมาจากส่วนผสมต่างๆที่มีสีขาว เช่น ตะกั่ว แป้งโรยตัวบดละเอียด โดยนำมาผสมเข้ากับขี้ผึ้ง ชั้นไขมันของปลาวาฬ หรือน้ำมันสกัดจากผัก เพื่อให้เนื้อแป้งข้นเหนียว จนสามารถยึดติดกับผิวหน้าแบบว่าเป๊ะได้ทั้งวัน

• มาสคาร่า ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 นักทำน้ำหอม "ยูจีน ริมเมล" เป็นผู้คิดค้นมาสคาร่าแบบเนื้อเค้กเป็นครั้งแรกของโลก โดยทำมาจากเขม่าถ่านหิน ผสมกับสบู่ก้อนเล็กเท่าลูกเต๋า เวลาใช้งานต้องทำให้ขนแปรงเปียก และถูกับเนื้อเค้ก แล้วค่อยนำมาปัดขนตา เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมเพื่อขนตาของสาวๆในยุคนั้นที่ฮิตกันมาจนปัจจุบันนี้เลย


ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่งฉันท์ใด สาวๆ ในแต่ละยุคแต่ละสมัยต่างก็สรรหาหนทางที่จะทำให้ตัวเองสวยขึ้นๆ กันทั้งนั้น แต่สมัยนี้ต่างกับยุคก่อนตรงที่เรามีวิทยาการใหม่ๆ มากมายมาช่วยให้เรื่องของความสวยกลายเป็นเรื่องที่ง่ายและปลอดภัยมากกว่าสมัยก่อนที่ต้องลองถูกลองผิดกันเยอะ แต่อย่างไรก็ตามสวยภายนอกสร้างได้แล้วสาวๆ ก็อย่าลืมสวยจากภายในทั้งจิตใจและอารมณ์ด้วยนะคะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook