รักร่วม(สุข)เพศ (ขายรักชาย)

รักร่วม(สุข)เพศ (ขายรักชาย)

รักร่วม(สุข)เพศ (ขายรักชาย)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รักร่วม(สุข)เพศ (ตอนที่ 1)
นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล



เปิดฉากต้อนรับปีใหม่ด้วยเรื่องที่หลายคนอ่านชื่อเรื่องแล้วอดขำไม่ได้ว่าเริ่มต้นปีก็พูดกันถึงเรื่องแบบนี้เลย ผมตั้งใจหมายถึงการส่งเสริมสุขเพศของคนบางกลุ่ม ซึ่งก็คือกลุ่มรักร่วมเพศนั่นเองครับ คุณคงได้ฟังเรื่องราวของพวกเขาเหล่านี้มานานพอสมควรแล้ว ปัจจุบันมีการแสดงออกสู่สังคม และมีการเรียกร้องสิทธิต่างๆ มากขึ้น ความจริงแล้วถึงแม้ว่าพวกเขาหรือพวกเธอเหล่านั้นจะมีรสนิยมทางเพศที่ไม่เหมือนชายหญิงทั่วไป แต่ก็ยังเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ถือว่ามีคุณค่าและมีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันกับคนอื่นๆ จริงไหมครับ

มีแฟนของนิตยสาร HealthToday ได้เขียนจดหมายมาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นคำถามค้างคาในใจมานานพอสมควร กับการให้การยอมรับเพศที่สาม ซึ่งอาจไม่ได้รับการยอมรับจากคนในสังคม ที่สำคัญเมื่อเกิดเรื่องเหล่านี้ กับตัวเองก็อาจมีความรู้สึกรับตัวเองไม่ได้และเป็นทุกข์ใจ ดังนั้นเรื่องราวในเดือนนี้จะได้กล่าวถึงเรื่องวิธีการสังเกตและการยอมรับว่าตนเองเป็นรักร่วมเพศหรือไม่ โดยเน้นเรื่อง “เกย์” ก่อนครับ

ความหมายของเกย์

คำเดียวที่สั้นๆ ง่ายๆ สมัยก่อนกว่าจะพูดคำนี้ออกมาได้ก็ต้องกระมิดกระเมี้ยนหรือแอบพูด ออกมา แต่ในปัจจุบันเป็นคำที่ใช้กันทั่วไป และน้อยคนที่จะรู้สึกอายหรือกระดากปากที่จะต้องพูดคำนี้ แต่ก็มีอีกหลายคำที่มีความหมายคล้ายๆ กัน แต่ผู้ที่เป็นก็ไม่ค่อยอยากให้ใครมาเรียกตนเองแบบนั้น เช่น กระเทย หรือตุ๊ด เป็นต้น เพราะถ้าคุณลองฟังน้ำเสียงของคำเหล่านี้ดีๆ จะรู้สึกว่าบางครั้งเป็นการดูถูกหรือรังเกียจเสียมากกว่าการยอมรับ

คำว่า เกย์ หมายความถึงคนที่ชอบเพศเดียวกัน โดยเฉพาะกลุ่มของชายรักชาย (รักในที่นี้หมายความรวมถึง การใช้ชีวิตร่วมกัน หรือการมีเพศสัมพันธ์กันด้วย) ซึ่งเป็นคำที่ใช้รวมๆ ไม่ว่าจะแสดงออกหรือไม่แสดงออกก็ตาม ในอดีตมีการแบ่งออกเป็น เกย์คิง ซึ่งหมายถึง คนที่เป็นเกย์และมีพฤติกรรมในทางเพศที่แสดงออกเป็นฝ่ายผู้ชาย หรือ “เป็นฝ่ายรุก” ส่วนเกย์ควีน นั่นก็อยู่ตรงกันข้ามคือเป็น “ฝ่ายรับ” เสียมากกว่า ปัจจุบันทราบว่าไม่มีการแบ่งแยกกันแล้ว เพราะใช้ปะปนกันไปมาและดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยแคร์ว่าใครเป็นฝ่าย “รับ” หรือ “รุก” แล้ว แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันก็คือเพื่อให้เกิดความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย

เป็นเกย์แล้วผิดปกติหรือ?

คำถามนี้ดูเหมือนจะฮ็อตฮิตมาทุกยุคทุกสมัย เพราะคนส่วนใหญ่ (และที่แน่ๆ คนที่ดูเหมือนว่าจะเดือดร้อนที่สุดก็คือคนในครอบครัว) คิดว่าการที่ลูกเป็นเกย์ เป็นการมีชีวิตในทุกด้านที่วิปริตผิดเพศ (ทั้งที่ยังไม่เคยมีประวัติศาสตร์หน้าไหนจารึกว่าการเป็นเกย์นั้นเป็นสิ่งเลวร้าย) แน่นอนว่ามันดูจะไม่เป็นไปตามธรรมชาติที่ควรเป็น แต่ทว่าน่าจะเปิดใจให้กว้าง มองหลายๆ ด้าน แทนที่จะคิดว่าพวกที่เป็นเกย์เป็นพวก sexวิปริต สำส่อน หรือเป็นพวกอารมณ์ร้ายหรือแปรปรวนเสมอไป ลองหลับตานึกดีๆ ว่า ที่กล่าวมานั้น ชายหรือหญิง(แท้ๆ)มีลักษณะอย่างที่กล่าวมาบ้างหรือไม่ ความจริงก็คือ “มี” เหมือนกันครับ ดังนั้นความเชื่อแบบเหมารวมว่าเกย์เป็นพวกวิปริตนั้นมาจากความคิดของคนเพียงไม่กี่คนที่พูดต่อๆ กันไป โดยที่ไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานที่ชัดเจนมาพิสูจน์ว่าเกย์นั้นวิปริตหรือทำให้สังคมตกต่ำอย่างใด อันที่จริงถ้าเราสังเกตผลงานต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องงานบันเทิง ความสวยความงาม หรืองานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์นั้น พบว่ากลุ่มคนที่เป็นเกย์มักจะทำได้ดีกว่าเพศไหนๆ เสียอีก แม้แต่อาชีพหลักๆ ทั่วไปก็มีเกย์แฝงอยู่มากมายทุกระดับโดยที่ไม่ได้สร้างความเสื่อมเสียอะไรเลย ถึงตอนนี้คุณคงได้คำตอบแล้วว่าเป็นเกย์แล้วผิดจริงหรือไม่

เพราะอะไรสังคมถึงไม่ค่อยยอมรับเกย์

คำตอบง่ายๆ ก็คือ การมองในมุมแคบอย่างที่กล่าวมาแล้ว และบางครั้งก็ไปมองลักษณะ นิสัยของเกย์บางคนที่มักจะทำตัว “เว่อร์ๆ” สำส่อน หรือเป็นคนเจ้าอารมณ์ มาคิดเหมารวมกับคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น ผลที่ตามมาคือ คนที่สงสัย ไม่แน่ใจว่าตนเองจะเป็นเกย์หรือไม่ เกิดความรู้สึก กระอักกระอ่วนในใจ หรือต้องทนทุกข์กับการแอบๆ ใช้ชีวิต หรือต้องคอยวางท่าทีให้ดูเป็นผู้ชายอยู่เสมอ เพราะกลัวสังคมจะรู้และรังเกียจ ดังนั้นเราอาจจะได้เห็นว่าบางคนในบางสังคมจะมีท่าทีเดินตัวเกร็งๆ แข็งๆ เพื่อปกปิดพฤติกรรม หรือบางคนก็แสดงอาการ “เป็นแมน” มากเกินไป (Hypermusculine) จนทำให้น่าหมั่นไส้ ผมคิดว่านี้เป็นเรื่องของความมั่นใจ ถ้าคุณมั่นใจในตัวเองดี ก็ไม่เห็นต้องแคร์อะไรมากมายโดยเฉพาะสังคม แต่ทั้งนี้ก็ต้องให้อยู่ในความเหมาะสมด้วย ไม่ใช่บอกไม่แคร์ก็เลยแสดงออกมากจนน่าเกลียด หรือน่าหมั่นไส้

การเป็นเกย์มีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่

บ่อยครั้งที่คนถามคำถามนี้ เมื่อนึกถึงคนที่ตกอยู่ในห้วงของความสับสนไม่แน่ใจเหล่านี้ ล้วนแต่น่าสงสารมากครับ เพราะเขาคงรู้สึกทรมานใจ หรือมีชีวิตอยู่แบบสองจิตสองใจ อยากรู้อะไรให้มันชัดๆ ไปเลยดีกว่า แต่ขณะเดียวกันบางคนก็อาจปฏิเสธการรับรู้เหล่านั้นเพราะคิดว่าเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวด

ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าการเป็นคนรักร่วมเพศนั้นมีสาเหตุมาจากในสมองบางอย่างหรือพันธุกรรมเป็นตัวกำหนด อย่าเรียกว่าเป็นความผิดปกติเลย เพราะว่าความแปลกในสมองที่ว่านี้ส่งผลต่อความคิดอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของคนๆ นั้นและสังคมด้วย เช่น การมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี ความสามารถในการเรียนต่างๆ ที่ไม่แพ้หรืออาจจะดีกว่าคนที่เป็นเพศชายหรือเพศหญิงจริงๆ เสียอีก ดังนั้นคำตอบคือสิ่งที่กล่าวมานี้ส่วนหนึ่งและคิดว่าเป็นส่วนใหญ่ที่เกิดจากในสมองเป็นตัวกำหนดความรู้สึก (Sexual orientation) นอกจากนี้ก็น่าจะเกิดจากการเลี้ยงดู เช่นลูกชายที่ไม่สนิทกับพ่อเลยหรือเกลียดพ่อ และเลียนแบบพฤติกรรมของแม่มานาน จนพัฒนาจิตใจ อารมณ์ความรู้สึกเป็นผู้หญิงไปแล้ว อย่างไรก็ตามการศึกษายังไม่สิ้นสุดว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริง เพราะบางคนพัฒนาการทางด้านจิตใจก็ดูเหมือนปกติไม่ได้มีปัญหากับบิดา แต่ก็ยังมีอารมณ์ความรู้สึกชอบเพศเดียวกัน โดยดูเหมือนจะเป็นปฏิกิริยาตอบสนองตามชีวภาพ (Biological response) เหมือนที่ฮอร์โมนเพศชายทำให้มีความรู้สึกทางเพศกับเพศหญิง เป็นต้น

มีวิธีสังเกตได้อย่างไรว่าตนเองเป็นเกย์

มีผู้พยายามหาวิธีการทดสอบมากมาย เช่น การสังเกตกิริยาท่าทาง การเดิน การพูด การแต่งตัว การใช้ชีวิต และเอามาคิดเป็นคะแนนข้อๆ ซึ่งถูกบ้างผิดบ้าง แม้จะถูกแต่เจ้าตัวก็อาจปฏิเสธว่าไม่ใช่ บางคนพบว่าแต่งงานมีภรรยาไปหลายปี มีลูกด้วยกันหลายคน แต่ในที่สุดก็สารภาพว่าชอบเพศเดียวกัน หรือบางคนแต่งไปแล้วอยู่ด้วยกันก็ยังแอบไปมี sex กับเพศเดียวกันอยู่เลย ความจริงแล้วไม่เห็นว่าจะต้องไปยุ่งเรื่องของใครว่า จะเป็นหรือไม่เป็น เพราะเป็นสิทธิส่วนตัว แต่มนุษย์เรามักจะอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นโดยเฉพาะเรื่องที่เขาปกปิด (แต่มักไม่ค่อยอยากรู้เรื่องของตนเองสักเท่าไร หรือเวลาใครมาทำท่าอยากรู้อยากเห็นก็ไม่พอใจ ยกเว้นคนที่ชอบเล่าหรือชอบแฉเรื่องราวชีวิตของตนเองที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น ถึงกับตีพิมพ์ขายให้คนอื่นอ่านเพื่อความมันสะใจ แต่ไร้ประโยชน์) ความจริงแล้วคนที่จะตอบได้ดีที่สุดว่าตนเองเป็นเกย์หรือไม่นั้นก็คือเจ้าตัวนั่นเอง ส่วนแบบทดสอบอะไรต่างๆ นั้นเป็นแค่ส่วนประกอบ ไม่น่าเชื่อถือมากนัก

วิธีการทดสอบก็คือ หาช่วงเวลาที่สบายใจ ปลอดจากความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าหรือความเครียดจากเรื่องต่างๆ แล้ว ลองหลับตานึกภาพเวลาที่ตนเองถูกกระตุ้นให้มีความรู้สึกทางเพศ หรือกำลังร่วมเพศแบบมีความสุขอย่างเต็มที่ ภาพที่ปรากฏในจินตนาการของคุณนั้นเป็นเพศชายหรือเพศหญิง ถ้ารู้สึกว่านึกถึงภาพของเพศชาย (อย่างที่ตนเองชอบหรือสามารถกระตุ้นความรู้สึกได้ดี) ก็แสดงว่าคุณเป็นเกย์แน่นอน แต่บางคนที่ยังไม่ยอมรับแม้แต่ในจินตนาการของตนเองก็อาจจะบอกได้ค่อนข้างยาก แต่วิธีนี้หลายรายที่ไม่ยอมรับปรากฏว่าลองทำดูก็ออกอาการ “ อึ้ง” ไปเล็กน้อย เพราะเริ่มรู้ความจริงว่าตนเองชอบอะไรกันแน่ นอกจากนี้บางคนที่บอกว่านึกถึงทั้งชายทั้งหญิง ก็น่าจะเข้าข่ายไบเซ็กส์ชวล(Bisexual) คือชอบทั้งสองเพศ แต่จากการศึกษาพบว่ากลุ่มไบเซ็กส์ชวลนี้ก็มีแนวโน้มชอบเพศชายมากกว่าเพศหญิง ขณะที่บางคนก็ให้คำตอบว่านึกไม่ออกหรือไม่นึกถึงเพศใดเลย ซึ่งอาจเป็นความกล้าๆ กลัวๆ หรือไม่ก็จัดเข้ากลุ่มไร้sex หรือ asexual ก็มี ดังนั้นเรื่องในใจของคุณถ้าไม่รู้สึกทุกข์มากนักก็ไม่เห็นต้องไปเร่บอกใคร หากใครสังเกตได้ก็เรื่องของเขาไม่ต้องไปเดือดร้อนมากนัก เชื่อว่าสมัยนี้มีการยอมรับมากขึ้น ขอให้ทำหน้าที่ของตนหรือรับผิดชอบตนเองให้ดีที่สุด แล้วสิ่งดีๆ ในชีวิตก็จะตามมาเอง ขอเพียงอย่าเพิ่งท้อถอย และต้องเป็นตัวของตัวเอง กล้าคิดกล้าตัดสินใจบ้าง การทำตัวให้เป็นที่พึงพอใจของคนอื่นโดยที่ตนเองต้องทนอยู่กับความทุกข์ ทั้งที่เรื่องแบบนี้มิใช่เรื่อง เลวร้ายดังที่กล่าวมาข้างต้น เป็นการทำร้ายตนเองทางอ้อมและไม่ส่งผลดีต่อชีวิตคุณ แม้จะทำให้คนอื่นพอใจก็ตาม

เกย์กับชีวิต sex

เมื่อรับรู้ว่าตนเองเป็นเกย์แล้ว หลายคนคงกังวลว่าจะมีชีวิตรัก (หรือ sex) อย่างไร ก็ขอบอกว่าไม่ต้องกังวลมาก เพราะถึงเวลาก็มาเองล่ะครับ เพียงแต่ต้องเตรียมใจยอมรับถึงความไม่แน่นอน ของชีวิตคู่ที่อาจมีโอกาสยั่งยืนน้อย แต่ก็มิใช่ไม่มี แต่อาจจะยากลำบากกว่าเพศชาย-หญิง เพราะต้องประกอบด้วยการยอมรับของครอบครัวและสังคมของแต่ละฝ่าย สิ่งแวดล้อมที่อยู่ หรือค่านิยมบางอย่างที่ทำให้บางครั้งเพศที่สามมีการเปลี่ยนคู่ค่อนข้างบ่อย อาจจะเนื่องมาจากค่านิยมหรือปัจจัยภายในตัวของคนๆ นั้น คือการพัฒนาการทางด้านจิตใจที่อาจจะมีปัญหา ทำให้การคิดลงเอยกับใครสักคนหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็มีบางคนแม้จะเป็นส่วนน้อยสามารถปรับตัวได้ดี เข้าใจชีวิต และรู้จักเลือกคู่ที่สามารถไปด้วยกันยั่งยืนได้ตลอดรอดฝั่ง ความจริงก็ไม่ต่างจากคู่ชายหญิงมากมาย ที่มีปัญหาความไม่ลงรอยกันในปัจจุบัน

แต่ต้องย้ำอีกเรื่องว่า sex ของเกย์ในปัจจุบันมีอัตราการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรคเอดส์ เป็นอันดับต้นๆ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังให้ดี เพราะปัจจุบันมีแหล่งท่องเที่ยวที่เสี่ยงๆ มารองรับความบันเทิงทางเพศของเกย์มากมายกว่าในสมัยก่อนนัก หรือบางคนก็ใจกล้าหน้าทนสามารถหาคู่นอนให้กับตนเองเก่งมาก ชนิดไม่เลือกสถานที่และเวลา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงทั้งสิ้น ทางป้องกันที่ดีที่สุดคือ อย่าลืมมีสติด้วยทุกครั้งที่กำลังจะมี sex เพราะเวลาเกิดอารมณ์ทางเพศ แม้จะมีความรู้มากแค่ไหนหากสติมาไม่ทัน เมื่อคุณพลาดไปแล้วคนที่เสียใจที่สุดก็คงไม่พ้นคุณและคนที่เขารักคุณนั่นเอง

ในฉบับต่อไปยังคงมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับคนที่เป็นรักร่วมเพศครับ ใครที่กำลังมีปัญหาในใจหลังจากอ่านบทความนี้ แล้วลองทำความเข้าใจ ให้เกียรติ และรักตัวเองมากๆ คุณจะพบว่าการเป็นเกย์มิใช่สิ่งที่เลวร้ายแต่อย่างใด และเป็นเพศที่สามารถมี sex อย่างมีความสุขได้ไม่แพ้ชายจริงหรือหญิงแท้ และอย่าลืมทำตัวให้เป็นกลุ่มรักร่วม(สุข)เพศที่มีคุณภาพของสังคมด้วยนะครับ




+ สนุก! ถอดรหัสร้อน ถอดรหัสรัก แบบทดสอบ ตัวคุณ โทร. 1900 888 090

เซ็กส์ของคุณเป็นแบบไหน? คุณหรือเขาเป็นเกย์หรือเปล่า?..และแบบทดสอบความรัก เซ็กส์อีกมากมาย



+ สนุก! สายสุขภาพทางเพศ โทร. 1900 888 185
Hotline นกเขาไม่ขัน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เรื่องจุดสุดยอด Gay Homosexual และสารพันปัญหาอื่นๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook