เด็กควรเรียนกี่ชั่วโมง เพื่อการเรียนรู้ที่ยั่งยืน

เด็กควรเรียนกี่ชั่วโมง เพื่อการเรียนรู้ที่ยั่งยืน

เด็กควรเรียนกี่ชั่วโมง เพื่อการเรียนรู้ที่ยั่งยืน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรื่องเรียนของเด็กๆ ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยต่อยอดการเรียนรู้และช่วยให้เขาใช้เพื่อประกอบอาชีพได้ในอนาคต พ่อแม่จึงควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก วันนี้ Hello คุณหมอ มาชวนคุณพ่อคุณแม่ไปดูกันว่าในหนึ่งวันเด็กๆ ควรทำอะไรบ้าง นอกจากเรียนแล้ว เด็กควรเรียนกี่ชั่วโมง เพื่อให้การเรียนได้ประสิทธิภาพ

สิ่งที่คุณช่วยให้ลูกเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อลูกๆ ต้องเข้าโรงเรียน แน่นอนว่าต้องมีสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ และต้องการความช่วยเหลือจากผู้ปกครอง คุณแม่มือใหม่ทั้งหลายอาจจะทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากอะไร ควรเริ่มสอนพวกเขาจากอะไร เรื่องเรียน เรื่องสอบ ถือเป็นเรื่องที่เครียดที่สุดสำหรับเด็กๆ ในวัยเรียน ต่อไปนี้ คือ สิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยในเรื่องของการเรียนพวกเขาได้ดังนี้

สร้างสิ่งแวดล้อมให้น่าเรียนรู้

การทำให้การเรียนของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันจะช่วยให้เด็กๆ มีการเรียนรู้ที่มากขึ้น เหมือนว่าสิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องทำในทุกๆ วันและควรหาเวลา สถานที่ในการเรียนรู้ที่เหมาะสม ซึ่งบริเวณโดยรอบ หรือว่าห้องที่เรียนรู้ไม่ควรมีสิ่งดึงดูดความสนใจของเขา เช่น หนังสือการ์ตูน วิดีโอเกมส์ ที่สำคัญโต๊ะที่ใช้เรียนต้องมีความเพียบพร้อม นั่งสบาย และสามารถวางอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นได้ครบถ้วน

เรื่องของบรรยากาศก็เป็นอีกเรื่อง ที่ต้องวางทิศทางของโต๊ะให้มีแสงที่เพียงพอ บรรยากาศการจัดห้องต้องมีความสบาย ไม่ตึงเครียด และเด็กๆ ส่วนใหญ่ชอบที่จะให้มีเสียงเพลงขณะนั่งอ่านหนังสือหรือทำการบ้าน เพราะจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ดังนั้นควรเลือกเพลงบรรเลงคลาสสิค ควรหลีกเลี่ยงเพลงที่มีเนื้อร้องเพราะเด็กจะจดจ่อกับเนื้อร้องมากเกินไป

ทำให้เด็กๆ สนุกไปกับการเรียนรู้

พ่อแม่ ผู้ปกครอง ต้องพยายามช่วยพวกเขาให้ฝึกทักษะที่จำเป็นต่างๆ ด้วยกิจกรรมที่มีความสนุก เช่น เมื่อไปเที่ยวด้วยกัน พ่อแม่ลองฝึกให้เขาใช้แผนที่แล้วเป็นผู้นำในการเดินทางเที่ยวในครั้งนี้ ตามแผนที่วางไว้ ว่าจะเริ่มจากที่ไหนแล้วไปที่ไหนต่อ ซึ่งเขาจะได้เรียนรู้เรื่องของทิศทางและการบอกเล่า แถมยังได้ทักษะในการเป็นผู้นำอีกด้วย หรือในช่วงเวลานั้นชั้นเรียนของเขากำลังเรียนเรื่องต้นไม้ ดอกไม้ ส่วนประกอบของต้นไม้ หรือว่าระบบชีววิทยา

ดังนั้นพ่อแม่อาจชวนเขาไปเล่นที่สวน โดยเริ่มสอนเขาจากสิ่งที่สังเหตุเห็นอย่างต้นไม้ ดอกไม้ แล้วค่อยๆ อธิบายว่า กว่าจะเป็นดอกไม้มีขั้นตอนอะไรบ้าง สิ่งที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้มีอะไรบ้าง ซึ่งเป็นการเรียนที่จะสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับเขาได้

การจัดการเวลา

การเรียนรู้ ไม่ใช่แค่เรียนรู้เพื่อนำไปทำข้อสอบเท่านั้น แต่เป็นการฝึกระยะยาวเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งการทบทวนสิ่งที่เรียนรู้ในแต่ละวันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ควรที่จะต้องทำในทุกๆ วัน แต่ก่อนที่พ่อแม่จะไปจัดตารางเวลาให้เด็กๆ พ่อแม่ควรถามความรู้สึกของพวกเขาว่ารู้สึกอย่างไร หลังจากกลับจากโรงเรียน ว่าเหนื่อยไหม หรือต้องการพักหรืออยากที่จะเรียนหรือทำกิจกรรมต่อ

การรู้จักลูกอย่างดี ก็จะช่วยให้พ่อแม่จัดการกับเรื่องตารางเวลาได้ง่ายขึ้น และควรจัดให้เหมาะสมกับลูกของคุณ เพราะเด็กแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป เมื่อถึงเวลาทบทวนสิ่งที่เรียนมาควรใช้เวลา 25 นาทีแล้วพักเบรก เพราะในวัยเด็กระบบความทรงจำเขายังสั้นจึงต้องมีช่วงพักเบรก เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดจนเกินไป

เด็กควรเรียนกี่ชั่วโมง จึงเหมาะสม

เรื่องเรียนเป็นเรื่องที่เด็กในวัยเรียนกังวลเป็นที่สุด พ่อแม่เองก็กังวลไม่แพ้กัน หลายๆคนมีความสงสัยว่า พวกเขาควรเรียนวันละกี่ชั่วโมงถึงจะมีประสิทธิภาพต่อเขา ซึ่งจากสถิติแล้วเด็กส่วนใหญ่ใช้เวลาในห้องเรียน 6.7 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเด็กที่อายุแตกต่างกันเวลาในการเรียนก็จะต้องมีความแตกต่างกันไป

หากเป็นเด็กๆในวัยอนุมาลไม่ควรใช้เวลาในห้องเรียนมากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะที่เด็กที่อายุมากกว่านั้นเวลา 8 ชั่วโมงถือว่าเป็นเวลาที่พอเหมาะในการเรียนรู้ในห้องเรียน ในวัยที่โตขึ้น...พวกเขาก็จะคิดและเข้าใจเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้น

ในหนึ่งวันเด็กๆ ควรทำอะไรบ้าง

ในหนึ่งๆวันเด็กควรมีกิจกรรมใดๆ บ้างนอกจากการเรียน อย่างแรก คือ เรื่องการบ้าน ในแต่ละระดับก็จะมีเวลาในการทำการบ้านที่แตกต่างกันออกไป โดยเพิ่มขึ้นระดับชั้นละ 10 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่แนะนำ และ การออกกำลังกายถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เพราะจะช่วยในการพัฒนาระบบกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นการออกกำลังกายหรือกีฬาชนิดใดชนิดหนึ่ง เป็นเพียงกิจกรรมกรรมการการเคลื่อนไหวร่างกายก็ได้ ซึ่งเวลาที่แนะนำ คือ 60 นาทีต่อวัน ซึ่งเวลานี้ถูกกำหนดขึ้นโดยสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา

การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเฉพาะห้องเรียนเท่านั้น การเรียนรู้นอกห้องเรียน เรียนรู้จากธรรมชาติก็ถือเป็นเรื่องจำเป็น เด็กบางคนชอบที่จะทำกิจกรรมแบบอินดอร์มากกว่า ซึ่งงานวิจัยหลายตัวบ่งบอกว่าการอยู่แต่ในร่ม หรือใช้เวลาอยู่ในร่มมากไปจะมีปัญหาโรคอ้วน พฤติกรรมรุนแรง และเรื่องสายตา ซึ่งเวลาที่ควรใช้ทำกิจจกรรมเอาท์ดอร์ คือ 60 นาทีต่อวัน

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัย หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook