เมื่อ ลูกดูดนิ้ว ไม่ยอมเลิก พ่อแม่จะจัดการกับพฤติกรรมนี้ได้อย่างไรบ้าง

เมื่อ ลูกดูดนิ้ว ไม่ยอมเลิก พ่อแม่จะจัดการกับพฤติกรรมนี้ได้อย่างไรบ้าง

เมื่อ ลูกดูดนิ้ว ไม่ยอมเลิก พ่อแม่จะจัดการกับพฤติกรรมนี้ได้อย่างไรบ้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เด็กมักมีพฤติกรรมบางอย่างที่กระทำจนติดเป็นนิสัย หรือบางครั้งแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว หนึ่งในนั้นก็คือ การดูดนิ้ว ที่เด็กหลายคนชอบทำเป็นประจำ และคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจ เพราะถือว่าเป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติของเด็ก ไม่ว่าเด็กที่ไหนก็ทำกัน แต่ในความเป็นจริง คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตและใส่ใจพฤติกรรมการดูดนิ้วของลูกให้มาก เพราะหากปล่อยให้ ลูกดูดนิ้ว จนติดเป็นนิสัยและเลิกไม่ได้ ก็อาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพได้เช่นกัน

ทำไมเด็กถึงชอบดูดนิ้ว

การดูด ถือเป็นสัญชาตญาณและปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติของเด็ก จึงไม่แปลกที่บ่อยครั้งเราจะเห็นภาพทารกขดตัวดูดนิ้วอยู่ในท้องแม่ หรือพยายามคว้านั่นนี่เข้าปากตั้งแต่ลืมตาดูโลก อาการอยากดูดนี้จะค่อยๆ ลดลงเมื่อเด็กทารกมีอายุได้ 6 เดือน แต่เด็กส่วนใหญ่จะยังคงติดดูดนิ้วอยู่เหมือนเดิม โดยเฉพาะตอนจะนอน หรือเคลิ้มหลับ เพราะการดูดนิ้วทำให้เด็กรู้สึกสงบ ผ่อนคลายและปลอดภัย และเมื่อโตขึ้น การดูดนิ้วของเด็กยังกลายเป็นเครื่องแสดงอารมณ์ หรือระบายความรู้สึก ที่เด็กใช้เมื่อหิว หงุดหงิด หวาดกลัว เหนื่อยล้า หรือแม้กระทั่งเมื่ออยากเรียกร้องความสนใจ

ลูกติดดูดนิ้ว เมื่อไรที่พ่อแม่ควรห้ามปราม

สำหรับเด็กทารก หรือเด็กก่อนวัยเรียน การดูดนิ้วถือเป็นเรื่องปกติ เด็กส่วนใหญ่จะเลิกดูดนิ้วไปเองเมื่ออายุได้ 6-7 เดือน หรือ 2-4 ปี แต่หากลูกของคุณดูดนิ้วบ่อย จนเริ่มมีปัญหาในการพูด ปัญหาสุขภาพฟัน นิ้วที่ชอบดูดเริ่มมีผิวหนังแข็งด้าน หรือลูกของคุณอายุเกิน 5 ขวบแล้วยังติดดูดนิ้วอยู่ คุณพ่อคุณแม่ควรรีบหาวิธีแก้ไขให้ลูกหยุดดูดนิ้วทันที การดูดนิ้วนี้นอกจากจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ ยังอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าลูกคุณกำลังมีปัญหาหรือโรคทางอารมณ์ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละเลย

ปัญหาสุขภาพที่มาพร้อมการดูดนิ้วของเด็ก

แม้การดูดนิ้วจะช่วยให้เด็กผ่อนคลาย แต่หากปล่อยให้ลูกดูดนิ้วจนอายุเข้า 5-6 ปีซึ่งเป็นวัยที่ฟันแท้เริ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและพัฒนาการทางร่างกายของเด็ก โดยเฉพาะในช่องปาก เช่น ทำให้ฟันบนและฟันล่างเปิดห่างจากกันขณะสบฟัน หรือที่เรียกว่าฟันสบเปิด ทำให้ฟันหน้าบนยื่น ขากรรไกรพัฒนาผิดรูป เพดานปากผิดปกติ จนส่งผลให้ไม่สามารถเคี้ยว กลืนอาหาร หรือออกเสียงพูดได้ตามปกติ อีกทั้งเชื้อโรคจากนิ้วยังสามารถทำให้เด็กเจ็บป่วย เช่น หูอักเสบจนถึงขั้นต้องผ่าตัดรักษาได้อีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อเด็กติดดูดนิ้วจนแสดงพฤติกรรมนี้ที่โรงเรียน อาจทำให้เพื่อนคนอื่นรังเกียจ จนเด็กมีปัญหาด้านจิตใจหรือการเข้าสังคมได้อีกด้วย


วิธีหยุดไม่ให้ ลูกดูดนิ้ว

กว่าเด็กจะเลิกดูดนิ้วถาวรได้อาจต้องใช้เวลานาน เด็กจะเลิกดูดนิ้วได้ช้าหรือเร็วนั้น นอกจากอายุและความสามารถของเด็กเองแล้ว ความช่วยเหลือและกำลังใจจากคุณพ่อคุณแม่ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ คุณจึงไม่ควรเร่งรัด หรือบังคับลูกจนเกินไป แต่ควรใช้วิธีเหล่านี้

  • อย่าบ่นหรือลงโทษเวลาที่ลูกดูดนิ้ว เพราะอาจทำให้เด็กเครียดและเก็บกดจนดูดนิ้วบ่อยกว่าเดิม
  • ลดโอกาสที่อาจทำให้ลูกดูดนิ้ว เช่น หากลูกดูดนิ้วเพราะเครียด ก็ช่วยกันกำจัดแหล่งความเครียดของลูก
  • ตั้งกฎในการดูดนิ้วให้ชัดเจน เช่น ให้ลูกดูดนิ้วได้เฉพาะตอนเข้านอนเท่านั้น โดยอาจมีตารางกำหนดเป้าหมาย และให้รางวัล คำชมเชย เมื่อลูกดูดนิ้วได้น้อยลงตามเป้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ลูกเลิกดูดนิ้วได้สำเร็จ
  • หากลูกมักแสดงพฤติกรรมนี้ตอนนอน คุณพ่อคุณแม่อาจสวมถุงเท้าที่มือให้ลูก เพื่อป้องกันลูกเผลอดูดนิ้วเวลาหลับ
  • พูดคุยและอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าทำไมถึงไม่ควรดูดนิ้ว ให้เขารู้ว่าการดูดนิ้วมีข้อเสียอย่างไร
  • เมื่อลูกเริ่มดูดนิ้ว ควรรีบเบนความสนใจของลูกด้วยของอย่างอื่น เช่น ของเล่น เสียงเพลง หรือหากเป็นเด็กโตหน่อย อาจหากิจกรรมให้ทำ เช่น วาดรูป ระบายสี เพื่อไม่ให้มือว่าง

ลูกชอบดูดนิ้ว หมอฟันอาจช่วยได้

หากคุณพ่อคุณแม่ลองทำวิธีต่างๆ แล้วไม่ได้ผล ควรรีบพาลูกไปพบหมอฟัน เพราะนอกจากลูกจะได้ตรวจสุขภาพช่องปากแล้ว การให้เด็กได้พูดคุยและเรียนรู้ข้อเสียของการดูดนิ้วจากหมอฟัน อาจทำให้เด็กเชื่อฟังและเลิกดูดนิ้วได้ง่ายกว่าการที่พ่อแม่แนะนำให้ทำ นอกจากนี้คุณหมอบางท่านอาจแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ลองป้ายยารสขมบนนิ้วให้ลูก เมื่อลูกดูดแล้วเจอรสขม ก็จะเริ่มอยากดูดนิ้วน้อยลง จนเลิกดูดนิ้วได้ในที่สุด

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook