ดีไซน์เพิ่มมูลค่า! “แม่ฑีตา” แฟชั่นผ้าฝ้าย หมดยุคขายผ้าผืน

หมดยุค! ผ้าฝ้ายขายผืน หรือตัดเป็นชุดโบราณล้าสมัย! ถึงเวลาเปลี่ยนลุคผ้าฝ้ายย้อมครามด้วยดีไซน์ ใส่ความเท่ สร้างจุดเปลี่ยน ด้วยความตั้งใจจากทายาทรุ่น 3 ผู้สานต่อธุรกิจที่ถูกตอกย้ำตลอดว่า ผ้าม่อฮ่อมสีตก โบราณ ไม่ทันสมัย จนผ้าฝ้ายหมดความสำคัญไม่มีคุณค่าหลงเหลืออยู่

สุขจิต แดงใจ เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น “แม่ฑีตา” (Mae Teeta) เล่าว่า ตั้งแต่เล็กได้คลุกคลีอยู่กับกรรมวิธีทอผ้าฝ้าย การย้อมคราม มาโดยตลอดเพราะเป็นอาชีพในครอบครัว จึงเข้าใจดีว่ากว่าจะได้ผ้าแต่ละผืนนั้นยากแค่ไหน ซึ่งคนภายนอกไม่รับรู้ในส่วนนี้เลยกลับมองเป็นผ้าที่ไม่มีคุณภาพ และกดราคาต่ำมาก แต่กลับมีลูกค้าชาวญี่ปุ่นมาซื้ออยู่เสมอจึงทำให้รู้ว่าผ้าฝ้ายเป็นที่นิยมของคนญี่ปุ่น

สุขจิตจึงได้มุ่งมันเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่นจนได้มีโอกาสไปเรียนที่ญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อน จึงพบว่าตลาดผ้ายอมครามในญี่ปุ่นได้รับความนิยมมาก และราคาแพงมาก ที่ดูเป็นของมีค่าทั้งในหมู่วัยรุ่นและผู้ใหญ่ หลังจากจบมหาลัยในสาขา Business Japanese และ Minor International Business Management ได้เรียนเสริมด้านการพัฒนาแฟชั่นที่ สถาบันออกแบบนานาชาติ ชนาพัฒน์ สาขา Fashion Design จนจบจึงกลับมาช่วยงานที่บ้านโดยหวังจะเพิ่มคุณค่าผ้าฝ้ายทอมือ ให้ได้รับการยอมรับจากคนในประเทศและต่างประเทศ

จากผ้าฝ้ายย้อมครามถูกพัฒนาให้เป็นเครื่องแต่งกาย ที่มีดีไซน์เป็นแฟชั่นและชูความเป็นเอกลักษณ์ที่ใครๆ ไม่รู้ว่า ผ้าฝ้ายใส่สบายใส่ได้ทุกสภาพอากาศ ออกแบบให้สามารถใส่ในชีวิตประจำวันได้เหมือนเสื้อผ้าทั่วไป ดีไซน์เรียบง่าย แต่มีความเป็นสากลและทันสมัย พร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบดีไซน์จากไอเดียเริ่มต้น และพัฒนาต่อตามความต้องการของลูกค้า จนเป็นที่ยอมรับในหมู่วัยรุ่นวัยทำงาน มีทั้งแบบของผู้หญิง และผู้ชาย

ปัจจุบันเสื้อผ้าแม่ฑีตา เป็นที่รู้จักมากขึ้นไม่ใช่เฉพาะในฐานะเสื้อผ้าแฟชั่นเท่านั้น ลูกค้ายังทราบถึงคุณค่า ต้นกำเนิดที่มาของผ้าฝ้าย ก็มีดีไม่แพ้ผ้าชนิดอื่นจนชาวต่างชาติยอมรับ ซึ่งคนไทยมีมุมมองที่ดีขึ้นวัดได้จากความต้องการสินค้าไม่น่าเชื่อเสื้อผ้าผู้ชายมีสัดส่วนจำหน่ายมากกว่าผู้หญิงแบ่งเป็น ผู้ชาย 65 เปอร์เซ็นต์ ผู้หญิง 35 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องมุ่งเน้นการออกแบบเสื้อผ้าผู้ชายมากยิ่งขึ้น

ในส่วนของสินค้าที่จำหน่ายนั้นปัจจุบันเป็นผ้าฝ้ายแปรรูปเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายทั้งหมด โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ตัวละ 2,500 บาท ไปจนถึง 5,000 บาท จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และออกงานแสดงสินค้าแฟชั่นเครื่องแต่งกายต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แนวทางพัฒนาต่อไปจะใช้ผ้าฝ้ายไทยเป็นวัสดุในการทำเฟอร์นิเจอร์ เพื่อสร้างความหลากหลายของสินค้า และทำให้เห็นถึงคุณสมบัติที่หลากหลายของผ้าฝ้ายไทย

 “จากผ้าฝ้ายขายผืนประมาณเมตรละ 500 บาท เมื่อนำมาตัดเย็บทำให้มีมูลค่ามากขึ้น สมกับความยากลำบากที่กว่าจะได้ผ้าแต่ละผืนนั้นต้องผ่านการทอ การย้อมคราม จนมาถึงกระบวนการตัดเย็บที่ต้องใช้ผู้ชำนาญมีความละเอียดจนออกมาเป็นชุด ชุดหนึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งคุณภาพ และราคา” คุณสุขจิต กล่าวทิ้งท้าย