ตามติดความกล้าครั้งแรกกับการเปลี่ยนหน้ากลมให้ดู V Shape ด้วย #โบอังกฤษ

ตามติดความกล้าครั้งแรกกับการเปลี่ยนหน้ากลมให้ดู V Shape ด้วย #โบอังกฤษ

ตามติดความกล้าครั้งแรกกับการเปลี่ยนหน้ากลมให้ดู V Shape ด้วย #โบอังกฤษ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ผู้หญิงกับปัญหารูปหน้าเป็นของคู่กัน บางคนรู้สึกว่าตัวเองหน้ากลมจนไม่กล้าถ่ายรูปหน้าตรงต้องเอียงข้างเข้าสู้ หรือไม่ก็ต้องหลบหลังให้เพื่อนช่วยบัง ง่ายที่สุดอาจเป็นพึ่งแอพหน้าเรียวปรับให้ดูเข้าที่ ส่วนบางคนก็อาจจะไม่กล้าหน้าสดเพราะต้องเน้นหนักกับการไฮไลท์ให้กรอบหน้าชัดและแก้มหาย

     เมย์-ณัฏฐสุดา ออมสิน เป็นหนึ่งในผู้หญิงยุคนี้ที่รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน กังวลว่าแก้มใหญ่ หน้าอ้วน ถ่ายรูปแต่ละครั้งถ้าไม่เอียงหน้าก็ต้องเอาผมมาบังถึงจะมั่นใจ แต่วันนี้ที่เจอกันเมย์บอกกับเราว่าต่อไปนี้จะขอ #หน้าตรง #Noapp แบบมั่นใจแล้วถ่ายรูปหน้าตรงจิกกันให้กล้องแตกไปเลย เพราะเมย์จะลอง #โบอังกฤษ ปรับหน้ากลมให้ดู V Shape  

     “คิดมานาน หาข้อมูลมาเยอะ เพราะอยากมั่นใจว่าทำแล้วหน้าปัง ไม่ใช่ทำแล้วยิ่งพังหนักกว่าเดิม เลือกทำที่ Rassapoom Skin Clinic (รัสมิ์ภูมิ คลินิก) เหตุผลแรกคือมั่นใจในมือหมอบี (นพ.ราชา ตันธนาธิป) ถัดมาเป็นเหตุผลที่สำคัญไม่แพ้กันคือที่นี่มี #โบอังกฤษ หรือที่นิยมเรียกกันว่า #โบผู้ดี เพราะเป็นแบรนด์ดังจากประเทศอังกฤษที่ใช้กันมานานกว่า 25 ปี

     เมื่อเมย์ตัดสินใจเด็ดขาดจะฉีดโบครั้งแรกในชีวิตเพื่อกำจัดความกังวลที่ติดตัวจนทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ Sanook! จึงขอตามติดชีวิตครั้งแรกของเธอกันแบบถึงเตียงให้ได้รู้กันไปเลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง

     ทันทีที่ถึง Rassapoom Skin Clinic (รัสมิ์ภูมิ คลินิก) ตามเวลานัด เมย์ก็เข้าห้องเพื่อรับคำปรึกษาจากคุณหมอก่อนเป็นอันดับแรก “ปัญหาของคุณเมย์ก็คือเรื่องของกรอบหน้าที่จะดูค่อนข้างกลมจริงอย่างที่กังวล แต่อีกอย่างที่หมออยากจะแนะนำให้แก้ไขก็คือเรื่องของคาง เพราะตามหลักการใบหน้าควรจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนบนจากไรผมส่วนหน้าผากถึงคิ้ว ส่วนกลางจากคิ้วถึงปลายจมูก และ ส่วนล่างจากปลายจมูกถึงส่วนล่างสุดของคาง 3 ส่วนนี้ต้องเท่ากัน คือ อัตราส่วน 1:1:1 ถ้าสัดส่วนนี้เป็น 1:1:0.7แสดงว่า คางอาจสั้นไป ต้องฉีดคางเพื่อให้สัดส่วนใบหน้าเหมาะสม

     “แต่ในกรณีนี้ที่คุณเมย์ต้องการจะปรับรูปหน้าให้ V Shape ด้วยการใช้โบอังกฤษอย่างที่ตั้งใจมาก็ช่วยได้เหมือนกัน โดยก่อนทำจะมีการทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีเพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายขึ้น หลังจากการทำจะเริ่มจากริ้วรอยที่แลดูตื้นขึ้นภายในเวลา 1 ถึง 3 วัน ผิวแลดูตึงกระชับ กรอบหน้าดูคมชัดขึ้น โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4 ถึง 6 เดือนครับ”

     ระหว่างรอทีมแพทย์เตรียมห้องและอุปกรณ์ เมย์บอกว่าเริ่มจะตื่นเต้นล่ะ แต่สู้ไม่ถอยแน่ และแล้วก็ถึงเวลา ขณะที่ทำเราได้รับอนุญาตพิเศษเพื่อให้เข้าไปเก็บภาพอย่างใกล้ชิด

     #โบอังกฤษ หรือ #โบผู้ดี ที่เมย์เลือกจะเป็นการฉีดเข้าบริเวณชั้นผิวหนังแท้ หรือ Rassapoom D Lift ซึ่งเชื่อกันว่าจะให้ผลชัดเจน ผลที่เกิดขึ้นจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่เกิดขึ้นทันทีโดยผิวจะหดตัวเกิดเป็นวงเล็กๆ ขึ้นและจะจางหายไปใน 10 ถึง 25 นาที ส่วนระยะที่สองจะเป็นกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นทำให้ ผิวแลดูนุ่มนวลขึ้น และโครงหน้าดูชัด “แต่ของดีแบบนี้ก็ต้องเลือกที่ทำกันหน่อยนะคะ หมอที่จะฉีด #โบอังกฤษ บนชั้นผิวหนังแท้ได้ต้องมีความเชี่ยวชาญสูง มือมั่น มือนิ่ง ไม่อย่างนั้นแค่ขยับนิดเดียวก็เกินชั้นผิวหนังแท้ล่ะ” เมย์ขยายความย้ำกับเราด้วยข้อมูลที่หามาค่อนข้างละเอียด

     ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย แถมรอยตุ่มเล็กๆ ที่เกิดขึ้นบนหน้าก็แลดูจางหาย “ไม่เจ็บเลย ชอบมาก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า รู้สึกว่าหน้าดูเรียวขึ้นแล้ว” และมาตรฐานของการดูแลที่นี่คือการ Follow Up อาการเพื่อดูผลลัพธ์ สองอาทิตย์นับจากนี้เราจะมาดูกันว่ารูปหน้าของเมย์จะเปลี่ยนไปอย่างไร

     สองอาทิตย์ผ่านไป...

     เมย์บอกกับเราว่าโดยส่วนตัวเธอไม่รู้สึกว่าไม่มีผลข้างเคียงทางลบใดๆ “มีแต่ทางบวกค่ะ ตอนนี้กลายเป็นเมย์สามารถหน้าตรง จิกกล้องกันให้แตกกันไปข้างหนึ่งแบบไม่ต้องมาเอียงหลบอีกแล้ว” ไม่ใช่แค่เท่านั้นเธอยังบอกว่ากล้าหน้าสดออกจากบ้านแบบไม่ต้องพึ่งไฮไลท์เน้นโครงให้กรอบหน้าอีกต่อไป “ขอบคุณโบอังกฤษล้านครั้งเลยค่ะ”

                                                                           

BEFORE                                        AFTER     

   

     

ขอบคุณ link: Rassapoom Skin Clinic (รัสมิ์ภูมิ คลินิก)

https://www.facebook.com/DrRassapoomFanpage/

@Rassapoomclinic: https://line.me/R/ti/p/%40rassapoomclinic

 

[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook