ไฉนนักกีฬาระดับโลกจึงกระโจนเข้าสู่โลกแห่งแฟชั่นมากมาย?

ไฉนนักกีฬาระดับโลกจึงกระโจนเข้าสู่โลกแห่งแฟชั่นมากมาย?

ไฉนนักกีฬาระดับโลกจึงกระโจนเข้าสู่โลกแห่งแฟชั่นมากมาย?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในยุคสมัยที่กีฬา ผนวกเข้ากับโลกธุรกิจอย่างเต็มตัว นักกีฬาจึงไม่ได้เป็นแค่นักกีฬาอีกต่อไป แต่เป็นถึง เซเลบริตี้คนดัง ไม่แพ้กับอาชีพนักแสดง ในปัจจุบันแต่อย่างใด

ชื่อเสียงที่มากขึ้น ของนักกีฬาในปัจจุบัน ทำให้พวกเขามีคนติดตามชีวิตส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงเรื่องราวของแฟชั่น การแต่งตัว นอกสนามของเหล่านักกีฬา ด้วยเช่นกัน พวกเขาเป็นทั้งต้นแบบ แรงบันดาลใจ ให้กับเหล่าแฟนคลับที่ชื่นชอบ ในตัวของนักกีฬา

เมื่อมีมูลค่า ในตัวที่สูงขึ้น การแสดงออกในความชอบ ด้านแฟชั่น ของนักกีฬาหลายคน จึงไม่ได้หยุดที่การแต่งตัวเท่านั้น แต่รวมไปถึงการทำแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น ของตัวเองขึ้นมา เพื่อขายสินค้า คอลเลคชั่นพิเศษของตัวเอง เหมือนที่เเบรนด์ชั้นนำของโลกทำกัน

 

ล่าสุด ลีโอเนล เมสซี (Lionel Messi) ยอดนักฟุตบอลของโลก ได้ร่วมมือกับดีไซน์เนอร์จากแบรนด์ MGO ทำแบรนด์แฟชั่นของเมสซี่ขึ้นมา เพื่อขายเครื่องแต่งกาย ที่เมสซีมีส่วนร่วมในการออกแบบ และสะท้อนตัวตนของนักเตะรายนี้ออกมา ซึ่งแม้ยังไม่เปิดชื่อแบรนด์อย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้เปิดตัวช่องทางการจัดจำหน่ายแล้ว ในชื่อ The Messi Store (เดอะ เมสซี สโตร์)

Main Stand จะพาไปย้อนดูว่า ในอดีตที่ผ่านมา ก่อนหน้าเมสซี มีนักกีฬาชื่อดังรายใดบ้าง ที่เริ่มทำแบรนด์หรือคอลเลคชันเสื้อผ้าของตัวเองออกมา ซึ่งบางรายก็ประสบความสำเร็จมหาศาล ขณะที่บางรายเจ๊ง จนต้องปิดกิจการไปแล้ว

เริ่มต้นจากรองเท้า

จุดเริ่มต้นของการเชื่อมโยงกัน ระหว่างกีฬาและแฟชั่น ต้องย้อนไปที่ยุค 70’s เมื่อ Adidas (อาดิดาส) ออกแบบรองเท้าเทนนิสรุ่นพิเศษ โดยมี สแตน สมิธ (Stan Smith) อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลก ชาวสหรัฐอเมริกา เป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม และกลายเป็นรุ่นรองเท้าที่ทรงอิทธิพล มาจนถึงปัจจุบัน

 1

ขยับเข้าสู่ยุค 80’s วิวัฒนาการของแฟชั่น กับนักกีฬายกระดับไปอีกขั้น เมื่อ Nike (ไนกี้) แบรนด์ดังจากสหรัฐฯ ออกแบบรองเท้ารุ่นพิเศษ ให้กับ ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) ยอดนักบาสระดับตำนาน ภาพใต้ชื่อแบรนด์ Air Jordan (แอร์ จอร์แดน) 

ด้วยความโด่งดัง ของจอร์แดน ทำให้แบรนด์รองเท้ารุ่นนี้ โด่งดังไปทั่วโลก จนสินค้าภายใต้ชื่อแบรนด์ Air Jordan ไม่ได้หยุดอยู่ที่รองเท้า แต่ข้ามไปถึงเครื่องแต่งกายชนิดอื่น รวมถึงการสร้างสินค้าคอลเลคชันพิเศษ ร่วมกับแบรนด์ดังระดับโลก เช่น Off White (ออฟ ไวท์) และ Supreme (ซูพรีม)

 2

นอกจากนี้ แบรนด์ Air Jordan ยังพาแฟชั่นของนักกีฬา ข้ามไปสู่ความนิยม ในวัฒนธรรม แฟชั่นกระแสหลัก กับการเป็นแบรนด์ ขวัญใจของศิลปินชื่อดัง เช่น เคนดริค ลามาร์ (Kendrick Lamar) และเดรค (Drake)

แม้ในความเป็นจริง ไมเคิล จอร์แดน จะไม่ได้มีส่วน ในการออกแบบสินค้าของ Air Jordan แต่แบรนด์นี้ คือจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจ ให้เหล่านักกีฬาได้รู้ว่า ชื่อเสียงของพวกเขา สามารถนำไปต่อยอดกับธุรกิจ ทางแฟชั่น ได้อย่างไม่ยากเย็น

จากจอร์แดน สู่รุ่นน้อง

ถึงไมเคิล จอร์แดน จะไม่ได้เป็นเจ้าของแบรนด์ Air Jordan แต่เขาคือแรงบันดาลใจ ให้รุ่นน้องในวงกาสบาสเกตบอล ได้ออกจากกรอบ ของความเป็นนักกีฬา ก้าวข้ามสู่การ เป็นต้นแบบทางแฟชั่น เหมือนที่เขาเคยเป็น 

เลบรอน เจมส์ (Lebron James) คือคนที่ตามรอยจอร์แดนอย่างแท้จริง ในปี 2015 เขาเซ็นสัญญาตลอดชีวิตกับ Nike ด้วยผลตอบแทนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้เขาได้มีสินค้า คอลเลคชั่นของตัวเอง ซึ่งแตกต่างจากจอร์แดน เลบรอนมีส่วนร่วมในการออกแบบ เสื้อผ้าและรองเท้า ภายใต้คอลเลคชั่น “Lebron” ร่วมกับ Nike อยู่ตลอด

 3

ก่อนที่ในปี 2018 เลบรอนจะร่วมมือกับกลุ่มดีไซน์เนอร์ เปิดตัวแบรนด์ของเขา ในชื่อ The HFR x LeBron 16 (เดอะ เอชเอฟอาร์ x เลอบรอน ซิกส์ทีน) ซึ่งขายรองเท้าบาสเก็ตบอล สำหรับผู้หญิง ซึ่งได้ Nike เข้ามาเป็นผู้สนับสนุน แบรนด์ของเขาด้วย

ดเวย์น เหวด (Dwyane Wade) เป็นอีกคนที่เดินตามรอยจอร์แดน เมื่อเขาเปิดตัวแบรนด์ Way of Wade (เวย์ ออฟ เหวด) ร่วมกับ Li-Ning แบรนด์กีฬาชื่อดังจากจีน ในปี 2013 ขายทั้งเสื้อผ้า และรองเท้าบาสเกตบอล โดยเจาะตลาดในประเทศจีนเป็นหลัก 

 4

ขณะเดียวกัน ในโลกฝั่งตะวันตก ดเวย์น เหวด ร่วมมือกับแบรนด์ Stance (สแตนซ์) ผลิตถุงเท้าคอลเลคชั่นพิเศษของเขาขึ้นมา และยังมีคอลเลคชั่นใหม่ ออกมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน

รัสเซล เวสต์บรูค (Russell Westbrook) คือนักบาสจากลีก NBA อีกคน ที่ประสบความสำเร็จ บนเส้นทางสายแฟชั่น เขาเริ่มต้นด้วยการเป็นพรีเซนเตอร์ ให้กับ Air Jordan ก่อนที่จะต่อยอด กลายเป็นหนึ่งในดีไซน์เนอร์ ของแบรนด์

ปี 2015 เวสต์บรูค จึงเริ่มต้น สร้างแบรนด์ของเขาเอง ซึ่งขายผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้ายีนส์ ในชื่อ True Religion (ทรู เรลิเจียน)

 5

สำหรับคนในวงการบาสเกตบอล พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ในโลกแฟชั่น เพราะพวกเขามีพื้นที่ได้แสดงออกแฟชั่น ของตัวเองในสนามแข่งขัน อย่างง่ายที่สุด คือรองเท้าที่ตัวเองใส่ลงแข่งขัน ด้วยการออกแบบเอง

รวมไปถึงยังมีแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ ที่คอยหนุนหลัง ให้แบรนด์ของเหล่านักบาส NBA ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก

แฟชั่นจากโลกเทนนิส

ไม่ใช่แค่คนในวงการบาสเกตบอล ที่กระโดดเข้าสู่โลกแฟชั่น อย่างแพร่หลาย แต่รวมถึงวงการเทนนิสด้วยเช่นกัน อย่าง เซรีนา วิลเลียมส์ (Serena Williams) ยอดนักเทนนิสหญิง ที่เปิดแบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงของเธอ ในชื่อ Serena (เซรีนา) เมื่อปีที่ผ่านมา

โดยเซรีนา มีคอนเซ็ปท์เสื้อผ้าที่น่าสนใจ กับการทำแบรนด์เสื้อผ้า ที่ทำให้ผู้หญิงทุคนสวมใส่ได้ ไม่ว่าจะรูปร่างแบบใด ทำให้เเบรนด์ของเธอ ได้รับความสนใจจากหน้าสื่อตลอดเวลา

 6

แต่ก่อนที่เซรีนา จะมีแบรนด์ของตัวเอง พี่สาวของเธอ วีนัส วิลเลียมส์ (Venus Williams) ได้เริ่มต้น ทำแบรนด์แฟชั่นของตัวเอง ตั้งแต่ปี 2012 กับแบรนด์ Eleven (อีเลฟเวน) ซึ่งขายทั้งเสื้อผ้าทั่วไป และเสื้อผ้ากีฬา สำหรับนักเทนนิส

ซึ่งหากย้อนประวัติของวีนัสแล้ว จะพบว่าเธอจบการศึกษาในประดับปริญญาตรี เมื่อปี 2007 ในสาขาการออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่นอีกด้วย

นอกจากนักเทนนิสหญิง นักเทนนิสชาย ก็สามารถเป็นสุดยอดดีไซน์เนอร์ ได้เช่นเดียวกัน บียอร์น บอร์ก (Björn Borg) อดีตนักเทนนิส เบอร์ 1 ของโลก ชาวสวีเดน ได้เริ่มต้นทำแบรนด์ของเขา ด้วยชื่อของตัวเองในปี 2006 ที่สำคัญ เขาเริ่มต้นด้วยการขายเสื้อผ้าผู้หญิง แทนที่จะเป็นเสื้อผ้าผู้ชาย 

 7

ผ่านมา 13 ปี แบรนด์ Björn Borg คือแบรนด์ที่ได้รับความนิยม แบรนด์หนึ่งจากประเทศสวีเดน ซึ่งตัวบอร์ก เปิดเผยว่า สิ่งที่ทำให้แบรนด์ของเขา ยืนหยัดได้นานกว่า 10 ปี คือการสร้างเครื่องแต่งกาย ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น ไม่เหมือนกับแบรนด์ทั่วไป ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่เหนียวแน่น

สำหรับกีฬาเทนนิส กับแฟชั่นคือสิ่งที่แยกกันไม่ขาด แต่สิ่งที่ทำให้แบรนด์ของนักเทนนิส ประสบความสำเร็จในโลกแฟชั่น คือคอนเซ็ปท์แบรนด์ที่โดดเด่นชัดเจน พยายามสร้างความแตกต่าง โดดเด่นไม่เหมือนใคร จนได้ใจ คนในวงการแฟชั่นไปจำนวนมาก

ล้มเหลว บนเส้นทางแฟชั่น

ไม่ได้หมายความว่า การที่คุณเป็นคนดัง จะประสบความสำเร็จ ในโลกแฟชั่นเสมอไป หนึ่งในนักกีฬา ที่มีภาพลักษณ์ เป็นเซเลบริตี้ คือเดวิด เบ็คแฮม (David Beckham) อดีตนักฟุตบอลสุดเท่ ขวัญใจแฟนบอล และหญิงสาวทั่วโลก ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูดี และโฉบเฉี่ยว แบบหนุ่มอังกฤษรุ่นใหม่ รวมไปถึงสไตล์แฟชั่น ที่โดดเด่น ตั้งแต่สมัยเป็นนักฟุตบอล 

ทำให้เบ็คแฮม ได้เข้าสู่วงการแฟชัน ในปี 2015 เมื่อเขาเซ็นสัญญา เป็นระยะเวลา 5 ปี กับแบรนด์ Kent & Curwen (เคนท์ แอนด์ เคอร์เวน) ในฐานะดีไซน์เนอร์ ที่มีส่วนออกแบบเสื้อผ้า รวมถึงออกแบบโฆษณาที่ใช้โปรโมตสินค้า และมีสิทธิ์ในการบริหารแบรนด์อีกด้วย

 8

เหตุผลที่แบ็คแฮม ได้โอกาสกระโดดเข้าสู่โลกแฟชั่น แบบเต็มตัว เนื่องจากแบรนด์ Kent & Curwen ได้มีการเปิดร้าน 115 แห่ง ในเขตประเทศจีน ต้องการใช้แบ็คแฮม เป็นคนเจาะตลาดจีน และตัวเบ็คแฮม ยอมรับว่า เขามองหาโอกาส ที่จะได้ทำงานในสายแฟชั่นมานานแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่าง ไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง Kent & Curwen ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้เบ็คแฮม เข้ามาเป็นทีมผู้บริหาร โดยมีรายงานว่า 3 ปีหลังสุด ผลประกอบการเป็นติดลบ ซึ่งในปีล่าสุดขาดทุนไปเกือบ 11 ล้านปอนด์ 

โดยผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน เปิดเผยเหตุผลที่เบ็คแฮม ล้มเหลวในโลกแฟชั่นว่า แบรนด์ของเขาพยายามจะขายชื่อของเบ็คแฮม มากเกินไป กว่าจะให้ความสำคัญต่อเรื่องสินค้า ทำให้แบรนด์ล้มเหลว กว่าที่ควรจะเป็น

 9

กระนั้นเบ็คแฮม ยังไม่หยุดเส้นทางของเขาในสายแฟชั่น หลังจากในปีที่ผ่านมา เขาเปิดตัวเเบรนด์เครื่องสำอาง สำหรับผู้ชาย ในชื่อ House 99 (เฮาส์ ไนน์ตี้ไนน์)

ฟุตบอล x แฟชั่น

แม้เบ็คแฮม จะไม่ประสบความสำเร็จนัก บนเส้นทางแฟชั่น แต่เขาคือต้นแบบ ของนักฟุตบอลทั่วโลก ว่านักกีฬา สามารถเป็นไอคอน ด้านแฟชั่นได้เช่นกัน และมีรุ่นน้องหลายคนเดินตามเส้นทาง ที่เขาปูไว้ให้

คริสเตียโน โรนัลโด้ คือคนที่ตามรอยเบ็คแฮม ได้เป็นอย่างดี กับภาพลักษณ์ซุปเปอร์สตาร์ รูปร่างสุดเซ็กซี่ และแฟชั่นอันเรียบหรู ยามแต่งกายนอกสนาม ด้วยคุณสมบัติที่เพรียบพร้อม ทำให้ในปี 2013 โรนัลโด้ เปิดตัวแบรนด์ชุดชั้นในชาย ของเขาขึ้นมา ในชื่อ CR7 (ซีอาร์ เซเวน)

 10

หลังจากนั้น โรนัลโด้ขยับเปิดตัวแบรนด์รองเท้า ภายใต้ชื่อ CR7 เช่นเดิม ในปี 2015 รวมถึงเปิดตัวน้ำหอม คอลเลคชั่นพิเศษ ในปีเดียวกัน แม้กระทั่งผ้าห่มและผ้าขนหนู ผู้ชายคนนี้ก็เปิดขาย ภายใต้แบรนด์ CR7 เช่นเดียวกัน เมื่อปี 2016

ปัจจุบัน แบรนด์เครื่องแต่งกาย CR7 ยังคงได้รับความนิยม และมีส่วนช่วย ให้แบรนด์ CR7 ของโรนัลโด้ ได้รับการประเมินว่า มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านยูโร ในปัจจุบัน 

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (Zlatan Ibrahimović) คืออีกคนที่เปิดแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมา ภายใต้ชื่อ A-Z (เอซี) ในปี 2016 ซึ่งขายเสื้อผ้าครบวงจร ตั้งแต่หัวจรดเท้า ให้ทั้งผู้ชาย, ผู้หญิง และเด็ก

อย่างไรก็ตาม ซลาตัน ไม่ประสบความสำเร็จ แบบโรนัลโด้ บนเส้นทางแฟชั่น เพราะแบรนด์ A-Z ขาดทุนมากถึง 18 ล้านปอนด์ ในปี 2018 และทำการปิดตัวลง ภายในปีนั้น

 11

ซึ่งความล้มเหลวที่เกิดขึ้นกับแบรนด์เสื้อผ้า ของซลาตัน มาจากการที่เขาขายสินค้าในราคาที่แพงเกินไป ทั้งที่ตัวสินค้า ไม่ต่างจากแบรนด์ทั่วไป ในตลาดแฟชั่นมากนัก ทำให้เขาต้องหยุด ธุรกิจบนเส้นทางนี้ในที่สุด

ขณะที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ (Rio Ferdinand) อาจเลือกทำในสิ่งที่ต่างไปจากโรนัลโด้ และซลาตัน เพราะเขาเลือกเปิดแบรนด์แฟชั่น เสื้อผ้ากีฬาธรรมดา ที่หาซื้อได้ตามเว็บทั่วไป อย่างแบรนด์ FIVE (ไฟว์) เมื่อปี 2017

แม้จะไม่ใช่แบรนด์เสื้อผ้าที่โด่งดัง แต่แบรนด์ FIVE ของเฟอร์ดินานด์ ยังคงอยู่ได้ ในปัจจุบัน ท่ามกลาง สงครามโลกแฟชั่น ที่เชี่ยวกราก

 12

และล่าสุดกับเนย์มาร์ (Neymar) ที่เปิดตัวน้ำหอมของตัวเอง ในชื่อ Spirit of Brave (สปิริต ออฟ เบรฟ) ร่วมกับแบรนด์ Diesel (ดีเซล) แบรนด์เสื้อผ้าระดับโลก ในเดือนพฤษภาคม ปี 2019 นี้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ของหนุ่มบราซิล บนเส้นทางสายแฟชั่น

ในเคสของนักฟุตบอล คือภาพที่สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ใช่นักกีฬาชื่อดังทุกคน จะประสบความสำเร็จ ในโลกแฟชั่น ต่อให้มีชื่อเสียง แต่หากขายสินค้าราคาแพง หรือไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย แบบแบ็คแฮม และสลาตัน ธุรกิจแฟชั่น อาจได้รับผลตอบรับ ไม่เป็นไปตามที่คิด

แต่หากรู้กลุ่มเป้าหมาย แบบโรนัลโด้ หรือริโอ เฟอร์ดินานด์ แบรนด์ของพวกเขาก็สามารถอยู่รอดได้ และอาจเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเองได้อีกด้วย

สำหรับลีโอเนล เมสซี เขาอาจเป็นสุดยอดในโลกฟุตบอล และประสบความสำเร็จมากมายนับไม่ถ้วน แต่เส้นทางของเขาบนโลกแฟชั่น เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น 

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ ไฉนนักกีฬาระดับโลกจึงกระโจนเข้าสู่โลกแห่งแฟชั่นมากมาย?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook