จริงหรือไม่? ดื่มกาแฟมากเกินไป เสี่ยง "โรคกระดูก" อ.เจษฎ์ เฉลยพร้อมอธิบายชัดเจน!

จริงหรือไม่? ดื่มกาแฟมากเกินไป เสี่ยง "โรคกระดูก" อ.เจษฎ์ เฉลยพร้อมอธิบายชัดเจน!

จริงหรือไม่? ดื่มกาแฟมากเกินไป เสี่ยง "โรคกระดูก" อ.เจษฎ์ เฉลยพร้อมอธิบายชัดเจน!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดื่มกาแฟมาก เสี่ยงกระดูกพรุนจริงหรือ? รศ.ดร.เจษฎา ไขข้อสงสัยชัดเจน

รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Jessada Denduangboripant ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นที่มีคำถามว่า

“ทานกาแฟมากๆ ทำให้กระดูกพรุน จริงหรือ?”

คำตอบคือ เป็นเรื่องจริง เพราะการดื่มกาแฟมากเกินไป จะทำให้ร่างกายได้รับสาร “คาเฟอีน” ในปริมาณสูง ซึ่งส่งผลให้เกิดการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น อาจนำไปสู่กระดูกที่อ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับแคลเซียมและวิตามินดีไม่เพียงพอ และนำไปสู่ความเสี่ยงต่อภาวะโรคกระดูกพรุน (osteoporosis) ที่เพิ่มขึ้นได้

เว็บไซต์ของสมาคม Royal Osteoporosis Society แห่งสหราชอาณาจักร ให้คำแนะนำว่า อาหารบางประเภท รวมถึงกาแฟ หากบริโภคมากเกินไป อาจส่งผลต่อความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนได้

คาเฟอีน

การบริโภคคาเฟอีนสูง จะเพิ่มการสูญเสียแคลเซียมไปทางปัสสาวะ ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว สิ่งนี้อาจทำให้กระดูกสูญเสียความแข็งแรงได้ หากไม่ได้รับแคลเซียมเพียงพอมาชดเชย แต่หากได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่ไม่มากเกินไป ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนักต่อกระดูก

กาแฟ: คาเฟอีนในกาแฟอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลเล็กน้อย ระหว่างแคลเซียมที่รับเข้าไป กับแคลเซียมที่สูญเสีย

  • หากแคลเซียมต่ำ หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ควรดื่มกาแฟไม่เกิน 4 แก้วต่อวัน
  • กาแฟบดที่เข้มข้น มีคาเฟอีนมากกว่ากาแฟสำเร็จรูป
  • หากกังวล ควรดื่มกาแฟ ใส่นม เพื่อชดเชยการสูญเสียแคลเซียม

ชา: แม้มีคาเฟอีน แต่ไม่พบว่ามีผลต่อกระดูกเหมือนกาแฟ อาจเพราะมีสารฟลาโวนอยด์ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อกระดูก

เครื่องดื่มอื่น: โปรดจำไว้ว่าบางเครื่องดื่ม เช่น โคล่า ก็มีคาเฟอีนด้วย

ไฟเตตและออกซาเลต

สารประกอบเหล่านี้พบในอาหารทั่วไปบางชนิด โดยไม่ทำอันตรายต่อกระดูกโดยตรง แต่สามารถลดการดูดซึมแคลเซียมได้ อย่างไรก็ดี หากอาหารของคุณมีแคลเซียมเพียงพอ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

อาหารที่มี ไฟเตต: อาหารจากพืช รำข้าว ถั่วเปลือกแข็ง ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วแห้ง เมล็ดพืช ธัญพืช

อาหารที่มี ออกซาเลต: อาหารจากพืชส่วนใหญ่ ชา รูบาร์บ ผักโขม (สองรายการหลังมีปริมาณสูง)

อาหารที่มีความเป็นกรด

บางคนเชื่อว่าอาหารที่มีโปรตีนสูง อาจทำให้เลือดเป็นกรด ร่างกายต้องดึงแคลเซียมจากกระดูกมาปรับสมดุล ซึ่งอาจทำให้กระดูกอ่อนแอได้ แนวคิดนี้นำไปสู่การส่งเสริมการกิน อาหารด่าง (alkaline diet) แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าช่วยลดความเสี่ยงกระดูกหักได้จริง

แอลกอฮอล์

การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก เพิ่มความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนและกระดูกหัก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อการหกล้ม ดังนั้น ดื่มไม่เกิน 14 ยูนิตต่อสัปดาห์ และควรแบ่งดื่มหลายวัน รวมถึงมีวันที่ไม่ดื่มเลยด้วย

ไขมัน

แม้ไขมันมีความจำเป็นต่อร่างกาย แต่ ไขมันอิ่มตัวมากเกินไป อาจทำให้กระดูกสูญเสียความแข็งแรง โดยเป็นไปได้ว่าไขมันส่วนเกินไปจับกับแคลเซียม ก่อนร่างกายจะดูดซึมไปใช้ หรืออาหารที่มีไขมันสูงมักขาดสารอาหารที่กระดูกต้องการ

เครื่องดื่มอัดลม

โดยทั่วไป เครื่องดื่มอัดลมไม่อันตรายต่อกระดูก แต่ควรระวัง ไม่ควรดื่มแทนนม หรือเครื่องดื่มที่มีสารอาหาร กรดฟอสฟอริกในโคล่าอาจมีผลกระทบ แต่ก็อาจเป็นเพราะคนที่ดื่มโคล่ามาก มักไม่ดื่มนมหรือกินอาหารที่ดี ส่วนคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำอัดลม ไม่พบว่าทำอันตรายต่อกระดูก

เกลือ

เกลือมากเกินไป อาจเพิ่มการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าจะทำให้กระดูกอ่อนแอหรือไม่ ดังนั้น ไม่ควรบริโภคเกลือเกิน 6 กรัมต่อวัน (ประมาณ 1 ช้อนชา) หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือสูง เช่น ขนมปัง ซีเรียล เนื้อแปรรูป ก้อนซุป อาหารสำเร็จรูป

วิตามินเอ

วิตามินเอในรูปแบบ เรตินอล หากได้รับมากเกินไป อาจทำให้กระดูกอ่อนแอ โดยอาหารที่มีเรตินอลสูง ได้แก่ ตับ น้ำมันตับปลา ตับบด ส่วนอาหารที่มีเรตินอลต่ำ ได้แก่ ปลาที่มีไขมันสูง นม ชีส โยเกิร์ต ไข่ ขณะที่ เบต้าแคโรทีน (วิตามินเออีกชนิด) ไม่มีผลเสียต่อกระดูก

ควรจำกัดอาหารที่มีเรตินอลสูงไม่เกินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือพยายามลดปริมาณ หากเป็นไปได้ โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีวิตามินเอ ไม่ควรเกิน 1.5 มิลลิกรัม (1,500 ไมโครกรัม) ต่อวัน และไม่ควรกินต่อเนื่องเป็นเวลานาน

การดื่มกาแฟในปริมาณมาก อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนได้ เนื่องจากคาเฟอีนส่งผลให้ร่างกายขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นที่อาจกระทบต่อสุขภาพกระดูกได้แก่ การบริโภคแอลกอฮอล์มากเกินไป เกลือ ไขมันอิ่มตัว วิตามินเอในรูปแบบเรตินอล รวมถึงการเลือกดื่มเครื่องดื่มอัดลมแทนนม แม้สารบางชนิด เช่น ไฟเตต ออกซาเลต หรืออาหารที่มีความเป็นกรด ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ากระทบต่อกระดูก แต่การรับประทานอาหารอย่างสมดุลและเพียงพอ ยังคงเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคกระดูกพรุน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล