สลด สาวอายุแค่ 25 เป็นอัมพาต โดนสโตรกเล่นงาน หมอเตือน “อาการนี้” ไม่ใช่สายตาสั้น!

มีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง ต่อเนื่องนาน 2 ปี แต่หญิงสาววัย 25 คิดว่าตนเองสายตาสั้น ส่งผลร้ายแรงคือเป็นอัมพาตครึ่งซีก ดูแลสุขอนามัยส่วนตัวไม่ได้...
โรคหลอดเลือดสมองอาจไม่กำเริบรุนแรงในทันที แต่สัญญาณเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นอาจคงอยู่นานหลายเดือนหรือหลายปี ผู้ป่วยจะสูญเสียเซลล์ประสาทไปประมาณ 2 ล้านเซลล์ทุกนาที ดังนั้น ไม่แปลกเลยหากกล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมองที่กินเวลานานไม่กี่ชั่วโมง อาจทำให้สมองของผู้ที่มีอายุ 25 ปี ได้รับความเสียหายเทียบเท่ากับผู้ที่มีอายุ 60 ปี หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
เมื่อไม่นานมานี้ เรื่องราวของหญิงสาวชาวเวียดนามทำให้ทุกคนรู้สึกเสียใจ เมื่อต้นเดือนเมษายน เธอถูกครอบครัวนำตัวส่งห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลในสภาพที่เคลื่อนไหวไม่ได้ ไม่ตอบสนองต่อการเรียก และกล้ามเนื้ออ่อนแรง หลังจากการตรวจร่างกาย แพทย์สรุปว่ามีอาการตีบอย่างรุนแรงของหลอดเลือดแดงคอโรติดด้านซ้าย และหลอดเลือดสมองส่วนกลางด้านซ้ายอุดตันอย่างสมบูรณ์ “เกิดโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน”
หลังจากรักษาตัวได้ 5 วัน เธอจึงออกจากโรงพยาบาลได้ แต่มีอาการอัมพาตข้างหนึ่ง จึงต้องใส่ขดลวดในหลอดเลือด หลังจากนั้นอาการของเธอก็ดีขึ้น แต่ยังคงต้องเข้ารับการกายภาพบำบัดเป็นเวลา 1 ปี ปัจจุบันเธอสามารถเคลื่อนไหวได้เบาๆ แต่แขนข้างหนึ่งยังหดตัวอยู่ ทำให้ไม่สามารถดูแลสุขอนามัยส่วนตัวได้
จากคำบอกเล่าของแม่ผู้ป่วย ลูกสาวมีอาการของโรคหลอดเลือดสมองหลายอย่างติดต่อกันเป็นเวลา 2 ปี แต่เธอและครอบครัวกลับไม่ได้สนใจมากนัก เพราะคิดว่าเป็นอาการทั่วไป ตัวอย่างเช่น มักจะมองเห็นพร่ามัวเมื่อตื่นนอนประมาณ 30 วินาทีแล้วจึงกลับมาเป็นปกติ จึงเชื่อว่าเพียงสายตาสั้น นอกจากนี้ ผิวหนังของเธอมักมีรอยฟกช้ำ แต่ครอบครัวก็เชื่อว่าเป็นเลือดออกตามผิวหนังตามปกติ
อย่างไรก็ดี แพทย์ระบุว่าอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณของ "ภาวะขาดเลือดชั่วคราว" ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่นำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง
- วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้ว “1 เครื่องดื่มสีแดง” ที่ช่วยเปิดหลอดเลือด ลดคอเลสเตอรอล!
- หมอเตือน "อากาศร้อน" อย่าทำ 3 สิ่งนี้ ถ้าไม่อยากอัมพฤกษ์-อัมพาต เส้นเลือดสมองแตก!
ป้องกันโรคหลอดเลือดสมองตั้งแต่วันนี้! 9 วิธีลดความเสี่ยง “อัมพฤกษ์-อัมพาต” ที่ทุกคนควรรู้
โรคหลอดเลือดสมอง หรือ “โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต” กำลังเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยจำนวนมากในแต่ละปี โดยเฉพาะในกลุ่มอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าเพียงแค่ 1 นาทีที่สมองขาดเลือด เซลล์ประสาทอาจตายไปกว่า 2 ล้านเซลล์! และหากปล่อยไว้หลายชั่วโมง สมองของคนอายุ 25 ปีอาจเสื่อมสภาพเทียบเท่าคนอายุ 60 ปี ดังนั้น แนะนำ 9 วิธีลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ที่ควรเริ่มทำทันทีตั้งแต่วันนี้
1. ควบคุมความดันโลหิตให้ดี เพราะความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งที่เพิ่มโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ถึง 2-4 เท่า โดยควรควบคุมความดันให้ไม่เกิน 120/80 mmHg หรือ ไม่เกิน 140/90 mmHg สำหรับบางรายที่มีข้อจำกัดทางสุขภาพ
-
ลดโซเดียมในอาหาร ไม่เกิน 1,500 มก./วัน
-
เลี่ยงอาหารไขมันสูง เช่น เบอร์เกอร์ ชีส ไอศกรีม
-
กินผักผลไม้วันละ 4-5 ส่วน, กินปลา 2-3 ครั้ง/สัปดาห์
-
ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที/วัน
-
งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่
-
ใช้ยาควบคุมความดันหากแพทย์แนะนำ
2. ควบคุมน้ำหนักและลดไขมัน ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองผ่านโรคเรื้อรังอื่น เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
-
รักษา BMI (ดัชนีมวลกาย) ให้อยู่ระหว่าง 18.5-23
-
หาก BMI > 25 ควรลดน้ำหนักทันที
-
จำกัดพลังงานไม่เกิน 1,500-2,000 แคลอรี่/วัน
-
เพิ่มการเคลื่อนไหว เช่น เดิน เล่นเทนนิส กอล์ฟ ทุกวัน
3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยลดน้ำหนัก ลดความดัน และลดโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้น ออกกำลังกายระดับปานกลาง อย่างน้อย 5 วัน/สัปดาห์ เช่น เดินเล่นรอบบ้านเช้า-เย็น, เล่นกีฬาต่างๆ หรือเข้าคลาสกับเพื่อน ถ้าไม่มีเวลา 30 นาทีรวด แบ่งเป็นช่วงละ 10-15 นาทีก็ได้
4. ดื่มแอลกอฮอล์อย่างพอดี เพราะการดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาด มากกว่า 2 แก้ว/วัน เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองอย่างมาก ดังนั้น จำกัดการดื่มไม่เกิน 1-2 แก้ว/วัน หรือหลีกเลี่ยงการดื่มหากเป็นไปได้
5. รักษาอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) เพิ่มโอกาสเกิดลิ่มเลือด ส่งผลให้เสี่ยงหลอดเลือดสมองถึง 5 เท่า หากมีอาการเช่น ใจสั่น หายใจไม่ทัน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และอาจต้องใช้ยาเช่น aspirin ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
6. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากเบาหวานและระดับน้ำตาลสูง ทำลายหลอดเลือดและเพิ่มความเสี่ยงเกิดลิ่มเลือด วิธีดูแลคือ ควบคุมระดับน้ำตาลตามคำแนะนำแพทย์, ปรับอาหาร, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และใช้ยาอย่างเหมาะสม
7. เลิกบุหรี่และหลีกเลี่ยงควัน บุหรี่เร่งการสะสมของไขมันในหลอดเลือด และเพิ่มโอกาสการเกิดลิ่มเลือด ดังนั้น ควรเลิกบุหรี่ทันที และหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีควันบุหรี่ หากเลิกไม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือใช้วิธีช่วยเลิกที่เหมาะสม
8. ลดความเครียดและความวิตกกังวล ซึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดโรคเรื้อรังและโรคหลอดเลือดสมอง สามารถลดลงได้ด้วยการ
- นอนหลับให้พอวันละ 6-7 ชั่วโมง
- ฝึกสมาธิ โยคะ หรือหายใจลึกๆ
-
หาเวลาผ่อนคลายและพักผ่อน
9. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ แม้จะไม่มีอาการ แต่พฤติกรรมยุคใหม่ เช่น นอนดึก, กินจังก์ฟู้ด, ไม่ออกกำลังกาย ทำให้คนรุ่นใหม่เสี่ยงอัมพาตมากขึ้น ดังนั้น ควรตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อตรวจหาโรคเรื้อรังหรือความเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจซ่อนอยู่
การป้องกันโรคหลอดเลือดสมองไม่ใช่เรื่องยาก หากเริ่มเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ตั้งแต่วันนี้ ทั้งเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย การพักผ่อน และการเลิกพฤติกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานที่กำลังเสี่ยงแบบไม่รู้ตัว!